14 จอมเผด็จการ
หลายวันต่อมาเตยหอมก็แอบไปได้ยินพนักงานในโรงแรมที่ซุบซิบนินทาเรื่องของเธอกับทิวัตถ์ เพราะดันมีเพื่อนร่วมงานบางคนเห็นเธอนั่งรถของท่านประธานมาทำงานพร้อมกัน
“วันหลัง คุณให้ฉันนั่งแท็กซี่มาที่ทำงานเองก็ได้นะคะ”
“มีอะไรเหรอ”
“ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีฉันได้ยินพนักงานซุบซิบนินทาเรื่องของเรา”
“หมายถึงคุณกับผมน่ะเหรอ”
“ค่ะ”
“โถ่วว!!..คุณ เราห้ามความคิดคนไม่ได้หรอกนะ ใครจะนินทาก็ช่างเค้าปะไร”
“แล้วคุณไม่กลัวคนจะมองคุณไม่ดีเหรอคะ เค้าแอบแซวว่าคุณแอบกินเลขาฯ เชียวนะ”
“งั้นผมจะเปิดตัวว่าเราคบหากัน..ดีมั้ย”
“อย่าเพิ่งเลยค่ะ ฉันยังไม่พร้อม” มีอีกหลายอย่างที่ทำให้เตยหอมต้องร้องห้ามออกมา เขายังไม่เคยพาเธอไปเปิดตัวกับแม่และน้องของเขาเลยด้วยซ้ำ และเธอก็พอจะมองออกว่าทิวัตถ์เหมือนจะไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่
เช้าวันรุ่งขึ้น พอทิวัตถ์จะให้เธอนั่งรถของเขาไปทำงานด้วยกัน หญิงสาวจึงสั่นศีรษะปฏิเสธไปทันทีอย่างไม่ต้องคิด วันต่อมาเตยหอมออกไปทานมื้อกลางวันและกลับเข้ามาพร้อมกับพนักงานกลุ่มอื่นที่กำลังรออยู่หน้าลิฟต์ ทิวัตถ์ที่เดินมาถึงลิฟต์ส่วนตัวของประธานก็มองมาที่เตยหอม เดิมทีเธอคิดจะแสร้งทำเป็นไม่เห็นเขาด้วยซ้ำ แต่ก็รู้สึกถึงความไม่เหมาะสมอีก ก็เลยทักทายเขาอย่างสุภาพตามพนักงานคนอื่นๆ ไป
เขาตอบรับอย่างไร้ความรู้สึกเหมือนไม่พอใจที่เธอฝ่าฝืนคำสั่งของเขา ทิวัตถ์กวาดสายตามองเลขาฯ สาว ก่อนก้าวเข้าไปในลิฟต์ ทิ้งเงาหลังอันเย็นชาไว้ทันที
สาว ๆ แผนกประชาสัมพันธ์ แต่ละคนพูดถึงท่านประธานหนุ่มสุดหล่อ และทายกันว่าเขาจะลงเอยกับสาวคนไหน และใครจะได้หัวใจของเขาไปครอบครอง เตยหอมเอาแต่นิ่งและฟังพวกหล่อนคุยกัน โดยไม่ได้เข้าร่วมในวงนินทานั้นด้วย แต่ว่าในใจกลับคิดว่าเรื่องที่พนักงานสาว ๆ พวกนั้นแอบนินทาเจ้านายมันช่างน่าขันเหลือเกิน พวกเธอบางคนอ้างว่าเขาไม่แมนบ้าง อ้างว่าที่เขาไม่สนใจพวกเธอก็เพราะเขาแอบซุกเมียเอาไว้บ้าง ซึ่งอย่างหลังนี้ก็ทำให้เตยหอมรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ขึ้นมาทันที!
ช่วงบ่ายเตยหอมก็รีบโยนเรื่องที่เกี่ยวกับทิวัตถ์ทิ้งไปจนหมดและตั้งอกตั้งใจทำงาน
เธอยุ่งจนไม่ได้เปิดโทรศัพท์อ่านข้อความที่ทิวัตถ์ไลน์มาหา พอเห็นเข้าก็ตกใจ จนต้องรีบออกมาโทรหาเขาอย่างระมัดระวัง
“ขอโทษนะคะ ที่ฉันไม่ได้อ่านไลน์ พอดีวันนี้ยุ่งมาก”
“วันหลังคุณออกไปทานมื้อเที่ยงกับผมก็ได้ ไม่กลัวใครว่าหรอก เลขาฯ กับเจ้านาย ก็ต้องมีเรื่องปรึกษากันบ้างสิจริงมั้ย”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวสาว ๆ ในสต๊อกของคุณจะมาหักคอฉันเอาได้” เธออดแซวไม่ได้
“พูดเป็นเล่นไป ผมมีใครซะไหนล่ะ ยกเว้นคุณ..” หญิงสาวลอบยิ้มที่เขาพูดเช่นนั้น
“ใครจะไปรู้ล่ะ ที่นี่คุณเนื้อหอมจะตายไป” เธอพูดเหมือนแกล้งงอน
ทิวัตถ์คิดไม่ถึงว่าพอเตยหอมเอ่ยปากพูดประโยคนี้ จะทำให้เขาอดคิดไปถึงเรื่องของมารดาไม่ได้
“คุณเล่นทานมื้อเที่ยงเอาเกือบบ่ายโมงทุกวัน งานยุ่งมากเลยเหรอ” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความห่วงใย และเดาว่าเธอไม่อยากให้ใครเห็นเขาและเธอออกไปทานข้าวด้วยกันบ่อย ๆ
ถึงแม้ว่าเธอจะนั่งอยู่หน้าห้องของเขา แต่ทิวัตถ์ก็ไม่ได้ออกมาดูหรอกว่าเธอมีงานที่ต้องทำอยู่มากน้อยแค่ไหน เพราะเตยหอมเพิ่งจะมารับช่วงงานเลขาฯ จากรัตนาวดี
“ก็นิดหน่อยค่ะ ฉันอาจต้องใช้เวลาในการเรียนรู้งานบางอย่าง” ทิวัตถ์ที่อยู่ปลายสายเงียบไป เตยหอมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี จึงกล่าวคำลาก่อนที่จะวางสายไป
“เตยหอม..เดี๋ยวก่อน!” น้ำเสียงของทิวัตถ์ที่รีบตะโกนเข้ามา ทำให้เลขาฯ สาวถึงกับตกใจ
“อะไรอีกคะ!!!”
“เย็นนี้คุณรอกลับบ้านพร้อมผมนะ..ไม่ต้องนั่งแท็กซี่กลับหรอก มันเปลือง วันนี้ผมน่าจะกลับค่ำ ๆ เลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ให้ฉันรีบกลับไปจะได้...” เตยหอมรีบปฏิเสธทันควัน แต่คำพูดปฏิเสธของเธอยังพูดไม่ทันจบประโยค เจ้านายของเธอก็รีบวางสายไปทันที
“แค่นี้ก็ต้องรีบวางสายด้วย อุตส่าห์จะรีบกลับไปทำอาหารเย็นให้กิน...เฮ่อ!!” หญิงสาวพึมพำคนเดียว ระหว่างเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน
คิ้วเรียวงามขมวดมุ่น สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา เธอจะมีเหตุผลอะไรไปปฏิเสธไม่กลับบ้านพร้อมกับเขาล่ะ ถ้าเขาต้องการอย่างนั้นจริง ๆ เธอกับทิวัตถ์เป็นสามีภรรยากันถูกต้องตามกฎหมายก็จริง แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าเขาและเธอแอบรักกันอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ หรือว่าเธอจะคิดไปเองคนเดียวก็ได้ ทิวัตถ์อาจจะไม่ได้รักเธอจริง ๆ หรอก!
ช่วงพักเที่ยงของวันต่อมามีชายสูงวัยที่เธอเคยเจอเขาในวันเปิดตัวคอนโดมิเนียมเมื่อหลายวันก่อน ชายสูงวัยคนดังกล่าวเดินเข้ามาทักทายเธอที่นั่งอยู่หน้าห้องของทิวัตถ์ทันที
“สวัสดีครับ คุณเตยหอม” เขากล่าวขึ้นอย่างสุภาพ
“สวัสดีค่ะ” เลขาฯ สาวรีบยกมือไหว้
“ผมกัมพลนะครับ เราเคยเจอกันแล้วในงานเปิดตัวคอนโด” หญิงสาวส่งยิ้มให้เขา
“วันนี้คุณทิวัตถ์นัดผมมาคุยเรื่องงาน”
“นัดเอาไว้แล้วใช่มั้ยคะ”
“ครับ”
“คุณกัมพล เชิญทางนี้ครับ!! ” ทิวัตถ์เดินออกมาทักทายชายสูงวัยได้ทันเวลาพอดิบพอดี
ก่อนจะบอกให้เตยหอมรีบตามมากับเขาด้วยที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม จากนั้นเตยหอมก็เห็นหญิงสูงวัยคนหนึ่งนั่งรอทั้งสองอยู่แล้วที่โต๊ะ หญิงสูงวัยคนดังกล่าวรีบลุกจากโต๊ะออกมาทักทายกับทั้งสอง หลังจากคุยธุระกันเสร็จเรียบร้อยทิวัตถ์ก็พาเลขาฯ สาวมานั่งคุยกันตามลำพัง
ทิวัตถ์เล่าให้เตยหอมฟังว่า หญิงสูงวันคนดังกล่าวเธอมีชื่อว่าเอื้อมจันทร์เคยเป็นเลขาฯ ของคุณพงศ์บิดาของเขาก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตไป และตอนนี้คุณเอื้อมจันทร์ก็ไปเป็นซีอีโออยู่ที่โรงแรมสาขาแห่งใหม่ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปเร็ว ๆ นี้ ส่วนคุณกัมพลเขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารของโรงแรม และเป็นคนที่บิดาของเขาไว้ใจให้ดูแลโรงแรมในสาขาที่เหลืออีกสองที่ในกรุงเทพฯ ซึ่งทั้งคู่ก็มีตำแหน่งเป็นซีอีโอเหมือนกัน เพียงแต่อยู่คนละสาขา
“พี่เอื้อมจันทร์ทำงานกับอยู่ผมมาหลายปี ผมได้เล่าเรื่องของคุณให้เธอฟังอยู่บ่อย ๆ ”
“หมายความว่าอย่างไรค่ะ”
“ก็หมายความว่าเรื่องที่คุณเป็นเมียผมเธอก็รู้น่ะสิ” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา
เตยหอมอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับรู้ และไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ต่อไปกลางวันมาทานข้าวกับผมนะ” น้ำเสียงของทิวัตถ์ออกจะเผด็จการและวางอำนาจกับเธอ เลขาฯสาว ไม่รู้ว่าควรจะตอบทิวัตถ์ว่าอย่างไรดีจึงอึ้งไปชั่วขณะ ทิวัตถ์จึงถือโอกาสพูดต่อ
“ตกลงตามนี้นะ”
เตยหอมไม่อยากให้พนักงานคนอื่นเห็นเธอออกมาทานมื้อเที่ยงกับทิวัตถ์ทุกวัน แต่เธอก็หาข้ออ้างมาปฏิเสธเขาไม่ได้จริงๆ จึงได้แต่พยักหน้ารับ
เมื่อออกจากห้องจัดเลี้ยง เตยหอมมองไปรอบๆ อย่างเพราะกลัวจะมีคนเห็นเธอ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ และเดินตามเจ้านายหนุ่มออกมา
หลายวันต่อมาเตยหอมก็ต้องเจอกับเรื่องราวที่ไม่คาดคิดมาก่อน เพราะเมื่ออดีตแฟนหนุ่มของเธออย่างนายศรันย์กับชู้รักอย่างรุ้งระวีย์ มาทำงานอยู่อีกสาขาหนึ่งของโรงแรมทิวัตถ์ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่
เตยหอมได้สอบถามกับคุณเอื้อมจันทร์ซีอีโอของโรงแรมที่เพิ่งเปิดใหม่ จนรู้ว่าศรันย์มาสมัครเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคล ส่วนรุ่งระวีย์นั้นมาทำงานอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และแล้วเธอก็มีเหตุให้เตยหอมต้องเจอกับศรันย์เข้าจนได้ เมื่อเธอต้องเข้ามาประชุมแทนทิวัตถ์ที่เดินทางไปต่างจังหวัด และเตยหอมก็ต้องทำหน้าที่แทนเขาอยู่ที่กรุงเทพฯ
ศรันย์หัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลเดินเข้ามาหาเตยหอมทันทีหลังจากประชุมเสร็จ ในที่ประชุมเขาตะลึงเมื่อเห็นเธอเป็นตัวแทนของทิวัตถ์ เธอรีบขยับไปด้านข้างเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือคว้าลูกบิดประตู และรีบเดินหนีเพราะไม่ได้คิดจะทักทายคนอย่างเขา
ศรันย์เดินตามมาทันระหว่างที่เตยหอมรออยู่หน้าประตูลิฟต์ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอยู่ข้างหลังของเธอ
“อย่าคิดว่าที่นี่ไม่มีใครรู้เรื่องของเรานะ..” เตยหอมรีบเอาหูทวนลม และไม่คิดจะเปลืองพลังงานไปแยแสกับผู้ชายอย่างศรันย์ และท่าทางไม่สนใจไยดีเลยสักนิดของเตยหอมก็ทำให้ศรันย์ถึงกับหัวเสีย เขาหันหน้ามาจ้องเตยหอมอย่างดุร้าย ขณะที่อยู่ในลิฟต์กับเธอสองต่อสอง
“มาเป็นเลขาฯ ของคุณทิวัตถ์ เธอคงไปทำให้เขาติดใจล่ะสิท่า” เขาพูดจากับเธออย่างหยาบคาย
เตยหอมเม้มปากและยิ้มบางๆ เธอไม่อยากตอแยหรือโต้ตอบกับคนอย่างเขา
ในใจของศรันย์คิดว่าเธอคงจะยั่วยวนและเอาตัวเข้าแลก จนได้เป็นเลขาฯ ของทิวัตถ์ และคงไม่ใช่เลขาฯ ธรรมดาอย่างแน่นอนเพราะเขาเคยได้ยินพวกพนักงานลือกันให้แซด
“แต่อย่าหวังเลย ว่าคนระดับนั้นเขาจะจริงจังกับเธอ นอกเสียจากเรื่องอย่างว่า..”
“เราไม่ได้เจอกันนาน ฉันไม่คิดว่าคุณจะยังมีความคิดต่ำตมเช่นนั้นอยู่อีก” พูดจบประตูลิฟต์ก็เปิดออก เธอรีบเดินหนีเขาไปขึ้นรถประจำตำแหน่งของท่านประธานทันที ศรันย์มองตามเธอด้วยความเจ็บปวด ในใจลึก ๆ เขาก็ยังเสียดายเตยหอมอยู่
อาทิตย์นี้ทิวัตถ์ไปตรวจโรงแรมที่เชียงใหม่เกือบทั้งอาทิตย์ เตยหอมจึงต้องทำหน้าที่แทนเขาอยู่ที่กรุงเทพฯ ทำให้เธอไม่ได้เจอเขามาหลายวัน แต่ทุก ๆ คืนเขาจะวิดีโอคลอมาหาเธอและก็ตรงเวลาทุกครั้ง
“ผมจะกลับวันพฤหัสนี้แล้ว คุณดูแลตัวเองดีๆ นะ” ร่ำลากันเสร็จหญิงสาวก็รีบปิดไฟนอนทันที
