ตอนที่ 2-1 ปลาวาฬหิวนม
ภายในงานศพที่จัดขึ้นอย่างใหญ่โต มีแขกเหรื่อหลายร้อยคนมาร่วมงาน ร่างสูงในชุดสูทเนี้ยบสีดำยืนอยู่หน้ากรอบรูปสีทองเรียบหรูล้อมด้วยดอกไม้สดสีขาว ภาพชายหนุ่มในกรอบรูปหน้าตาละม้ายคล้ายกับเขาอยู่มาก เตชัสหลับตานิ่งข่มความโมโหตัวเองลงไป เขาเป็นพี่ชายที่แย่มากสินะ นึกถึงเหตุการณ์ที่เคยมีปากมีเสียงกับน้องชายจนไม่ค่อยได้พูดจากัน เพราะเขาต้องการให้น้องชายเข้ามารับตำแหน่งรองประธาน แต่ฉัตรเทพไม่ชอบงานสายบริหาร ขอย้ายไปคุมงานที่เหมืองแร่หินปูน จนกระทั่งวันที่น้องจากไป โดยที่เขายังไม่มีโอกาสได้ลา
แม้จะเป็นพี่น้องคลานตามกันมา ทว่านิสัยของคนทั้งคู่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฉัตรเทพเป็นคนเงียบๆ ถามคำตอบคำ ถ้าไม่ใช่คนสนิทก็แทบจะไม่ปริปากพูด ทำงานเก่ง ในขณะที่เตชัสเชี่ยวชาญด้านการบริหาร ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งแทนบิดาที่เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว เขาทำให้ระบบภายในของบริษัทที่ยุ่งเหยิงมีระเบียบแบบแผนขึ้น ฝีมือการบริหารงานไม่แพ้นักธุรกิจรุ่นบุกเบิกที่ว่าเก๋าจนกลายเป็นที่ยอมรับ
เตชัสจ้องมองรูปและคำรามเสียงต่ำ “ไอ้ฉัตร แกทิ้งฉันไปแบบนี้ได้ไงวะ ไม่มีแกแล้วฉันจะทำงานหนักไปเพื่อใคร ที่ฉันคอยเคี่ยวเข็ญบังคับให้แกโยกย้ายมารับตำแหน่งในฝ่ายบริหาร ก็เพราะอยากให้แกดูแลธุรกิจที่พ่อเราสร้างมาด้วยกัน ฉันหวังดีกับแก ถ้าแกไม่ไปที่นั่น ฉันคงไม่เสียแกไป”
หัวใจของเขาเจ็บปวดแสนสาหัสที่ต้องเสียน้องชายเพียงคนเดียวไป เพียงแต่เตชัสพยายามเก็บอาการ ด้วยตำแหน่งท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ เขาจึงไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น ภายในงานมีทั้งญาติสนิท เพื่อนพ้อง พนักงาน คู่ค้าที่ทราบข่าวหรือตัวแทนบริษัทคู่แข่ง
“แอ้ แอ้”
ทว่าเสียงที่ไม่ควรจะอยู่ในงานศพที่มีแต่บรรยากาศเศร้าหมองก็ดังมาจากด้านหลัง ทำให้เตชัสเหลียวกลับไปมองอย่างแปลกใจ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันในทันทีเมื่อพบหญิงสาวคนหนึ่งที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี
“ลียา”
ลียาเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของฉัตรเทพน้องชายเขา และเขายังเคยแนะนำให้มันจีบลียา เพราะครอบครัวของเธอคือบริษัทคู่ค้ากับบริษัทของเขา แต่ที่น่าแปลกใจคือ เขาไม่ยักรู้มาก่อนว่าลียาแต่งงานจนมีลูกแล้ว บิดาของเธอก็รู้จักกับเขา เจอกันบ่อยๆ ทำไมถึงไม่เคยปริปากเลยว่าลียาแต่งงานไปแล้ว จะว่าแอบแต่งเงียบๆ ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
“พี่เตคะ คือว่า...” หญิงสาวอึกอักไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง
เตชัสออกอาการแปลกใจ “เอาเด็กที่ไหนมาด้วย” ที่จริงเขาอยากถามว่าเธอไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไร
เตชัสเป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง จากสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อครู่เปลี่ยนไปเป็นยิ้มให้สาวสวยตรงหน้า ทว่าสายตาของเขาไม่ได้มองหน้าเพื่อนของน้อง แต่กำลังสนใจเจ้าลูกหมูตัวอ้วน คิ้วเข้มหนา ที่แหงนคอมองหน้าเขาเหมือนจะหาเรื่องกันมากกว่า
“แอ้ แอ้”
เตชัสมองทารกชายในชุดบอดีสูทสั้นสีน้ำเงินปักรูปปลาวาฬตรงหน้าอก เลยอดถามอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้ว่า
“อย่าบอกนะว่าเด็กนี่เป็นลูกลียา ทำไมพี่ไม่รู้มาก่อนว่าเรามีลูกแล้ว”
สาวเจ้าขวยเขินแก้มแดงระเรื่อแล้วรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ใช่ลูกลียาค่ะพี่เต ลียายังไม่ได้แต่งงาน”
“ก็นั่นน่ะสิ พี่ก็ยังแปลกใจว่าพ่อของเราไม่เคยแจกการ์ดงานแต่ง หรือว่า...” เตชัสหยุดพูด มองหน้าเด็กอีกครั้ง รู้สึกคุ้นๆ ตา แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นเด็กที่อ้วนจ้ำม่ำเหมือนแม่ขยันอัดนมให้แบบนี้ที่ไหน
“แล้วถ้างั้นไปเอาลูกใครมาอุ้ม แต่พาเด็กเล็กมางานศพแบบนี้ไม่ดีนะ พี่ว่ารีบพาเด็กกลับบ้านดีกว่า” เขาพูดด้วยความเป็นห่วงเด็ก
หญิงสาวส่ายหน้าน้อยๆ พลางหายใจยาวพรืด “ลียาเข้าใจค่ะว่าไม่ควรพาเด็กมาร่วมงานศพ แต่ลียาจำเป็นต้องพาน้องปลาวาฬมาร่วมงานศพพ่อของแก”
เตชัสส่ายหน้ายิ้มเจื่อนๆ ให้เพื่อนน้องชาย ศาลาแห่งนี้จัดงานศพน้องชายของเขาคนเดียว “ลียาพูดผิดหรือเปล่าครับ นี่งานศพเจ้าฉัตร” เขาเลิกคิ้วแล้วก้มมองทารกผิวขาวที่ลียาอุ้มอยู่ เด็กน้อยกำหมัดยื่นมาข้างหน้าเหมือนกำลังชกอากาศ เตชัสค้อมตัวลงไปมองทารกยักษ์ ดูแล้วน้ำหนักน่าจะเกินมาตรฐาน “แล้วเจ้าฉัตรจะเป็นพ่อเจ้าลูกหมูปลาวาฬนี่ได้ยังไง”
เป็นจังหวะที่เจ้าตัวกลมเห็นใบหน้าคลับคล้ายคลับคลาคนที่เคยอุ้มเคยกอดอยู่บ่อยๆ เลยส่งเสียงทัก แล้วส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
“แอ้ แอ้”
เตชัสมองเด็กหน้าตาน่ารัก แต่อีกใจก็คิดว่าหน้าตาเจ้าเด็กนี่ออกจะกวนๆ “ชื่อปลาวาฬเหรอเรา ถึงว่าตัวใหญ่ยังกับปลาวาฬเกยตื้น”
เตชัสมองไม่ผิด เมื่อพูดจบเด็กนี่ก็ย่นคิ้วชักสีหน้าใส่เขาทันทีเหมือนไม่พอใจ เขาเลยยื่นหน้าหล่อๆ ไปชะโงกดูเด็กน้อยใกล้ๆ เป็นจังหวะบังเอิญที่เด็กวัยเก้าเดือนจะชอบชูแขนขา ขยับร่างกายอยู่ตลอดเวลา ฝ่าเท้าอวบอูมสะอาดสะอ้านที่สวมถุงเท้าสีฟ้ายกขึ้นสูงเลยปะทะกับใบหน้าหล่อของเตชัสเข้าบริเวณริมฝีปากพอดี
