ตอนที่ 5 ความอิ่มเอมใจแม้ชั่วขณะ ep5
ในตอนบ่ายของอาทิตย์ถัดมา เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่สง่างาม ก็ขับรถคันหรูสีดำมันวาวเข้ามาจอดยังลานจอดรถของบ้านเรือนไทยประยุกต์หลังใหญ่ บนพื้นที่กว่าสี่ร้อยตารางวา ห้อมล้อมด้วยแมกไม้หลากชนิด มีทั้งไม้ยืนต้นและไม้ประดับ
ทันทีที่เขาก้าวลงจากรถก็ต้องเลิกคิ้วสูงก่อนจะรีบก้าวฉับ ๆ เดินแกมวิ่งเข้ามาด้านในบริเวณโถงใหญ่ของบ้าน แล้วก็รีบโปรยยิ้มออกมาอย่างทันท่วงที
“ย่าจ๋า..”
ปราชญ์ ร้องเรียกด้วยน้ำเสียงเหมือนแมวประจบพร้อมกับวิ่งเข้ามากอดร่างบางของหญิงชราผิวขาววัยกว่าเจ็ดสิบ เจ้าของผมสีดอกเลาทรงดอกกระทุ่มและสวมเสื้อแขนกระบอกสีเทากับผ้าถุงสำเร็จเป็นไหมอย่างดีสีม่วงอ่อน
“ย่าจ๋ามาเมื่อไหร่จ๊ะ ทำไมไม่บอกหนูก่อนล่ะ..”
คุณสุตาภัทร์มองลอดแว่นมาหาหลานชายคนโตที่ยังเรียกตัวเองว่าหนูอย่างไม่กระดากอายแม้จะอายุล่วงเข้าสามสิบแล้วก็ตาม
“ถ้าย่าบอกแล้วจะรู้ความประพฤติของพ่อหรือว่าอยู่บ้านไม่ติด ทั้งที่เป็นวันหยุด..”
“โถ ย่าจ๋า มาถึงก็ต่อว่าหนู โดยไม่ถามสักคำ แบบนี้หนูน้อยใจเป็นนะจ๊ะ..”
ปราชญ์ออดอ้อนก่อนจะเอนร่างลงนอนเหยียดยาวบนโซฟาแล้วหนุนตักของผู้เป็นย่าที่ค่อย ๆ วางมือลงบนเส้นผมสลวยของเขาเบา ๆ อย่างเอ็นดูรักเป็นที่สุด
“ผู้กำกับ ไม่มีวันหยุดหรอกนะจ๊ะย่าจ๋า หนูต้องตระเวนไปดูสถานที่ถ่ายทำละครเรื่องใหม่กับคนเขียนบทมา เพื่อจะได้เลือกได้ถูกว่าตรงไหนควรจะถ่ายฉากอะไร และเพื่อให้ได้งานออกมาดีสมกับที่คนเขียนบทเขาวางโครงเรื่องเอาไว้...”
เขาช้อนสายตามองผู้เป็นย่าที่ก้มหน้าลงมองพลางยิ้มน้อย ๆ
“ทีนี้ย่าจ๋าเข้าใจหนูหรือยังจ๊ะ ว่าหนูไม่ได้เหลวไหลเลย..”
คุณสุตาภัทร์หัวเราะเบา ๆ เมื่อบีบปลายจมูกโด่งเป็นสันของเขาเบา ๆ
“ย่าทำอาหารไว้ให้ จะทานไหมล่ะจ๊ะ..”
เขารีบลุกนั่งแล้วรวบมือย่าของเขามาแนบแก้ม
“ไม่ได้ทานฝีมือย่าจ๋าตั้งนาน หนูต้องทานสิจ๊ะ ว่าแต่..”
เขาละคำพูดไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะมองไปรอบตัว ก็เห็นแต่แม่สมคิด คนสนิทของคุณสุตาภัทร์วัยห้าสิบเศษที่นั่งอยู่ห่าง ๆ
“นี่นายยุตมันหายหัวไปไหน พอมีโอกาสมากรุงเทพฯก็ออกเที่ยว ทิ้งย่าจ๋าไว้แบบนี้เลยหรือนี่..”
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป แต่ก็ต้องหันกลับมามองย่าของเขาเมื่อมือเรียวบางของหล่อนตีแปะลงที่หลังมือใหญ่สะอาดของเขาเบา ๆ
“ย่ามากับแม่สมคิดแล้วก็นายส่วน ที่ขับรถมาให้ ทยุตมันก็ดูแลฟาร์ม ได้มาที่ไหนกัน..”
“แล้วทำไมไม่มาล่ะจ๊ะ หนูไม่ได้เจอหน้าน้องนานแล้วนะจ๊ะ..”
“ก็ใครใช้ให้พ่อไม่ยอมกลับบ้านล่ะ..จะได้ไปช่วยน้องดูแลงานที่ฟาร์มบ้าง ตอนนี้ขยายออกไปมากกว่าเดิม งานก็ยุ่งมากขึ้น ย่าว่า..”
“หนูรักงานนี้นี่จ๊ะย่าจ๋า หนูรักการเป็นผู้กำกับ..แต่หนูสัญญานะจ๊ะว่าถ่ายละครเรื่องนี้จบจะรีบกลับไปที่ฟาร์มทันทีเลย..”
สุตาภัทร์ขว้างค้อนให้เขาเสียวงใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นเมื่อเขาประคองให้ก้าวไปยังห้องนั่งเล่นที่สาวใช้นำอาหารไปให้เขาที่ตักทานราวกับอดโซมาหลายวัน
“เมื่อไหร่จะมีคนมาดูแลสักที อายุป่านนี้แล้วนะ ย่าเป็นห่วง..”
วันถัดมา คุณสุตาภัทร์เอ่ยออกมาเบา ๆ เมื่อมองเขานิ่งอยู่นาน
“หนูไม่ขึ้นคานหรอกนะจ๊ะย่าจ๋า..”
“ฟังพูดเข้าสิ..”
สุตาภัทร์ขว้างค้อนให้หลานชายคนโตเสียวงใหญ่ทำให้เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะรวบร่างนิ่ม ๆ ของหล่อนแล้วหอมแก้มเบา ๆ
“ก็มอง ๆ อยู่เหมือนกันย่าจ๋า แต่ยังไม่แน่ใจ..”
“มีแล้วก็ดี อย่าหาแค่สวยแต่รูปนะ ต้องเลือกผู้หญิงที่พร้อมจะเป็นเมีย และเป็นแม่ของลูกได้ งานบ้าน งานเรือน แม้จะมีความรู้ เก่งฉลาดรู้ทันคน แต่ก็ต้องยอมอยู่ด้านหลังของหลานนะ มีบ้างที่จะก้าวมาทัดเทียมนั่นหมายถึงว่าหล่อนสามารถทำให้หลานสง่างามและน่าเชิดชูได้..”
เขายิ้มรับ
“คงหายากนะจ๊ะย่าจ๋าแบบนั้น เอาไว้หลานจะให้ย่าจ๋าช่วยดูนะ..”
“หวังว่าย่าคงจะมีลมหายใจทันได้เห็น..”
“แน่นอนสิจ๊ะ..ได้เห็นอยู่แล้ว..”
เขาพูดพร้อมกับทำท่าจะเอนร่างหนุนตักของคุณสุตาภัทร์เมื่อหล่อนนั่งลงยังโซฟาตัวยาว แต่ก็ต้องหันไปยังหน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามา
“ใครกันหรือพ่อ..”
หล่อนเอ่ยถามเบา ๆ เมื่อมองเห็นมัณฑิตาเดินรี่เข้ามาหาเขา
“ปราชญ์ขา..”
เจ้าหล่อนร้องเรียกเขาพลางยิ้มหวานแต่ต้องชะงักเมื่อมองเห็นสุตาภัทร์
“จะไม่แนะนำหรือคะที่รัก..”
ปราชญ์หันไปมองหน้าผู้เป็นย่าก่อนจะยิ้มกว้าง
“นี่คุณสุตาภัทร์ โกมลเฉลิมครับ คุณย่าของผม..”
เพียงแค่รู้ว่าสตรีสูงวัยเจ้าของดวงตาช่างสำรวจเป็นใคร เจ้าหล่อนก็รีบฉีกยิ้มหวานแล้วบรรจงประนมมือไหว้อย่างอ่อนน้อม
“สวัสดีค่ะคุณย่าขา ฑิตาค่ะ เป็น..”
“ย่าจ๋า นี่คุณมัณฑิตา ดาราเจ้าบทบาทที่กำลังดังอยู่ในเวลานี้ไงจ๊ะ..”
ปราชญ์รีบเอ่ยแทรกขึ้นก่อนที่มัณฑิตาจะพูดอะไรมากไปกว่านั้น ทำให้สีหน้าและรอยยิ้มที่สดใสของหล่อนเจื่อนไปนิดหน่อยแต่ก็รีบปรับให้เป็นปกติทันทีเมื่อคุณสุตาภัทร์มองสำรวจหล่อนนิ่งอยู่ชั่วครู่
“ขอโทษนะจ๊ะ ย่าไม่ค่อยได้ดูละคร เลยไม่ค่อยคุ้นหน้า เอาเป็นย่า ย่าจะขอตัวไปเอนหลังสักหน่อย..ตามสบายนะจ๊ะ..”
สุตรภัทร์พูดจบก็มองไปยังร่างของแม่สมคิดที่รีบปรี่เข้ามาหา
“ค่อย ๆ เดินนะคะคุณย่าขา..”
