1
บุ้งกี๋สาวน้อยวัยยี่สิบสองเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยมาหมาด ๆ หล่อน เปรียบเสมือนกุหลาบแรกแย้มสีแดงสดใสหัวใจรักมีไว้มอบให้หมอทัพพ์ ผู้ปกครองหนุ่มผู้เคร่งขรึม แต่ไร้ซึ่งสัญญาณตอบรับกับความรักที่สาวน้อยขยันส่งไปให้ เขาทำเหมือนไม่เข้าใจมัน สักที.....วันนี้หล่อนกำลังจะกลับไปหาเขาไปสานต่อเจตนาที่จะคว้าหัวใจเขามาครอบครองให้ได้ บุ้งกี๋นั่งฝันหวานขณะที่เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า
สายตาภายใต้แว่นกันแดดแบรนด์หรูไล่เฉดสีเทาอ่อนถึงเข้มยิ่งส่งเสริมบุคลิกภาพของชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสูงโปร่งเป็นที่สะดุดตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณที่จัดไว้สำหรับผู้โดยสารขาเข้า เขามาเพื่อเฝ้ารอเด็กในปกครองที่อ้อนขอให้มารับด้วยตัวเอง.... เพื่อเป็นของขวัญในโอกาสจบการศึกษาในขณะที่เขาคิดว่าหล่อนน่าจะอยากได้ของอื่นอย่างที่เด็กสาว ๆ เขาชอบกันเสียอีก ดังนั้นถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะมีนัดกับบิดาที่ไร่บ้านเกิดจังหวัดเชียงราย ยังไงก็ต้องปลีกตัวมารับยัยเด็กขี้อ้อนนี่ก่อน
“พี่หมอขา...ทางนี้ค่ะ.....” เสียงหวานใสเอ่ยออกมาอย่างดีใจพร้อมกับวิ่งเข้ามาสวมกอดเอวสอบเอาไว้ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองมาอย่างสนใจหนุ่มก็หล่อสาวก็สวยออร่าพุ่งกระจายกันทั้งคู่
“โตแล้วนะเรา......อย่าทำแบบนี้รู้ไหม” ชายหนุ่มเอ็ดเบา ๆ พร้อมกับแกะแขนเรียวเล็กของเจ้าหล่อนออกจากเอวด้วยท่าทางเก้อเขิน บุ้งกี๋กับเขาห่างกันแค่สิบปีและตอนนี้หล่อนก็โตเป็นสาวเกินกว่าจะให้มาเกาะแกะถึงเนื้อถึงตัวกันเหมือนเมื่อสิบปีที่แล้วมันก็ไม่เหมาะไม่ควร และที่สำคัญ เขาเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน
บุ้งกี๋หน้างอ เมื่อก่อนเขาระวังตัวแบบไหน ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นทั้งที่หล่อนโตเป็นสาวสะพรั่งแล้วก็ยังทำเหมือนไม่สนใจหรือว่าช่วงสี่ปีนี้เขาจะมีใครโดยที่หล่อนไม่รู้….…หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้เงียบ ๆ และหล่อนจะต้องรู้ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครผู้หญิงคนนั้นก็มาทีหลังหล่อนอยู่ดี
“เดี๋ยวนี้ไม่เรียกอาแล้วหรือไง” มือใหญ่วางลงบนศีรษะทุยแล้วขยี้ผมนุ่มของหล่อนอย่างเอ็นดู......บุ้งกี๋เป็นลูกสาวของเพื่อนรุ่นพี่ที่มีบุญคุณกับเขาอย่างมากเมื่อครั้งที่ไปศึกษาต่อยังต่างแดน ......พี่ธันวาได้เขียนจดหมายฝากฝังหล่อนไว้กับเขาเมื่อสิบปีที่แล้ว ซึ่งกว่าเขาจะรู้ ก็หลังจากที่พี่เขาจากไปแล้วด้วยโรคมะเร็งในต่างแดนโดยแหม่มโซเฟียเป็นคนพาเด็กหญิงมาส่งให้ ตั้งแต่นั้นเขาก็ดูแลหล่อนอย่างดีเสมอมา........
“บุ้งกี๋อยากเรียกพี่หมอนี่คะ....” ยัยเด็กอยากข้ามรุ่นตอบด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น
“ตามใจ ก็ดีเหมือนกัน ฟังแล้วไม่แก่ดี” หมอทัพพ์อมยิ้ม
ชายหนุ่มลากกระเป๋าให้เด็กสาวพร้อมกับพากันเดินไปที่รถยนต์หรู ตลอดทางที่ไปบุ้งกี๋ถือโอกาสคล้องแขนของเขาเอาไว้ ถึงแม้จะรู้สึกถึงอาการเกร็งเล็กน้อยของอีกฝ่ายแต่หล่อนก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้บางทีก็หนุนไหล่หน้าตาเฉย
หมอทัพพ์พาสาวน้อยมาส่งที่คอนโดหรูภายในกว้างขวางกว่าคอนโดที่กรุงเทพฯมาก แต่บุ้งกี๋ไม่ชอบเลยแบบนี้ก็หลบเลี่ยงกันง่ายน่ะสิ....หล่อนไม่เข้าใจเหมือนกันทั้งที่พี่หมอดีกับหล่อนทุกอย่าง เขาคอยปลอบโยนเอาใจใส่ให้ความอบอุ่นและมักจะกอดหล่อนเอาไว้ยามที่บุ้งกี๋แอบร้องไห้ในปีแรก ๆ ที่สูญเสียบิดาไปบางคืนเขาถึงกับเข้ามานอนเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ.... แต่ปีหลัง ๆ เขามักชอบหลบเลี่ยงไม่ยอมให้หล่อนเข้าใกล้หนักเข้าถึงขนาดสั่งห้ามหล่อนเข้าห้องของเขาเด็ดขาดหลังจากคืนที่จุดเทียนฉลองวันเกิดตอนอายุย่างเข้าสิบห้าปีของบุ้งกี๋
“อยู่คนเดียวก่อนนะ ฉันมีนัดคงจะกลับพรุ่งนี้” บอกไปแล้วก็สงสารแต่เขามีธุระสำคัญจริง ๆ เอาไว้ค่อยกลับมาชดเชยให้ทีหลังก็แล้วกัน
“อ้าว...พี่หมอจะไปไหนคะทำไมต้องค้างคืนด้วย”บุ้งกี๋มองผู้ปกครองหนุ่มตาละห้อยหลุดปากถามอย่างที่ใจคิด เพิ่งเจอกันยังไม่ทันหายคิดถึงเลยเขาก็จะไปอีกแล้วและที่มีนัด นัดกับใครทำไมต้องค้างคืนด้วย
“ฉันมีธุระกับพ่อไม่ได้ไปค้างกับสาวที่ไหนหรอก.... ” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องอธิบายกับเจ้าหล่อนด้วย แต่ก็ได้ผลเมื่อเห็นสาวน้อยคลี่ยิ้มสดใสอีกครั้ง…
