Chapter 2
ผู้หญิงในรถยุโรป 1
หญิงสาวปรายตามองทิวทัศน์สองข้างทางอย่างอึดอัดใจ ด้วยภาพที่เห็นเต็มไปด้วยต้นไม้รูปร่างเขียว ใบเรียวแหลม จะเป็นต้นข้าวโพดหรืออ้อยก็ไม่อาจทราบ ด้วยไม่มีความรู้เรื่องพืชมากนัก ปลูกเรียงยาวเป็นทิวแถวยาวสุดลูกหูลูกตา ลมพัดทีก็ไหวยวบยาบเหมือนคลื่นในทะเล ต่างแค่เป็นสีเขียวเข้มเท่านั้นเอง
เธอขับรถยุโรปหรูสองประตูมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ไม่ยักเห็นทางแยกที่เขาบอกเลย ท่าจะหลงเสียแล้วกระมัง ถนนกว้างสี่เลนดูเวิ้งว้าง ยามเหลือรถเธออยู่คันเดียว
ดวงอาทิตย์เที่ยงวันทอแสงจ้า เห็นพยับแดดเต้นระยับบนพื้นยางมะตอย ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าก็กรีดร้องลั่น จนสะดุ้งตัวโยน
[“คุณขิงถึงไหนแล้วครับ”] เสียงห้าว ที่ได้คุยกันบ่อยในพักนี้ทักทายด้วยคำถาม
[“ไม่รู้สิ แต่ฉันไม่เห็นทางแยกที่ว่าเลยนะนายเปลว”] เธอยักไหล่ เลี่ยงรถไปชิดริมถนนและขับช้าลง
[“มันอยู่ห่างจากปั๊มน้ำมันประมาณห้ากิโลนะครับ”]
[“ก็ฉันไม่เห็นนี่”] หญิงสาวกลอกตาขึ้นบน คนพูดนี่ผู้ชายเหลือเกิน ไม่ได้รู้นิสัยผู้หญิง พวกเธอจำทางไม่เก่ง แต่ถ้าให้บรรยายลักษณะสถานที่ว่าเป็นแบบไหน สีอะไรล่ะก็ ถนัดนักเชียว
อย่างปั๊มน้ำมันที่ผ่านมาเก่ามาก ป้ายแสดงราคาน้ำมันประจำวันสนิมเขรอะ จนไม่น่าเชื่อว่ายังเปิดกิจการอยู่ เพราะเห็นรถบรรทุกอ้อยเข้าไปจ่อคิวเติมน้ำมันอยู่สองคัน
[“แล้วตอนนี้อยู่ไหน”]
[“ไม่รู้สิ เห็นแต่ไร่”]
เมลานีไม่ได้กวน ตอบตามจริงที่เห็น ด้วยบริเวณโดยรอบมีแต่ต้นไม้เขียวเข้มสูงท่วมหัว
[“งั้นจอดรถรออยู่ตรงนั้นนะครับ ผมจะไปรับ อีกยี่สิบนาทีจะโทรหา”]
เธอถอนหายใจหงุดหงิด นพจักรนะนพจักร แม้ตายไปแล้วยังมิวายทิ้งปัญหาให้ตามแก้ ญาติ ๆ เขาอยากได้เหลือเกินไร่นี้ ทั้งที่เมลานีมีหลักฐานทุกอย่างว่าเป็นเงินของเธอที่เขาขอมาซื้อ
“โธ่เอ๊ย!”
เมลานีสบถเมื่อเล่นอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ สัญญาณเป็นตัวอี แสดงว่าความเร็วเน็ตแย่สุด จะดูอินสตราแกรม หรือแช็ตคุยกับหุ้นส่วนก็ไม่ได้ กิจการกระเป๋าที่เธอทำกำลังไปด้วยดี สื่อโซเชียลเป็นตัวประชาสัมพันธ์ได้อย่างยอดเยี่ยม
ในเมื่อนพจักรทำร้ายใจจิตใจเธอหนัก จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องเก็บไร่นี้ไว้ คิดจะขายให้ใครก็ได้ที่สนใจ เขานัดเจอที่นี่ด้วย ชื่อเสี่ยอะไรสักอย่างจำไม่ค่อยได้ แต่จะเป็นใครก็ช่างเถอะ เมื่อคิดตัดสินใจดีแล้วก็ไม่อาจเปลี่ยนใจได้
เสียงคำรามของเครื่องยนต์ทรงพลังดังแว่วราวประกาศศักดาความเป็นเจ้าของสถานที่ ก่อนปรากฏภาพรถกระบะสีดำตอนครึ่งแล่นเร็วมาตามทาง ชะลอแล้วหักเลี้ยวมาจอดหน้ารถเธอ
มือสองข้างเมลานีกำพวงมาลัยแน่น เมื่อกี้นายเปลวบอกให้รอยี่สิบนาที แล้วนี่แค่ผ่านไปแป๊บเดียวเอง มาถึงเร็วจนน่าตกใจ แล้วที่สำคัญจะเป็นเขาจริง ๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้ หน้าตารึ ก็ไม่เคยเห็น ได้ยินกันเพียงเสียงเท่านั้น
ผู้ชายสวมหมวกปีกกว้างคนหนึ่งลงจากรถ ร่างสูงใหญ่ กระทั่งบังแสงอาทิตย์จนเป็นเงาดำทอดมาทางเธอ หญิงสาวจับตามองเขาตลอด ก้าวอาด ๆ มาจับจ้องเธอเช่นเดียวกัน
“คุณขิงใช่ไหมครับ”
หนุ่มในหมวกยกนิ้วขึ้นเคาะกระจก เมลานีกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาด ๆ ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่กว่าทำให้คนตัวเล็กอย่างเธอต้องแหงนมอง ดวงตากลมที่โตอย่างตระหนกยังไม่คลายความตึงเครียด
“ผมเปลว”
หัวหน้าคนงาน หนวดครึ้มตามแนวคาง ผมยาว แม้จะมัดรวบทิ้งชายไว้ด้านหลัง แต่ก็ดูไม่เรียบร้อย ผิวโผล่พ้นเสื้อเชิ้ตน้ำเงินเป็นสีทองแดง ยิ่งดวงตาดำคมลึกรีใต้คิ้วรก ๆ นั่น ทำเอาชวนไม่น่าไว้ใจ จ้องไม่เกรงใจว่าเธอเป็นเจ้านายที่สมควรเคารพเลย
“คุณไปขึ้นรถคันโน้นเถอะ ผมจะให้คนขับคันนี้ไปให้” เขาพยักหน้าไปยังพาหนะที่ตัวเองขับมา
“ไม่เป็นไร ฉันขับเองได้”
รู้สึกดีนิดหน่อยที่ได้เจอคนสมควรมาเจอ อีกคนมาด้วย เป็นหนุ่มร่างโปร่ง ผอมกว่าเขา ตัดผมรองทรง ยังนั่งอยู่ในรถ แต่มองมายังเธออย่างสนอกสนใจ จะรู้จักขับรถยุโรปหรือเปล่าก็ไม่รู้ รถคันนี้เธอหวง ขับคนเดียวตลอด ไม่เคยให้ใครได้จับ
“ทางเข้าไร่ ค่อนข้างวิบากนะครับ” เปลวปรายตามายังรถโหลดต่ำ สลับกับกระบะยกสูง
“ฉันขับเองได้ นายเปลวนำไปเถอะ” เมลานียืนยันคำเดิมอย่างถือดี
“ช่วงล่างรถคุณจะเจ๊งเสียก่อนน่ะสิ”
เธอรู้สึกว่าหัวหน้าคนงานไม่ได้เตือนเพราะห่วงหรือหวังดี ทว่าเป็นการขู่เสียมากกว่า
“ช่างมันเถอะน่า พาไป...”
เขาถอนหายใจ แล้วทำสิ่งไม่คาดคิด กระชากประตูรถเปิดออก
“ว๊าย!”
เธออุทานสุดเสียง ยามไอร้อนจากกล้ามเนื้อแน่น ๆ เบียดเข้ามาใกล้
“เขยิบไปสิครับ เดี๋ยวผมขับรถให้” เปลวออกคำสั่ง ก่อนโผล่หน้าจากกระจกตะโกนบอกอีกคนที่มาด้วย “ชาญ! ขับตามไปในไร่เลยนะ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าจะขับเอง” เมลานีแวดหน้าแดง จำต้องขยับไปอยู่อีกที่นั่ง ผู้ชายคนนี้เป็นอะไร ช่างบังคับจริง
เธอเกลียดผู้ชายวางอำนาจใหญ่โตแบบนี้ที่สุด แล้วรถคันหน้าเลี้ยวกลับล่วงหน้าไปเสียแล้ว โดยปล่อยให้เธออยู่กับเขาสองคน
“เราเสียเวลามากแล้วนะครับ คนงานในไร่รอคุณอย่างใจจดใจจ่อ พวกเขาอยากรู้อนาคตตัวเอง” มือหนาเงอะงะกับปุ่มและระบบกลไกไฮเทคของรถเพียงครู่ ก่อนจะจับจุดได้และพามันแล่นฉิว
