บทที่ 3 คู่หมาย…วายร้าย 1
บทที่ 3
คู่หมาย…วายร้าย
“โอ๊ย คุณอา…ตะคริวกินขา” เมลินีส่งเสียงร้องด้วยสีหน้าเหยเก หน้านวลค่อยๆจมหายไปจากผิวน้ำ ทำให้คนที่ยืนเท้าสะเอวทำหน้าสะใจอยู่บนฝั่งชักจะกังวล
“เม…อย่าแกล้งอาแบบนี้นะ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากหล่อนอีกต่อไป ชายหนุ่มหน้าซีดลงเรื่อยๆก่อนจะตัดสินใจถอดรองเท้าบู๊ทแล้วกระโจนลงน้ำโดยไม่ลังเล
ตูม !
“เม…อยู่ไหน บอกอามาสิ”
เขาว่ายน้ำไปตรงจุดที่หล่อนจมลงไปแต่ไม่เจอร่องรอย หันซ้ายหันขวาก็พบแต่ความเงียบงัน มือหนาตีน้ำอย่างแรง พร้อมตะโกนก้องอย่างบ้าคลั่ง
“เม…อย่าล้อเล่นแบบนี้นะ” แม้ปากจะว่าล้อเล่น ทว่าในใจเขากลับวิตกไม่น้อย หากหล่อนเป็นอะไรไป เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองตลอดชีวิต
“เม…” ชายหนุ่มบดกรามแน่น ค้นหาหล่อนในน้ำต่อไปโดยไม่สนใจต่อความเหน็ดเหนื่อยของตัวเองเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่ง….
มีคนมากอดเขาจากทางด้านหลัง และเสียงหวานที่เอ่ยกระซิบ
“เป็นห่วงเมขนาดนี้เชียวเหรอคะคุณอา”
ภัตติพงษ์ตัวแข็งทื่อ แกะมือเรียวออกจากเอวแล้วหันไปมองหล่อนด้วยสายตาวาวโรจน์
“เธอแกล้งอาจริงๆด้วยสินะ !”
“ก็คุณอาอยากแกล้งเมก่อนนี่คะ” หล่อนทำปากยื่น ดวงตาวิบวับอย่างอารมณ์ดี แค่ได้เห็นว่าเขาเป็นห่วงหล่อนมาก หล่อนก็มีความสุขแล้วจริงๆ
“เธอ…” ชายหนุ่มพูดไม่ออก สายตาหลุบลงมองหน้าอกอวบที่เห็นเด่นชัดเพราะเสื้อเปียกน้ำ ให้ตายเถอะ…นี่น่ะหรือเด็กกะโปโลในวันวาน ตอนนี้เป็นสาวสะพรั่งเต็มตัวและยวนใจชายได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?
เสื้อสายเดี่ยวสีดำ ตัดกับผิวขาวนวลละมุน ยิ่งเสื้อเปียกแนบชิด ทำให้มองเห็นรูปร่างของปทุมคู่เด่นชัดขึ้น
“คุณอา…คุณอาชอบผู้หญิงหรือผู้ชายคะ” หล่อนแนบฝ่ามือที่แผงอกกว้าง ช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างรอคอยคำตอบ ริมฝีปากเผยอค้างนิดๆจนเห็นไรฟันสีขาวที่เรียงตัวเป็นระเบียบ
นี่ล่ะ…แผนการของหล่อน ถึงจะนับถือกันเป็นอาหลาน แต่ก็ต่างสายเลือดกัน ถ้าต้องมาเห็นผู้หญิงเกือบโป๊ต่อหน้าต่อตา และคำถามล่อแหลมแบบนี้ เป็นใครก็ต้องติดกับดัก…
“ชอบผู้หญิง…” เขาตอบเสียงแผ่ว จับจ้องมองเรียวปากอิ่มเย้ายวนไม่วางตา อาจเป็นมนต์เสน่ห์ของทุ่งกว้างและความเย็นฉ่ำของสายน้ำที่ทำให้เขาเผลอไผล… ค่อยๆก้มหน้าต่ำลงทีละน้อย ซึ่งหล่อนก็แหงนเงยหน้า หลับตาพริ้มเตรียมรับจูบด้วยใจไหวระทึก
นี่จะเป็นจูบครั้งแรกของหล่อน…ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาว คนแรกที่เข้ามาในหัวใจหล่อนได้มีเพียงคุณอาบาสที่แสนดีคนนี้เท่านั้น…และไม่เคยมีใครมาแทนที่เขาได้เลย
ทว่ายังไม่ทันที่ริมฝีปากจะสัมผัสกัน ภัตติพงษ์ก็ดึงใบหน้าตัวเองกลับ และเมื่อหล่อนลืมตาขึ้นมาก็เห็นเขากำลังมองหล่อนด้วยแววตาดุดัน
“คะ คุณอา…” หญิงสาวเสียงตะกุกตะกัก ตัวชาวาบเมื่อโดนเขาตะคอกใส่
“เธอมันดื้อด้าน ! ไม่ว่าจะการแต่งตัวหรือนิสัย เหมือนเด็กแก่แดดไม่มีผิด คิดจะมายั่วคนงานของอาเหรอไง ความจริงเธอไม่น่ามาอยู่กับอาตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ !” พูดจบก็ผลุนผลันขึ้นจากสระไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น ขณะที่เมลินีนิ่งงัน ตากลมสลดวูบ…
หล่อนผิดนักหรือที่อยากอยู่ใกล้เขา
แต่คนอย่างหล่อนถือคติเสมอว่า‘สิ่งที่เป็นอุปสรรคที่จะขัดขวางไม่ให้เราประสบความสำเร็จก็คือการยอมแพ้และท้อถอย’
คิดได้ดังนั้นแล้ว ร่างบางก็ขึ้นฝั่ง เดินตามชายหนุ่มไปสักพักเขาก็หันมามองหล่อน แล้วถอนหายใจยาว
“เดินเร็วๆหน่อย ไม่ไกลจากที่นี่มีกระท่อมที่สร้างไว้ใช้พักผ่อนระหว่างทำงาน พอจะมีเสื้อผ้าแห้งๆอยู่หลายชุด”
“ก็เมเหนื่อยนี่คะ ไม่มีแรงจะเดินเร็วๆหรอก” หล่อนทำปากยื่น “ถ้าจะให้ดี คุณอาช่วยอุ้ม…”
ยังพูดไม่ทันจบ เขาก็ชิงตัดบทเสียก่อน “ขาก็ไม่ง่อยสักหน่อย เดินเองสิ เดินเร็วๆด้วย”
หญิงสาวอ้าปากค้าง กระพริบตาปริบๆ ครั้นจะแย้งก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะเขาเดินดุ่มตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้หล่อนต้องวิ่งตามอย่างเสียมิได้
ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็มาถึงกระท่อมหลังน้อยซึ่งสร้างจากไม้ ใต้ถุนยกสูง หลังคามุงด้วยหญ้าคาแห้งๆพอกันแดดหลบฝนได้บ้าง
