บทที่ ๑๐
แต่ทำไมภาคินถึงกลับไปสนิทสนมกับเธออีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาบอกอย่างหนักแน่นว่าจะไม่มีทางกลับไปคบกับเธออีก วาทิตายังคงจำได้แม่นที่เขาบอกกับเธอก่อนที่ทั้งคู่จะแต่งงานกัน
“พี่ภีมคะวาขอถามอะไรหน่อยสิคะ”
“ว่ามาสิจ๊ะ คนสวย” ภาคิน ยิ้มเก๋ให้สาวน้อยหน้าเก๋
“คือว่า...”
“คือว่าอะไรจ๊ะ” ภาคิน รีบถามอย่างใคร่รู้เมื่อเห็นแฟนสาวเงียบไป
“คือ... วาอยากรู้ว่าถ้าพี่วินนี่กลับมาขอคืนดีกับพี่ภีม พี่ภีมจะว่ายังไงคะพีภีมจะทิ้งวาและกลับไปคบกับพี่วินนี่หรือเปล่าคะ”
วาทิตา นั่งก้มหน้าอย่างรอคำตอบ ไม่กล้าสบตาเขาเพราะกลัวว่าจะได้ยินคำตอบที่เธอไม่อยากได้ยิน
“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะจ๊ะ” ภาคิน จ้องหน้าหญิงสาวอย่างค้นหา
“ก็วาอยากรู้นี่คะ และอีกอย่างพี่วินนี่ก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่พี่ภีมรักมากไม่ใช่หรือคะ”
ภาคิน ได้ยินเช่นนั้นเขาดึงร่างแฟนสาวมากอดไว้อย่างหวงแหน ก่อนกระซิบข้างหูเพื่อให้เธอได้ยินในสิ่งที่เขาจะพูดอย่างชัดเจน
“น้องวาจำไว้นะครับว่า ณ เวลานี้ ตอนนี้ หัวใจพี่มีแต่น้องวาเพียงคนเดียวเท่านั้น หัวใจดวงนี้ของพี่ไม่มีที่ว่างไว้สำหรับใครอีกแล้วพี่รักน้องวาคนเดียวและไม่มีทางรักใครได้อีก”
คนในอ้อมกอดเงยหน้ามองเจ้าของเสียง ส่งยิ้มหวานให้เธอรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ยินคำสารภาพรักจากเขาเช่นนี้
“พี่ไม่มีทางจะกลับไปคบกับวินนี่อีก ต่อให้เธอมาคุกเข่าต่อหน้าพี่ก็ตาม ถึงแม้พี่จะรักมากแค่ไหนแต่นั่นมันคืออดีต มันเป็นอดีตไปแล้ววินนี่ คืออดีตที่ไม่มีทางจะย้อนกลับมาได้ ส่วนน้องวาคือปัจจุบันและอนาคตของพี่ ฉะนั้นปัจจุบันและอนาคตคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพี่ ถ้าพี่ไม่มีปัจจุบันหรืออนาคตพี่คงอยู่ต่อไปไม่ได้ น้องวาเชื่อใจพี่นะครับ”
ภาคินบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอีกครั้ง ก่อนก้มหน้าลงมาหอมเข้าแก้มนวลฟอดใหญ่อย่างไม่ให้หญิงสาวได้ทันตั้งตัว
“ค่ะวาเชื่อใจพี่ภีมค่ะ”
ทุกคำพูด ทุกถ้อยคำยังคงอยู่ในความทรงจำเธอ และสิ่งที่เขาตอบแทน ความรัก ความเชื่อมั่น และความไว้วางใจ ที่เธอมอบให้กับเขาได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
“ผมว่าเราออกไปหาอะไรทานข้างนอกกันดีกว่าวินนี่” เสียงภาคินดังขึ้นเป็นการเรียกให้คนยื่นนิ่งคิดถึงความทรงจำเดิมนั้นหลุดออกจากภวังค์ได้ทันที
“จะดีหรือคะ คุณเพิ่งจะกลับมานะคะภีม อีกอย่างเราเพิ่งแยกกันไม่กี่ชั่วโมงเอง” วินนี่ปลายตามองหน้าเจ้าของบ้านสาวอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรหรอกครับผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณอีกตั้งหลายเรื่อง วาทิตาเขาไม่ว่าอะไรหรอก”
ภาคินยังคงส่งสายตา กรุ้มกริ่ม ให้กับรางบางที่เขาโอบรอบเอวไว้ก่อนปลายตามองใบหน้านวลที่เวลานี้แววตาฉายชัดว่าผิดหวังในตัวเขามากๆ
“อือ... ถ้าอย่างนั้นพี่ขอยืมตัวสามีน้องวาไปควงอีกสักวันคงไม่ว่ากันนะคะ”
วินนี่ทำทีหันมาขออนุญาต อย่างเกรงใจ ทว่ารอยยิ้มที่เจ้าหล่อนส่งให้นั้นมันไม่ได้มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย
“ป้าอิ่ม เย็นนี้ไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อผมนะครับผมคงจะกินข้าวเย็นกับวินนี่เลย และคงจะกลับมาดึกๆ หรืออาจจะไม่กลับ”
ร่างใหญ่บอกนางอิ่ม เมื่อชำเลืองเห็นนางอิ่มที่ยืนแอบอยู่มุมห้อง พูดจบทั้งคู่ก็พากันเดินควงคู่กันขึ้นรถสปอร์ตสีดำคันงามออกไปโดยทิ้งรถยุโรปสีแดงสดของวินนี่ไว้ที่นี่
ร่างเล็กค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างคนหมดแรง น้ำตาไหลรินเป็นทางอาบสองแก้ม ร่างสั่นไหวด้วยแรงสะอื้นไห้ นางอิ่มเห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้ามาคว้าร่างบางของนายสาวเข้ามาโอบกอดไว้อย่างทะนุถนอมพร้อมทั้งปลอบประโลม
“โธ่... คุณวาของป้าร้องไห้เสียให้พอนะคะ ปล่อยมันออกมาให้หมดค่ะ อย่างเก็บเอาไว้อีกร้องมาเถอะค่ะป้าไม่ห้ามคุณวาอีกแล้ว ร้องมาให้พอค่ะคนดีของป้า”
วาทิตายิ่งสะอื้นไห้หนักขึ้นอีก หลังจากได้ยินคำปลอบประโลมของหญิงสูงวัย
“ป้าว่าคุณวากลับไปอยู่บ้านสวนสักพักดีไหมคะ จะได้สบายใจขึ้น”
นางอิ่มแนะนำอันที่จริงนางไม่อยากให้นายสาวต้องหนีปัญหาโดยการหลบหน้าไปอยู่ที่อื่น แต่ดูเหมือนถ้ายิ่งอยู่ก็พลัน แต่จะยิ่งเจ็บช้ำอยู่แบบนี้
“ไม่เป็นไรค่ะ ป้าอิ่มแค่นี้วาทนได้ค่ะอีกอย่างพี่ภีมไม่มีทางปล่อยวาไปหรอกค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าไปมาน้อยๆ ปฏิเสธของเสนอแนะของนางอิ่ม
“เฮ้อ... ป้าล่ะสงสารคุณวาจริงๆ ทำไมมันต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วยก็ไม่รู้” นางอิ่มยังคงกอดร่างบางไว้อยู่ พร้อมทั้งลูบหลัง ลูบไหล่อย่างปลอบขวัญ
นี่มันเรื่องอะไรกันนายสาวของนางทำผิดอะไรนักหนากันหรือ ทำไมคุณภีมถึงได้ทำร้ายจิตใจเธอได้ขนาดนี้ ทำไมคุณภีมไม่ให้โอกาสเธอ และใครกันช่างใจร้ายใจดำ จงเกลียดจงชังอะไรนักหนา ถึงต้องส่งจดหมายอะไรก็ไม่รู้มาให้ นางอิ่มได้แต่คิดหาคำตอบต่างๆ นานาภายในใจ
ถึงแม้นางอิ่ม จะไม่ทราบข้อความในจดหมายว่าเขียนอะไรไว้บ้างแต่นางมั่นใจว่า ข้อความนั้นต้องเป็นเรื่องไม่ดีและค่อนข้างหนักหนาพอดู ไม่เช่นนั้นภาคินชายหนุ่มอารมณ์ดี นิสัยอ่อนโยน ที่นางเลี้ยงดูมาแต่เล็กคงไม่โมโหโกรธา ทำร้ายจิตใจสตรีเพศได้ถึงเพียงนี้
