บทที่ 3 คู่หมาย…วายร้าย 3
“หวังว่าเธอจะรีบกลับกรุงเทพไวๆนะ อามีงานต้องทำ คงไม่ว่างดูแลเด็กอย่างเราหรอก”
“ก็บอกแล้วไงคะว่าเมไม่ใช่เด็ก”
“เด็กก็คือเด็กนั่นแหละน่า อย่าเถียง !” ชายหนุ่มหันมาตวาดลั่น ก่อนผงะเมื่อหล่อนแอ่นอก แล้วถามว่า
“นี่ไงคะ หลักฐานที่ว่าเมไม่ใช่เด็กแล้ว”
“พอเลย” เขาพูดลอดไรฟัน ก้อนเนื้อตรงอกข้างซ้ายเต้นโครมๆ หน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ “เลิกเล่นอะไรแบบนี้สักทีเถอะ ไปเปลี่ยนชุดซะ ในห้องมีชุดของอาหลายชุดเหมือนกัน ทนๆใส่ไปก่อนล่ะกันนะ”
“เมแค่จะบอกว่าเมไม่คิดจะเปลี่ยนใจแน่ๆ และคนอย่างเม ถ้าต้องการอะไรก็ต้องได้ ไม่เว้นแม้แต่หัวใจคุณอา หวังว่าจะเข้าใจนะคะ”
“แล้วถ้าอาจะบอกว่าเธอไม่มีวันทำสำเร็จล่ะ” เขาถามหยั่งเชิง ตาคู่คมหรี่ลงมองคนตัวเล็กที่ยืนเท้าสะเอวอย่างหมั่นไส้
“ถ้าเมทำไม่สำเร็จภายใน 60 วัน เมยินดีกลับกรุงเทพค่ะ”
“ดี” เขาเน้นเสียงหนัก “ถ้างั้นเธอก็เตรียมเก็บของกลับกรุงเทพในอีกสองเดือนข้างหน้าได้เลย”
“อย่าเพิ่งด่วนสรุปสิคะคุณอา” หล่อนยักคิ้ว เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าเมทำให้คุณอารักได้ คุณอาจะให้อะไรล่ะคะ”
ภัตติพงษ์ส่ายหน้าช้าๆ พลางถอนหายใจเฮือก แล้วพูดว่า “อาคิดว่าคงไม่มีวันที่เธอจะชนะอาหรอก แต่ก็อยากรู้ว่าสิ่งที่เธออยากได้คืออะไร”
“สิ่งที่เมต้องการจากคุณอาก็คือ…” หล่อนเว้นจังหวะการพูดระยะหนึ่ง แล้วจึงเสริมต่ออีกว่า “ทะเบียนสมรสค่ะ”
ชายหนุ่มกระพริบตาอย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินหล่อนร้องขอแบบนั้น แต่ครั้นมองหน้าสวยสักพักก็กระตุกยิ้มอย่างมั่นใจ…เขามองว่าหล่อนเป็นเพียงหลานคนหนึ่งมาโดยตลอด ตอนเขาเรียนอยู่มัธยมปลาย หล่อนยังไม่ขึ้นชั้นอนุบาลด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่มีวันที่เขาจะรักหล่อนแบบแฟนเป็นอันขาด
เกมส์เดิมพันครั้งนี้…คนที่จะเป็นฝ่ายชนะก็คือเขาอย่างแน่นอน !
“ก็ได้ ตกลงตามนั้น” เขาพยักหน้ารับ และหล่อนก็กระโดดตัวลอยอย่างดีใจ
“ขอบคุณนะคะคุณอา คุณอาน่ารักที่สุดเลย” หล่อนผวาเข้ากอดเขาอย่างเริงร่า เล่นเอาหน้าคมเริ่มแดงอีกครั้ง ก่อนจะรีบดันตัวหล่อนให้ถอยออกห่าง
หญิงสาวยิ้มกว้าง แล้วพาตัวเองเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนชุด โดยไม่ลืมที่จะปิดประตูไว้ด้วย ขณะที่ภัตติพงษ์ยืนเท้าสะเอวมองบานประตูนิ่งนานแล้วส่ายหน้าไปมา
เขารู้จักเมลินีมานาน… หล่อนเป็นเด็กช่างอ้อน คุยเก่ง ร่าเริง เป็นที่รักใคร่ของทุกคน
อาจเป็นเพราะในอดีตหล่อนเคยเป็นเด็กที่พ่อแท้ๆไม่ต้องการ หนำซ้ำคนเป็นแม่ยังมาตายตั้งแต่หล่อนอายุได้เพียง 3 ขวบ ทำให้มนสิชาและเขมปัจน์ซึ่งเป็นพ่อแม่บุญธรรมรักและตามใจเมลินีทุกอย่าง จนหล่อนกลายเป็นผู้หญิงเอาแต่ใจ ไม่ว่าต้องการอะไรก็ต้องเอาให้ได้ดั่งใจ
รวมทั้งตัวเขาด้วย…หล่อนไม่ได้รักเขาจริงๆ เพียงแค่อยากเอาชนะเท่านั้น นิสัยยังคงเป็นเด็กเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลยจริงๆ
ภัตติพงษ์ตบต้นคอตัวเองเบาๆแล้วถอนหายใจยาวอีกครั้ง ในเมื่อรู้แน่ชัดว่าหล่อนอยากเอาชนะ เขาก็จะไม่มีวันยอมแพ้หล่อนแน่ๆ
เพราะเขามั่นใจว่าตัวเองใจแข็งมากพอ…
ความคิดหยุดชะงักลงเพียงเท่านั้นเมื่อได้ยินเสียงหล่อนร้องลั่น ชายหนุ่มก็รีบกระโดดถีบบานประตูเต็มแรงด้วยความตกใจ
“กรี๊ดดดด”
โครม ! (เสียงถีบประตู)
“มีอะไร เกิดอะไรขึ้น” เขาถามร้อนรน ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นร่างบางอยู่ในชุดชั้นในตัวจิ๋วเพียงสองชิ้นที่ปกปิดของสงวนไว้อย่างหมิ่นเหม่เท่านั้น
หล่อนเอามือปิดตา ปากก็ตะโกนไม่หยุดจนเขาแสบหูไปหมด “กรี๊ด…”
“มีอะไร” เขาถามด้วยใจที่เต้นโครมคราม ขาแทบอ่อนยวบ แต่ก็ยังไม่วายปั้นหน้าขึงขัง แม้ว่าใจจะระทวยไปตั้งแต่เห็นหล่อนอยู่ในชุดชั้นในวาบหวิวแล้วก็ตาม
“มะ แมง แมงมุมค่ะ” หล่อนบอกด้วยเสียงระล่ำระลัก ไหล่บางสั่นระริก มือยังคงปิดหน้าไว้ไม่ยอมเอาออก
“แค่แมงมุม ทำเป็นตื่นเต้นไปได้ อาว่าเธอน่ากลัวกว่าแมงมุมอีกนะ”
เท่านั้นแหละ หล่อนก็เลิกปิดหน้าแล้วมองเขาตาเขียว “คุณอาพูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ”
“หมายความตามที่พูดนั่นแหละ” เขาเชิดหน้าตอบ แล้วกวาดตามองหาเจ้าแมงมุมที่ว่า จนไปเจอมันเกาะอยู่ตรงราวผ้า เลยจัดการจับมันโยนทิ้งทางหน้าต่างแล้วเดินผลุนผลันออกนอกห้องไป โดยไม่ลืมที่จะกำชับเสียงเฉียบ
“รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ต่อให้เธอโป๊ทั้งตัว อาก็ไม่คิดอะไรด้วยหรอกนะเด็กน้อย”
หญิงสาวหน้าแดงก่ำ เม้มปากแน่น…อายก็อายที่ต้องมาใส่ชุดชั้นในให้เขาเห็น แต่ความอายมันถูกกลบด้วยความโกรธ…โกรธที่เขากล้าดูถูกว่าหล่อนไร้เสน่ห์ซ้ำยังเป็นเด็กอยู่บ่อยครั้ง
หลังจากผลัดเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว หล่อนก็ออกจากห้อง พบว่าเขายืนรออยู่ก่อนแล้ว ดวงตาคู่คมกวาดตามองร่างระหงทั่วทั้งตัวอย่างสำรวจ
หล่อนเป็นคนตัวเล็ก ใส่แค่เสื้อเชิ้ตของเขาตัวเดียวก็ยาวถึงเข่าโดยที่ไม่จำเป็นต้องสวมกางเกงเลย ดูๆไปแล้วก็น่ารักไม่น้อย
“คุณอาก็ไปเปลี่ยนชุดได้แล้วค่ะ ต่อให้คุณอาถึกมากแค่ไหน แต่ถ้าอยู่ในชุดเปียกนานๆเดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี”
“อืม…” เขารับคำ แต่ยังไม่ทันจะเดินเข้าห้อง เสียงเอะอะโวยวายก็ทำให้สองขาของชายหนุ่มตรึงอยู่ที่เดิม ขณะที่เมลินียื่นหน้าออกไปดูว่าผู้คนตื่นเต้นอะไรกัน
และท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่นั้น ก็มีอยู่ประโยคหนึ่งที่หล่อนได้ยินชัดเจน
“ใครวะที่ฆ่าไอ้สม ดูสิเลือดท่วมตัวเลย ไอ้ฆาตกรนี่จิตใจมันเหมือนไม่ใช่คน โอย…เห็นแล้วจะอ้วกเลย น่าสงสารคนตายว่ะ !!”
