เมรีขยี้รัก

94.0K · จบแล้ว
Reenrin รินริน พันฟาง นางฟ้าแดนใต้
60
บท
11.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ก็แค่ผู้ชาย... จริงจังกับชีวิต มีเลือดเนื้อ เพียบพร้อมทั้งสติ และปัญญา หากเธอไม่บ้าไปปลุกปล้ำเขาก่อน คงหมดสิทธิ์ที่จะได้หัวใจเขามาครอง ‘เมรี’ ก็แค่ผู้หญิงที่เอาแต่ใจ สวยขี้วีน แล้วอย่างนี้เธอจะไม่เลือกเขาได้หรือ? คนที่ปกป้องดูแลเธอได้อย่างเขาหาไม่ได้ง่าย ๆเพราะรักทำให้คนตาบอด เมรี จึงหันไปเพิ่งน้ำเมากลายเป็น เมรี ขี้เมาสมชื่อ แต่เรื่องไม่ได้จบแค่นั้น เมื่อเธอลากใครบางคนเข้ามาเอี่ยวด้วย วิรุจ ชายหนุ่มที่ผันตัวเองมาเป็นคนงานในไร่กาแฟ หนีความวุ่นวายของคนในครอบครัวที่ร่วมชายคาเดียวกัน แต่ความสงบอยู่กับเขาได้ไม่เท่าไร ความวุ่นวายหรือพรหมลิขิตก็นำพาให้สาวสวยที่มีชื่อว่าเมารีขี้เมาเข้ามาพัวพัน จนกลายเป็นเรื่องราวความรักของเขาและเธอเนื้อนูนยืดหยุ่นที่ยื่นออกมา บดเบียดอกแกร่งผ่านเนื้อผ้าอย่างท้าทายเรียกร้องความกำหนัดของชายชาตรีให้ลุกโชน“คุ คุณเมย์...” วิรุจตัดสินใจเรียกคนเมาอีกครั้งเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ เขาอยากรู้ว่าตอนนี้หล่อนมีสติกลับมาหรือยัง แต่สิ่งที่ได้รับเป็นคำตอบคือแรงผลัก เขาล้มตึงหงายหลัง เมื่อร่างเปล่าเปลือยพยุงตัวลุกขึ้นคร่อมร่างแกร่งเขาเอาไว้ หล่อนกำลังกลายร่างเป็นนางแมวยั่วสวาททันที“ที่ร๊าก...เอิ๊ก...ไม่ต้อง เมย์ทามเอง...” น้ำเสียงยานคางมองคนใต้ร่างสายตาหวานหยาดเยิ้ม วิรุจเริ่มควบคุมตัวเองได้น้อยลง ก็ในเมื่อแววตาสาวเจ้าแฝงไปด้วยแววตากระหายแห่งไฟราคะที่เริ่มคุกรุ่นจนยากจะดับลงครั้นจะหนีออกจากห้องโดยทิ้งให้ผู้หญิงที่เจ้านายสั่งไว้ให้ดูแล ก็เกรงว่าเธอจะเป็นอันตราย แต่หากหล่อนยังอยู่ในสภาพไม่ได้สติแบบนี้ มีหวังทั้งเขาเองนี่แหละที่จะทำให้หล่อนเป็นอันตรายเสียเอง

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันนิยายรัก

บทที่1

เท้าเรียวงาม ภายใต้รองเท้าผ้าใบราคาไม่กี่ร้อย เมรี ปรียส หรือเมย์ วัยยี่สิบสี่ปี ในชุดยาวกรอมเท้าลายดอกเนื้อผ้าบางเบา กำลังก้าวไปตามถนนลูกรัง ที่เชื่อมกับเส้นทางหลัก ใช้สัญจรในฟาร์มเลี้ยงม้าของผู้เป็นสามีที่เธอได้มาแบบไม่ทันตั้งตัว เธอเริ่มสนุกกับชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป

ร่างบางสมส่วน เดินทอดน่องรับลม สูดอากาศในยามเช้าอย่างเป็นสุข สายตาอิ่มเอิบรื่นรมย์ ไปกับธรรมชาติที่ร่มรื่น ภายในพื้นที่หลายร้อยไร่อย่างคุ้นชิน เหมือนเธอกำลัง เดินผ่านความฝัน ที่พลิกผันไปสู้ชีวิตอีกมุมหนึ่ง จิตใจส่วนหนึ่งได้เข้าสู่ธรรมชาติไปกว่าครึ่งและทุกอย่างในตัวเย็นลงโดยปริยาย ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์และความรู้สึกเอาแต่ใจ โวยวายไร้สติ ซึ่งผิดจากเมื่อก่อนไปมาก จะคิดถูกคิดผิด เธอก็สุดจะรู้ได้ แต่เธอก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว ชีวิตติดดิน...

“ลูกคิดดีแล้วหรือ... กลับมาบ้านเราเถอะลูก มีผู้ชายที่ดีพร้อมรอลูกอยู่นะ ไอ้ที่เสียไปแล้วก็ถือเสียว่าถึงคราวซวยนะลูกนะ กลับมาเถอะ...” น้ำเสียงตกใจของบิดาเมื่อไม่นานมานี้ ดังแทรกเข้ามาในความคิด เมื่อครั้งเธอโทร. ไปบอกเล่าสิ่งที่ได้พลาดพลั้งไปแล้ว แต่ผู้เป็นพ่อก็พยายามหว่านล้อมทุกวิถีทาง เธอก็ยังตัดสินใจอยู่เมืองไทยพร้อมกับสามีสายฟ้าแลบ

“ไม่ค่ะ เมย์ขอซื่อสัตย์กับตัวเอง และอีกอย่างเมย์อยากจะมีโอกาสเลือกในสิ่งที่คิดว่าน่าจะใช่ ให้กับตัวเอง” คำตอบนั้นหนักแน่น ทำให้ผู้รับฟัง ถอนหายใจออกมาให้อีกฝ่ายได้ยิน

“ทางนี้ละลูก ‘เขา’ รอลูกอยู่นะ ไม่เปิดโอกาสให้ ‘เขา’ หรือ” ‘ขา’ เขาที่ว่าคือชายหนุ่มที่ตามลูกสาวแจและหลายปีที่คบกัน แต่สำหรับลูกสาว ‘เขา’ คือเพื่อน แต่ฝ่ายชายไม่คิดเช่นนั้น ผู้สูงวัยอ่านออกมานานแล้ว

ตอนนี้พ่อเดาใจลูกสาวไม่ได้เลย เพราะไม่คิดว่า การที่หล่อนดิ้นรนตามชายที่ตนเองรักไป แต่กลับกลายเป็นว่าได้สามี เป็นหนุ่ม คนงาน

สาวสวยไฮโซ ที่มีเงินให้ใช้จ่ายอย่างคล่องมือ ตอนนี้คิดจะเลือกหนุ่มโลโซให้มาเป็นหลักของชีวิต ดูผิดไปถนัด...!

“ไม่ค่ะ... เมย์บอกไปแล้วว่าเมย์จะซื่อสัตย์ต่อตัวเอง...” เธอยืนยันความคิดเดิม ไม่คิดโกหกใครๆ ว่าเป็นสาวบริสุทธิ์ ได้อีก “ทาง คุณพ่อของ เอ่อ พี่รุจ จะจัดงานแต่งให้ในฟาร์ม แค่งานเล็กๆ เป็นการภายใน...”

เมรีพยายามเค้นเสียงให้เป็นปกติเพื่อบอกเล่าผ่านสายให้บิดาที่โทรข้ามทวีปมาได้รับรู้ แม้งานแต่งงานจะไม่ใหญ่โตอย่างที่เธอหวังเอาไว้ แต่ก็สมควรแล้วที่คนอย่างเธอจะได้รับ ตอนนี้เธอหวังแค่มีใครสักคนรักและเห็นคุณค่าความสำคัญในตัวเธอ เธอก็พร้อมจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเขาคนนั้น

“พ่อเชื่อว่าลูกเป็นคนฉลาด แต่พ่อคงไม่ได้ไปร่วมงานแต่งของลูก ลูกคงไม่ว่าพ่อนะ ช่วงนี้งานยุ่ง คุณใหญ่ก็ยุ่งงานแต่ง...” ชายสูงวัยเอ่ยบอก ถึงหุ้นส่วนหนุ่มที่ตัดสินใจแต่งงานแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยกับเด็กในปกครอง ทั้งๆ ที่เขาหวังจะให้ลูกสาวได้เป็นผู้หญิงที่หุ้นส่วนหนุ่มเลือก แต่ทุกอย่างคงเป็นพรหมลิขิตไม่มีใครฝืนกันได้

เมื่อเห็นว่าลูกสาวเงียบไป คนเป็นพ่อจึงเอ่ยต่อ “ตอนนี้ พ่อปลีกตัวไปไหนไม่ได้ พ่อขอให้ลูกมีความสุขในการตัดสินใจครั้งนี้ ไว้พ่อว่างเมื่อไหร่พ่อจะลงไปหาลูก... ลูกเขยทันที” ตอนท้ายน้ำเสียงของคนเป็นพ่อแผ่วลง

“ค่ะ..” เมรีรับคำเบาๆ รู้สึกผิดอยู่ในใจที่ทำตัวให้พ่อต้องหนักใจ ความรู้สึกทุกอย่างอัดแน่นอยู่ในอกเมื่อความฝันที่เคยสวยหรูไม่เหลือให้เธออีกแล้ว

น้ำตาเอ่อคลอแต่เธอก็พยายามกลืนก้อนแข็งๆ ลงท้องและแหงนหน้ามองฟ้าส่งน้ำตาให้กลับไปที่เดิม ในเมื่อเธอเลือกแล้ว จะมามัวคิดมากไม่ได้!

“พ่อต้องทำงานแล้วนะ ดูแลตัวเองด้วยละ...พ่อรักลูกนะ” เมื่อทำหน้าที่พ่อดีที่สุด จะดึงรั้งไปก็คงไม่มีประโยชน์ เรื่องของคู่ชีวิตคนสองคนจะต้องใช้เวลาตัดสินใจและเลือกเส้นทางเดินเอง ทำได้แค่มองดูอยู่ห่างๆ

ทางฝั่งบิดาวางสายไปแล้ว เมรีไม่รู้หรอกว่าหลังจากที่ท่านวางสายจากเธอไปจะอยู่ในสภาพเช่นไร แต่สำหรับเธอแล้วหัวใจรู้สึกปวดชาสมองแน่นตื้อไปหมด แต่ก็รีบทำใจปรับสภาพของตัวเองให้รับกับสิ่งที่เกิดขึ้น...

‘ขอโทษ นะคะ...’ ริมฝีปากบางเอ่ย ฝากไปกับลม ถึงใครบางคน ที่คิดว่ายังคงรอคอยเธอเสมอ

ณ เวลานี้เธอจะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าเห็นแก่ตัว ทิ้งให้พ่ออยู่ตามลำพัง แต่เธอหวังไว้ว่าคนไร้ประโยชน์อย่างเธอจะทำให้คนอื่นเห็นค่า และนั่นก็ทำให้มีผลต่อคนเป็นพ่อ จะวางใจให้เธอเดินไปตามเส้นทางที่เธอเลือกเองอย่างเบาใจมากว่า...

เมรีตั้งมั่นปณิธานกับตัวเอง ทุกอย่างต้องเดินไปในทางที่ดี

แม้เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้ว่าเธอได้ทำอะไรไว้ที่เมืองไทยบ้าง แต่ถ้าจะให้กลับไปทำตัวเหมือนสาวบริสุทธิ์เพื่อใครอีกคน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ

ตอนนี้...ผู้ชายคนแรกต่างหากที่เธอต้องคิดถึง...คิดได้ดังนั้น ริมฝีปากบางก็คลี่ออก อดยิ้มกับตัวเองเหมือนคนเพ้อไม่ได้

แม้จะยังมึนๆ กับความคิดตัวเอง แต่เวลาที่ผ่านมาทุกอย่างก็ไปได้ดี “บ้าที่สุด ทำไปได้ไงนะเรา...” ใบหน้าแดงเรื่อขึ้นอย่างอดไม่ได้เมื่อคิดไปถึงบทที่เธอทำอะไรก่อนหน้านั้นไป แล้วภาพทุกอย่างก็เดินสายเข้ามาในความทรงจำได้ทุกช็อตเหมือนมันกำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง...

เมื่อหลายเดือนก่อน...

สาวสวยนอนกระสับกระส่ายฉีกยิ้มหวานสายตาพร่ามัว ปากบางขยับเอ่ยอย่างคนที่มีอาการเมามายเต็มที่

“อื้อ...คุณหย่าย...” มือบางชูเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ ปากพร่ำเอ่ยชื่อของชายที่ตนหลงรักไม่ยอมหยุดปาก

“เฮ้ย!” วิรุจร้องเสียงหลง เมื่อมือหนาของตัวเองที่ยื่นออกไปหมายจะดึงผ้าห่มขึ้นปกบิดร่างกายที่แสนเย้ายวนนั้น กลับถูกดึงด้วยมือเรียวของคนไม่ได้สติไปกอดไว้

“อื้อ...ทำมาย คุณหย่าย...รังเกียจเมย์นัก” ปากพร่ำเอ่ยอย่างตัดพ้อ มือเรียวก็ดึงแขนชายหนุ่มที่คิดว่าเป็นคนที่ตนเองหลงรักไว้แน่น

ความรักบวกกับความต้องการภายในที่สะสมมาแรมปี มันทำให้หญิงสาวสวยอย่างเมรีต้องเป็นฝ่ายรุก ในเมื่อคุณใหญ่ที่เธอเห็นเข้ามานั่งอยู่ในห้องของเธอแล้ว อย่างนี้จะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปได้อย่างไร

“ปล่อยครับ คุณเมย์... ผมวิรุจเองนะครับ” ปากเอ่ยปฏิเสธสีหน้าหวาดหวั่น มือหนาพยายามแกะนิ้วเรียวที่จับแน่นเหมือนตุ๊กแกออก แกะข้างนี้อีกข้างก็จับหมับใหม่อีกครั้ง “คุณเมย์ครับ ผม...เฮ้ย!” เขาร้องเสียงหลง ร่างหนาเสียหลัก ล้มทับช่วงบนของหญิงสาว เมื่อเธอใช้แรงที่เหลือโอบรอบคอของเขาเอาไว้

แรงที่มากพอทำให้วิรุจที่ไม่ทันได้ตั้งตัวล้มทับอย่างหมดท่า หลับตาปี๋ด้วยความหวาดเสียว ชิดแนบชิด เนื้อเบียดเสียด ใจเต้นแรง เลือดลมในกายแตกพล่าน เม็ดเหงื่อเริ่มแตกซึม อาการนี้ เขาไม่เคยเป็นมาก่อน และไม่คิดจะล่วงเกินคนเมา แต่คนเมากำลังจะปล้ำเขาเสียเอง...