ตอนที่ 2
งานเลี้ยงส่งในความคิดของรตา คงมีเพียงแต่เธอ ชินภัทร อลงกต และเพื่อนต่างชาติของเธออีกสองสามคน ซึ่งจัดขึ้นในร้านอาหารเล็กๆ ส่วนอาหารนั้นก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าพาสต้า พิซซา และแฮมเบอร์เกอร์ มันจะเป็นงานเลี้ยงส่งที่ทุกคนจะนั่งสนทนากันไปเรื่อยๆ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ในความเป็นจริง ทุกสิ่งที่รตาคิดมันผิดคาดไปทั้งหมด เมื่อสิ่งที่อลงกตเนรมิตให้มันเกิดขึ้น คืองานปาร์ตี้สุดหรูในห้องอาหารของโรงแรมที่ต้องบอกเลยว่าแพงหูฉี่ อย่าว่าแต่เธอที่ไม่กล้าจะย่างเท้าเข้ามาเลย แม้แต่ชินภัทรที่พอจะมีรายได้หาความสุขแบบฟุ่มเฟือยก็ยังไม่คิดเหยียบย่าง ไม่นับการที่นายอลงกตเชิญเพื่อนๆ ต่างชาติของมันมาร่วมปาร์ตี้กันนับสิบราย จนดูไม่ออกว่านี่คืองานเลี้ยงส่งรุ่นน้อง
“ไอ้อ้วน นี่นายเชิญใครมาเยอะแยะวะฮะ เราจะเลี้ยงส่งรตานะไม่ใช่เลี้ยงสังสรรค์เจ้าพวกนี้” ชินภัทรส่งเสียงถามกึ่งจะหงุดหงิดน้อยๆ กับอาการเริ่มเมาได้ที่ของรุ่นน้องหนุ่มที่เขาถึงกับต้องเดินไปกระชากตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆ ของมันที่กำลังเต้นเข้าจังหวะเพลงอย่างสนุกสนาน
“โธ่ พี่ชิน เลี้ยงส่งรตาทั้งที มีแค่เรามันจะสนุกอะไร ว่าแต่เจ้าของงานไปไหนซะล่ะครับ เรียกมาเต้นด้วยกันสิ” อลงกตตอบกลับด้วยกระแสเสียงครื้นเครง ไม่มีท่าทีเกรงกลัวรุ่นพี่เลยสักนิด ไม่ใช่เพราะฤทธิ์น้ำเมา แต่เป็นเพราะเขาชินกับนิสัยสุขุมและชอบตีหน้าขรึมของชินภัทรเสียแล้ว
เมื่อเห็นว่าอลงกตชักจะเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง ชินภัทรเลยตัดสินใจปลีกตัวหลบออกมาและปล่อยให้รุ่นน้องได้สนุกสนานกันไป ชายหนุ่มเลือกที่จะเดินกลับมารวมกลุ่มกับพวกของรตา ที่แม้จะดูออกมา บรรดาเพื่อนๆ ของเจ้าหล่อนก็คงสนุกไปกับปาร์ตี้ครั้งนี้ แต่ใจก็ยังไม่กล้าเข้าไปร่วมวงกับเจ้าอลงกตเพราะยังไม่สนิทคุ้นเคย
“รตาไปไหนแล้วล่ะไอโกะจัง” ชินภัทรถามหาหญิงสาวกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นของเธอด้วยภาษาญี่ปุ่นชนิดที่ชัดเป๊ะทั้งสำเนียงและไวยากรณ์ ซึ่งนั่นก็ทำให้ไอโกะจังพอใจไม่น้อย เพราะตั้งแต่มาอยู่อเมริกา เธอแทบไม่เจอใครพูดภาษาญี่ปุ่นได้เลย ครั้นพอเธอพูดภาษาอังกฤษ มันก็จะมีอาการกระอักกระอ่วน บางคนก็มองออกว่าพยายามกลั้นขำเพราะสำเนียงการออกเสียงของเธอมันติดสำเนียงญี่ปุ่นมาด้วย ดังนั้น เธอจึงไม่ค่อยจะมีความสุขนักเมื่อต้องพูดภาษาอังกฤษกับคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคยกัน
“เห็นว่าไปเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ”
“ฉันว่าคงไม่ไปเข้าห้องน้ำอย่างเดียวล่ะมั้ง” สุภาพสตรีชาวสเปนที่อยู่กับกลุ่มของไอโกะมาได้สักพักและพอจะฟังภาษาญี่ปุ่นออกบ้างแย้งขึ้นด้วยรอยยิ้มและแววตามีเลศนัย “เมื่อกี้เห็นพ่อหนุ่มหัวทองเดินตามหลังรตาไปติดๆ เลย สงสัยคงติดพันกันอยู่แหงๆ”
จะด้วยเพราะอะไรดลใจก็ตาม ทว่า ชินภัทรไม่อาจนั่งรอคอยให้คนตัวเล็กกลับมาร่วมโต๊ะได้ ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะเดินออกจากห้องอาหารเพื่อไปตามตัวรตา ด้วยใจที่ค่อนข้างหวาดระแวงและไม่ไว้ใจ ‘พ่อหนุ่มหัวทอง’ ที่เดาไม่ยากว่าจะต้องเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับอลงกตเป็นแน่ ซึ่งแต่ละคนนั้น บอกได้เลยว่าไม่มีใครน่าไว้วางใจสักคน
ทว่า เมื่อเขาเดินไปตามทางเตรียมจะเลี้ยวเพื่อไปยังห้องน้ำซึ่งอยู่มุมสุดของชั้น สายตาก็เหลือบแลเห็นร่างเล็กกึ่งวิ่งกึ่งเดินสีหน้าไม่สู้ดีนักเหมือนกำลังจะหนีอะไรบางอย่าง และทันทีที่เห็นเขา หญิงสาวก็ส่งเสียงเรียก ตาเรียวหวานส่องประกายขึ้นมาทันที
“พี่ชิน”
“รตา...เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น” สีหน้าตื่นตระหนกของรตาทำให้ชินภัทรต้องถามออกมา แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้ตอบอะไร คำตอบที่สงสัยก็ปรากฏแก่สายตาเมื่อร่างสูงใหญ่ยักษ์ของฝรั่งหัวทองที่แม่สาวสเปนว่าได้เดินตามรตามาแบบติดๆ เพียงเท่านี้ ชินภัทรก็รับรู้ทุกอย่าง ชายหนุ่มจึงตีหน้านิ่งกึ่งดุน้อยๆ เพื่อกันไม่ให้นายฝรั่งเข้ามายุ่มย่ามกับรตาอีก “มีอะไรหรือเปล่าบาร์คเลย์”
“อ้อ...ไม่มีอะไร แค่อยากจะทำความรู้จักกับ...รตา ก็แค่นั้น” นายบาร์คเลย์ตอบกลับหนุ่มไทยที่ไม่ว่าดูยังไง ก็ตัวใหญ่กว่าคนเอเชียทั่วไป ใจนั้นอยากจะตวาดกลับไปตรงๆ ว่า ‘อย่ามายุ่ง’ แต่ก็คงทำไม่ได้ดังใจ ด้วยพอจะรู้กิตติศัพท์ความดุดันของชินภัทรมาบ้างจากปากของอลงกต
“พี่ชินน่ะ เห็นอย่างนั้น ยูโดสายดำเชียวนะจะบอกให้ ครั้งหนึ่งฉันเคยมีเรื่องกับฝรั่งในผับ ก็ได้พี่ชินนี่แหละช่วยไว้ บอกเลยท่าจับไอ้ฝรั่งทุ่มลงพื้นน่ะเท่ชะมัด”
ดังนั้น บาร์คเลย์จึงได้แต่จับจ้องมองสาวเอเชียที่หลบตัวลีบอยู่ข้างหลังของชินภัทรด้วยความเสียดาย เขาสู้อุตส่าห์หาจังหวะงามๆ เพื่อจะได้สานสัมพันธ์กับแม่สาวน้อยคนนี้ แต่ดูเอาเถอะ กลับมีราชสีห์มาขวางจนได้ เจ็บใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยผ่านและเลี่ยงจากมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่รตาถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อสามารถรอดพ้นเงื้อมมือของฝรั่งยักษ์มาได้
เธอแค่ปลีกตัวมาเข้าห้องน้ำ ไม่คิดเลยว่าหมอนั่นจะตามมา แรกๆ ก็เหมือนจะแค่ทักทายทำความรู้จัก แต่สายตาและท่าทีคุกคามนั้นทำให้เธอต้องหาทางเอาตัวรอด ดีเท่าไหร่ที่มาเจอชินภัทรเข้าเสียก่อน ไม่อย่างนั้นล่ะก็...จะเกิดอะไรขึ้น เธอเองก็ไม่อยากจะคิด
“ขอบคุณนะคะพี่ชิน” เสียงหวานเอ่ยพลางเอามือตบอกตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา กระนั้นก็ยังเซน้อยๆ ด้วยอาการมึนงง
“โอเคมั้ยรตา” ชายหนุ่มถามอย่างเป็นห่วง นึกโมโหตัวเองที่ปล่อยให้อลงกตจัดปาร์ตี้นี้ขึ้นมา นี่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับรตาล่ะก็...เขาคงต้องโทษตัวเองไปทั้งชีวิตแน่ เพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในตัวตั้งตัวตีจัดงานเลี้ยงส่งนี้ขึ้น แม้จะไม่คาดคิดว่า งานเลี้ยงส่งจะกลายเป็นปาร์ตี้หาความสนุกส่วนตัวของอลงกตก็ตาม
“มึนหัวค่ะ เมื่อกี้หมอนั่นให้รตาดื่มไวน์ รตารำคาญก็เลยดื่มๆ ไปเพื่อตัดปัญหา” ตอบพลางก็เริ่มโงนเงน ตาเริ่มลายพร่ามัวน้อยๆ...โอ๊ย...ไหนใครว่าไวน์ ปริมาณแอลกอฮอล์น้อยกว่าเหล้าไง ทำไมดื่มแค่นิดเดียวถึงได้รู้สึกว่าโลกหมุนขนาดนี้
“รตา! แต่เราไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์นี่ อีกอย่างไวน์ถึงแอลกอฮอล์ไม่มาก แต่ถ้าไม่เคยดื่มมันก็เมาได้นะ” บ่นไป แต่แขนแกร่งก็ต้องคอยประคองร่างเล็กที่ทำท่าจะเซล้ม “พี่ว่ากลับที่พักดีกว่า ท่าเราจะไม่ไหวแล้ว”
วินาทีนี้ รตาสมองตื้อเกินกว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ หญิงสาวได้แต่ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงนั้นเพื่อประคองไม่ให้ร่างล้มพับไปกองกับพื้น มารู้ตัวอีกที เธอก็เข้ามาอยู่ในรถของชายหนุ่มเสียแล้ว พร้อมกับสดับเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์กระหึ่มขึ้น
“รตา...รตา” เสียงห้าวทุ้มกระซิบเสียง และเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่เล็กเขย่าน้อยๆ เพื่อเรียกสติของเธอจนกระทั่งหน่วยตาเรียวซึ่งหนักอึ้งสะลึมสะลือปรือตา “เดี๋ยวพี่พาไปส่งหอพักนะ”
“ไอโกะกับมากาเร็ตล่ะคะ”
“สองคนนั้นเห็นว่าจะไปต่อที่อื่น” เขาตอบพลางเหยียบคันเร่งออกจากโรงแรม วิ่งไปตามถนนกว้างในยามค่ำที่ถึงแม้จะดึกมากแล้ว แต่ก็ยังมีรถราอยู่ไม่น้อย ขณะที่รตาได้แต่นั่งตาปรือด้วยอาการมึนศีรษะ ทั้งยังรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ชอบกลจนต้องกระชับเสื้อคลุมไหมพรมตัวหนาของตัวเองแน่น แต่เพียงครู่ก็รับรู้ถึงเม็ดเหงื่อที่ซึมไหลอย่างน่าประหลาด ทั้งยังร้อนวูบวาบในแบบที่ไม่เคยเป็น
“พี่ชิน รตาเป็นอะไรก็ไม่รู้ มัน...รู้สึกแปลกๆ” เสียงหวานพร่าเล็กน้อยขณะเอ่ยกับชายหนุ่มที่หันมามองเธอแวบหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจทางข้างหน้า รอจนกระทั่งรถติดไฟแดงจึงหันกลับมาสอบถามอาการ
“ยังไง”
“มันร้อนวูบๆ แล้วก็...” จะให้พูดยังไงหรือจะอธิบายยังไงให้เขาเข้าใจกับอาการกระสับกระส่ายที่เธอกำลังเผชิญ แล้วเสี้ยววินาทีต่อมา ชินภัทรก็ต้องสะดุ้งวาบ เมื่อหญิงสาวทำท่าจะถอดเสื้อไหมพรมของตัวเองออก มือหนารีบจับมือเรียวเป็นเชิงห้าม ใจกระตุกหล่นเมื่อตระหนักว่า ไอ้อาการแปลกๆ ที่เธอว่ามันคืออะไร
แวบหนึ่งที่อยากนึกกลับรถไปตั๊นหน้าไอ้บาร์คเลย์สักสองสามที ที่บังอาจใช้วิธีสกปรกกับรุ่นน้องของเขา
“รตา ใจเย็นๆ นะ”
“รตาร้อน พี่ชิน รตาเป็นอะไร ทำไมมันถึง...”
เอายังไงดีล่ะไอ้ชิน ทีนี้...ว่าที่ด็อกเตอร์หนุ่มคิดอย่างจิตตก ขืนปล่อยไว้อย่างนี้ ยัยหนูรตาแย่แน่ เส้นทางกลับไปหอพักของหญิงสาวก็ยังอีกยาวไกล เขาไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนจะอดทนกับอาการผิดปกตินี้ได้นานแค่ไหน...แวบหนึ่งที่ชายหนุ่มนึกถึงเพื่อนสาวร่วมชั้นเรียน ป.เอกด้วยกัน ถ้าเขาจำไม่ผิด บ้านของเธออยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก อย่างน้อยถ้าพารตาไปสงบสติอารมณ์ที่นั่นก็น่าจะดีกว่า คิดได้ดังนั้น เขาจึงรีบกดโทรศัพท์หาหญิงสาวทันที พร้อมทั้งเหยียบคันเร่งออกรถเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“ฮัลโหล แองจี้ อยู่บ้านหรือเปล่า มีเรื่องจะขอรบกวนหน่อย”
“โอ้โห เป็นบุญอะไรอย่างนี้ที่นายโทรมาหาฉัน” แองเจลลา นักศึกษาสาวปริญญาเอก เพื่อนร่วมชั้นของชินภัทรอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ แม้กระแสเสียงจะเหมือนแกล้งแต่ต้องยอมรับว่าเธอประหลาดใจจริงๆ เพราะตั้งแต่รู้จักกันว่า น้อยครั้งนักที่ชายหนุ่มจะโทรหาเธอหรือเพื่อนคนไหน ถ้าไม่จำเป็น “มีเรื่องอะไรหรือ”
“ฉันอยากขอความช่วยเหลือนิดหน่อย จะพารุ่นน้องไปพักที่บ้านเธอสักครู่ได้มั้ย”
“โอ้...ฉันยินดีนะ แต่...ตอนนี้ฉันไม่อยู่บ้านน่ะสิ ฉันมาเที่ยวซีแอทเทิลกับไทก้า”
เวร...แล้วคราวนี้จะเอายังไงดี เพื่อนป.เอก ที่เขาสนิทส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ชาย ขืนพายัยตัวเล็กนี่ไปบ้านเจ้าพวกนั้น คงยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เพื่อนผู้หญิงที่พอจะพูดคุยด้วยมากหน่อยก็มีแค่ยัยแองจี้ เพราะจะว่าไปแล้ว ชีวิตการเรียน ป.เอกที่นี่ มันไม่เหมือนกับที่ไทยสักเท่าไหร่ ยิ่งเรียนในระดับที่สูงขึ้น เพื่อนร่วมชั้นก็จะยิ่งน้อยลง เขาเรียนที่นี่มาสองสามปี แต่เพื่อนที่มีนับแล้วยังไม่ถึงห้าคน
ชินภัทรวางสายจากแองเจลลาด้วยความหนักจิต ยิ่งเห็นอาการของรตาเวลานี้แล้วยิ่งเครียด เห็นทีถ้าเจอไอ้อลงกต เขาจะต้องด่ามันให้หูดับกันไปข้างที่ปล่อยให้เพื่อนของมันมาทำ ‘ระยำ’ กับหญิงสาว
“พี่ชิน ช่วยรตาด้วย รตาไม่ไหวแล้ว” เสียงแหบสั่นพร่าดังมาพร้อมกับมือบางซึ่งคว้าหมับที่ลำแขนของเขา ก่อนที่คนตัวเล็กจะทำให้ชายหนุ่มใจหล่นวูบอีกวาระเมื่อเจ้าหล่อนขยับพาเรือนร่างเล็กเข้ามาแนบชิด รตาค้นพบว่าการใกล้ชิดกับเขาช่วยคลายความร้อนที่เกิดขึ้นได้ นัยน์ตาหวานนั้นฉ่ำเยิ้มยามช้อนสายตาสบกับตาของเขา ขณะที่ลมหายใจนั้นหอบถี่กระชั้นอย่างไม่อาจห้ามปฏิกิริยาของร่างกายได้
วินาทีนั้นเองที่ชินภัทรตระหนักว่า เขาจะต้องพาตัวเองหลุดออกไปจากสถานการณ์นี้โดยเร็วที่สุด เพราะถึงแม้ว่าจะไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับยัยตัวเล็ก หากเขาก็เป็นผู้ชาย...ผู้ชายทั้งแท่งที่ไม่ใช่พระอิฐพระปูนถึงจะไม่รู้สึกรู้สายามมีสตรีเข้ามาใกล้ชิด โดยเฉพาะภายในรถอันแสนคับแคบที่มีเพียงเขากับเธอเช่นนี้ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายสาวที่ลอยเข้ามาเตะจมูกทำให้ชินภัทรถึงกับต้องท่องพุทโธตั้งสติอยู่ในใจ ชายหนุ่มหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทางและออกแรงดันร่างเล็กนั้นออกห่างให้กลับไปนั่งประจำที่ของตนเช่นเดิม อีกทั้งยังหันไปคว้าสูทตัวหนาที่แขวนอยู่หลังรถมาห่มให้เธอเพื่อปกปิดร่างกายบางส่วนที่มันเผยเนื้อหนังออกมาจากฝ่ามือเรียวที่จัดการถอดมัน
“ใจเย็นๆ นะรตา อดทนไว้นะ...อุ๊บ!” เสียงทุ้มกระซิบปลอบและพยายามลงน้ำหนักมือกดหนักๆ ที่ไหล่บางของเธอเพื่อเรียกสติ แต่สุดท้าย กระแสเสียงทุ้มนั้นก็ถูกกลืนหายด้วยริมฝีปากเรียวอิ่มทว่าอุ่นร้อนของหญิงสาว เล่นเอากายหนุ่มร้อนวูบไปทั่งร่าง แม้จะเป็นเพียงแต่การแตะแผ่วๆ ของริมฝีปากของคนที่ไม่ประสีประสา หากกลับทำให้เลือดในกายเดือดพล่านอย่างไม่อาจควบคุม
เขารู้...เธอไม่ได้ตั้งใจ และเผลอๆ อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ถ้าขืนปล่อยไว้อย่างนี้ เห็นทีคงไม่ปลอดภัยแน่...ไม่ใช่เขาหรอกนะที่จะไม่ปลอดภัย แต่เป็นยัยตัวเล็กนี่ต่างหากที่จะไม่ปลอดภัย...จากเขา
ชินภัทรพยายามดึงสติที่เหมือนจะกระเจิงไปเล็กน้อยให้กลับมาและดันใบหน้าเรียวหวานของคนตัวเล็กออกห่าง ลมหายใจถี่กระชั้นกับใบหน้าที่เห่อแดงซ่านบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวถูกฤทธิ์ยา ‘เสียสาว’ นั่นเล่นงานจนไม่อาจต้านทานได้ ชายหนุ่มดึงเข็มขัดนิรภัยมารัดคนตัวเล็กให้แน่นขึ้นเพื่อที่เธอจะได้ไม่ขยับกายไปรบกวนสมาธิการขับรถของเขาได้อีก สมองเริ่มคำนวณระยะทางและเวลาที่จะต้องใช้เพื่อพาเธอไปส่งที่หอพัก...แต่...
สภาพเช่นนี้ รตาไม่สามารถพาตัวเองเดินเข้าหอพักได้แน่ ครั้นจะให้คนดูแลหอมาช่วยก็เกรงจะเป็นเรื่องใหญ่ และคงไม่เป็นผลดีต่อหญิงสาวเอง...ว่าที่ด็อกเตอร์หนุ่มเม้มริมฝีปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงอย่างใช้ความคิด และสุดท้ายก็ตัดสินใจ
เอาวะ...พาไปคอนโดเขาก่อน อย่างน้อยๆ ก็อยู่ใกล้กว่าที่พักของเธอ จับยัยตัวเล็กแช่น้ำเย็นๆ คงจะพอช่วยได้บ้าง...
ชินภัทรคิดด้วยเห็นว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด...โดยหารู้ไม่ว่า เขากำลังจะพารตาไปเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายหนักกว่าเดิม
