ตอนที่ 5 เอาเปรียบ
ร่างสูงเดินเซไปเซมาเข้ามาในห้องนอนของตัวเองที่ในตอนนี้ไม่ได้มีแค่เขาอาศัยอยู่ที่นี่ตามลำพังอีกแล้ว พอเห็นร่างเล็กนอนอยู่บนเตียงชายหนุ่มก็แสยะยิ้มขึ้นมาเพราะภาพเมื่อคืนที่เขาได้ร่วมรักกับเธอผุดขึ้นมาในหัว เพียงแค่คิดร่างกายของวชิรวิทย์ก็เหมือนจะต้องการบางสิ่งบางอย่าง
เขาไม่จำเป็นต้องสนใจผู้หญิงคนนี้ว่าจะรู้สึกยังไงกับการกระทำของเขา ในเมื่ออยากเป็นเมียเขาเองก็ต้องยอมรับทุกอย่างให้ได้ วชิรวิทย์ปลดเสื้อเชิ้ตและเข็มขัดของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานเขาก็ไร้อาภรณ์ใด ๆ ห่มกาย ชายหนุ่มขึ้นไปบนเตียงก่อนจะกระชากร่างเล็กที่แสร้งหลับให้นอนหงาย
การกระทำของเขาทำให้แพรไหมตกใจสุดขีด พอเธอลืมตาขึ้นมาเห็นว่าในตอนนี้ชายหนุ่มไม่ได้สวมใส่อะไรเลยก็แทบร้องกรี๊ดออกมา แต่มือหนาของเขาตะปบปิดปากเธอเอาไว้ได้ก่อน
“จะแหกปากหาอะไร ผัวแค่จะเอาแค่นี้ เก็บเสียงไว้ร้องครางดีกว่า” วชิรวิทย์ยกมือออกจากริมฝีปากอวบอิ่มของแพรไหม
“อย่านะคะ คุณจะทำแบบนี้กับแพรไม่ได้นะ” พอปากเป็นอิสระเธอก็ร้องห้ามอีกฝ่ายทันที เมื่อคืนก่อนเขาก็เพิ่งทำจนเธอยังไม่หายเจ็บเลย มาวันนี้เขายังคิดจะทำกับเธออีกงั้นเหรอ ผู้ชายคนนี้เห็นเธอเป็นอะไรกัน คิดว่าเธอไม่มีความรู้สึกงั้นเหรอ
“ทำไมจะทำไม่ได้ เธอเป็นของฉัน ในเมื่อหน้าด้านจะอยู่ตรงนี้ก็ต้องยอมรับให้ได้สิว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง”
“ทำไมคุณใจร้ายกับแพรขนาดนี้คะ เมตตาแพรบ้างไม่ได้เหรอ”
“ไม่ มี ทาง!” วชิรวิทย์เน้นย้ำทีละคำ
แววตาของเขาดุดันจนทำให้แพรไหมสั่นไหวไม่น้อย ตอนนี้เขาแตกต่างจากผู้ชายที่เคยช่วยชีวิตเธอในตอนนั้นราวกับเป็นคนละคน คำพูดที่แสนอบอุ่นและอ้อมกอดที่ปลอบใจเธอหายไปหมดแล้ว
ชายหนุ่มไม่สนใจว่าในตอนนี้หญิงสาวใต้ร่างของเขาจะร้องไห้ออกมามากขนาดไหน สิ่งที่เขาต้องการคือการทำให้ผู้หญิงคนนี้เจ็บปวดอยู่แล้ว ถ้าเธอยังไม่เซ็นใบหย่าเขาก็จะสั่งสอนให้เธอสำนึก
เขาเอื้อมมือมากระชากชุดนอนบางเบาของร่างเล็กอย่างแรงจนขาดเป็นชิ้น ๆ เศษผ้าบาดผิวขาวอมชมพูจนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรกับเธอ เธอก็แทบจะสู้อีกฝ่ายไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นแพรไหมจึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม ไม่ใช่ว่าเธออยากยอมเขาง่าย ๆ แต่พอเธอขัดขืนเขาก็ยิ่งใช้แรงกับเธอมากขึ้น
“หึ!” วชิรวิทย์หัวเราะในลำคอออกมาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวใต้ร่างไม่ได้สู้เขาอีกแล้ว นั่นจึงทำให้ชายหนุ่มไม่รอช้า ร่างหนาแทรกตัวเข้าไประหว่างเรียวขาเล็กทั้งสองข้าง ก่อนจะจับแก่นกายถูไถไปมาตรงจุดกระสันของเธอ
“อ๊ะ” เสียงหวานหลุดครางออกมา ดูเหมือนว่าการกระทำของเขาจะทำให้ร่างกายของแพรไหมกระสับกระส่ายขึ้นมาไม่น้อย เธอพ่ายแพ้ให้แก่ธรรมชาติอย่างน่าอับอาย เพียงแค่นี้เธอก็แพ้ให้กับเขาจนหมดสิ้น
เมื่อท่อนลำค่อย ๆ ถูกสอดใส่เข้ามาในตัวของเธอ ใบหน้าสวยก็เหยเกออกมาเพราะรู้สึกยังไม่หายเจ็บกับช่องทางรักที่ถูกใช้งานอย่างหนักหน่วงไปเมื่อคืน ตอนนี้เขายังจะมาตักตวงความสุขจากเธออีกครั้ง แพรไหมกัดริมฝีปากแน่นเมื่อตัวตนของเขาเข้ามาอยู่ในร่างกายของเธอจนมิด
วิชรวิทย์ไม่ปล่อยให้เธอได้ปรับตัว เขาขยับเข้าออกด้วยจังหวะรัวเร็วทันที เสียงเอวสอบตอบอัดความเป็นชายเข้าออกอย่างหนักหน่วงดังสะท้อนไปทั่วห้อง ยิ่งนึกถึงสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำไว้ก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มอยากจะระบายอารมณ์กับเธอมากขึ้น ถ้าไม่มีเธอเข้ามาแทรกชีวิตเขาคงจะมีความสุขกับเจ้าสาวตัวจริงไปแล้ว
แพรไหมเริ่มรับแรงกระแทกของอีกฝ่ายไม่ไหว ถึงแม้ร่างกายเธอจะมีความเสียวซ่านขึ้นมาแต่ก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่ดี ยิ่งอีกฝ่ายเน้นจังหวะแรงและหนักหน่วงอย่างนี้เธอก็แทบจะรับไม่ไหว แขนทั้งสองของหญิงสาวขยับไปดันเอวสอบเอาไว้เพราะต้องการให้เขาผ่อนแรงลง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยอะไร แถมเขายังเอื้อมมือมากระชากแขนของเธอออกไป ไม่ให้มาดันหน้าท้องของเขาอีกต่างหาก
“เจ็บ ได้โปรด คุณวัฒน์ แพรเจ็บค่ะ” แพรไหมใช้มือจิกผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อไม่ให้ตัวไถลไปชนหัวเตียง
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรกลับไปและยังไม่เบาแรงอีกด้วย เขาเผยสีหน้าพอใจออกมาเมื่อร่างกายของเธอรองรับอารมณ์ดิบเถื่อนเขาได้ดีกว่าที่คิด ยิ่งช่องทางรักคับแน่นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เขาพอใจจนแก่นกายของเขาแทบจะทนไม่ไหว
“อ๊ะ ฮึก หยุดสักที แพรก็คนนะ หยุดทำแบบนี้สักที!” เธอกรีดร้องด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเมื่อทนรับความเจ็บปวดไม่ไหว เขากระแทกกระทั้นรุนแรงจนเธอรู้สึกจุกไปหมด น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมาไม่ขาดสาย
ร่างกำยำกระแทกเร็วและแรงขึ้นเมื่อใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง ไม่นานชายหนุ่มก็กระตุกถี่ยิบก่อนจะปลดปล่อยน้ำรักออกมาจนหมดอย่างลืมตัว พอได้สติก็เอาออกไม่ทันแล้ว
“ไปกินยาด้วย อย่าได้เอาเด็กมาผูกมัดฉันเด็ดขาด” วชิรวิทย์พูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจก่อนจะลุกออกไปจากร่างเล็กที่ยังสั่นสะท้านอยู่บนเตียงกว้าง
แพรไหมขาสั่นไปหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เธอมองตามแผ่นหลังกว้างของร่างสูงที่เดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่คิดจะสนใจไยดีอะไรเธอเลยด้วยความเจ็บปวด เธอยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้น
หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันเมื่อหันไปเห็นเสื้อผ้าที่ถูกอีกฝ่ายกระชากจนขาดวิ่น ความรู้สึกของเธอก็ไม่ต่างอะไรจากเศษผ้าเหล่านี้ หัวใจเธอแตกสลายไปหมดแล้ว ความรักของเธอช่างดูไร้ค่าจนเขามองไม่เห็นมันเลยสักนิด เขาเอาเปรียบร่างกายเธอและทำเหมือนเธอไม่มีความรู้สึก เธอไม่เคยรู้เลยว่าวชิรวิทย์จะใจร้ายมากขนาดนี้
แพรไหมพยุงร่างกายอันบอบช้ำไปสวมเสื้อผ้าตัวใหม่ เธอเหนื่อยจนแทบไม่อยากทำอะไรแล้ว หลังจากใส่เสื้อผ้าเสร็จเธอก็เดินมายังเตียงนอน พอเห็นคราบน้ำรักที่เปรอะเปื้อนอยู่ก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกเจ็บปวดในใจของหญิงสาวมากขึ้น เธอจัดการกระชากผ้าปูที่นอนออกก่อนใช้ผ้าห่มมาปูไว้แทน คืนนี้เธอขอนอนพักก่อนไว้พรุ่งนี้ค่อยไปหาผ้าปูมาเปลี่ยนใหม่ ร่างบางล้มตัวนอนบนเตียงเพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไป
วชิรวิทย์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำก็ยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นร่างเล็กนอนหลับไปแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกสงสารอะไรผู้หญิงคนนี้เลยสักนิด หนำซ้ำยังรู้สึกสะใจที่ได้เห็นว่าเธอเจ็บปวด
เช้าของวันใหม่
วชิรวิทย์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี แต่เมื่อหันไปไม่เห็นร่างเล็กนอนอยู่ข้าง ๆ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยที่วันนี้แพรไหมตื่นแต่เช้า แต่แล้วเสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ทำให้เขาหันไปมอง สายตาของทั้งคู่ประสานกันอยู่ชั่วครู่ก่อนที่แพรไหมจะเดินหายไปยังห้องแต่งตัว
วันนี้เธอต้องเข้าบริษัทของครอบครัวจึงต้องตื่นแต่เช้า เพราะผลการกระทำของชายหนุ่มเมื่อคืนจึงทำให้แพรไหมต้องมานั่งแต่งหน้าปกปิดรอยช้ำเอาไว้ นึกแล้วก็ตกใจที่วชิรวิทย์หื่นได้ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนหนักหนาถึงได้ทำเรื่องแบบนี้กับเธอถึงสองวันติด
ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่เขาเองก็เข้าไปอาบน้ำอาบท่าเพื่อเตรียมตัวจะไปทำงานเหมือนกัน บอกตามตรงว่าพอเห็นร่างเล็กในชุดเดรสสีหวานก็ทำให้ชายหนุ่มอดที่จะจ้องเธอไม่ได้ ในบางครั้งเขาก็รู้สึกราวกับว่าเคยเจอผู้หญิงคนนี้ที่ไหนมาก่อน แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก พอรู้ตัวว่าไม่ควรจะมาสนใจอะไรผู้หญิงคนนี้ วชิรวิทย์ก็รีบละสายตาออกจากเธอทันที
ทั้งสองเดินไปยังห้องอาหารเมื่อแต่งตัวเสร็จ บรรยากาศในการรับประทานอาหารเช้าของวันนี้อึดอัดพอสมควร แพรไหมและวชิรวิทย์ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ท่าทางของหนุ่มสาวทั้งสองทำให้ผู้เป็นย่าจับสังเกตได้ แต่หญิงชราก็ไม่ได้ว่าอะไร
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของใครของมัน วชิรวิทย์เข้าบริษัทของตัวเอง ส่วนแพรไหมก็ไปช่วยพ่อทำงานที่บริษัท ไม่มีใครพูดคุยอะไรกันก่อนแยกย้าย ดูยังไงก็ไม่เหมือนคู่สามีภรรยากันเลยสักนิด พอหญิงชราเห็นอย่างนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้ทั้งสองคนแต่งงานกัน เธอทำได้เพียงภาวนาให้หลานชายเปิดใจให้กับแพรไหมบ้าง เพราะไม่ต้องการให้เขาไปคว้าผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาทำเมีย ยิ่งเป็นผู้หญิงอย่างแฟนเก่าของเขาด้วยแล้วเธอยิ่งไม่สามารถยอมรับได้
