คืนที่ 5ของใช้
"มากันแล้วว่ะ"
ฉันได้ยินโชนพูดขึ้นพร้อมกับสะกิดบอกเพื่อนเมื่อเห็นเราสองคนเดินเข้ามา ฉันพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติกับสายตาของทุกคู่ซึ่งกำลังมองมา แต่แค่ชั่วครู่ ความตื่นเต้นดีใจของฉันก็เข้ามาแทนที เมื่อสายตาเพิ่งเห็นว่ามีคนมาเพิ่ม
“เดฟ” ฉันส่งยิ้มจนตาหยีให้คนมาใหม่ น้ำเสียงของฉันเจือไปด้วยความดีใจเมื่อเห็นว่าเป็นเขา
“ยูมิ” เขายิ้มหล่อกลับมา พระเจ้ามันกร้าวใจอยากบอกไม่ถูก ปกติคริสเตียนไม่ค่อยยิ้มสักเท่าไหร่ มาเจอเดวิดที่หน้าเหมือนกัน ยิ้มให้แบบนี้ชวนใจเต้นจังเลยแฮะ
ที่เรียกเขาสนิทสนมมากขนาดนี้ เพราะเราคุยกันบ่อยผ่านโซเชียล เขาช่วยแชร์และรีวิวนิยายของฉัน น่ารักมากเลย นั่นจึงไม่แปลกใช่ไหมถ้าฉันจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าเขา
“มาได้ยังไงคะนี่”
“อืม อยากมาเปิดหูเปิดตาน่ะ ก็เลยโทรหาไอ้พวกนี้แล้วตามมันมา”
“คิกๆ ดีใจจังที่ได้เจอ”
“เช่นกันครับ วันนี้เธอสวยมากเลยนะยูมิ”
“ฮ่าๆๆ เหมือนเรื่องนางทาสแปลงโฉมเลยหรือเปล่าคะ”
ฉันเอียงตัวไปกระซิบอ้างอิงถึงเรื่องนิยายตัวข้างหูเขา แล้วเขาก็หัวเราะอย่างน่ารักพลางกระซิบตอบมา
“คิกๆ ผมว่าเธอน่าจะสวยกว่านางเอกในเรื่องนั้นอีกนะครับ”
“พวกนายรู้จักกันได้ไง” เสียงเย็นชาของคริสเตียนที่เดินตามมาถามขึ้น หน้าเขาไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย พอหันมามองคู่แฝดอีกครั้ง...ช่างเทียบกันไม่ติดเลยสักนิด
“ไม่เกี่ยวกับมึงนี่” เดวิดทำสายตาเย็นชาใส่คริสเตียน
“ทำไมจะไม่เกี่ยว ยัยนี่เป็นของเล่นของกู”
อารมณ์ดีใจของฉันก่อนหน้าหายไปหมดแล้ว ตอนนี้มันเหลือแค่ความเจ็บอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าหัวใจของฉันกำลังบีบรัดตอนได้ยินแบบนั้นทำไมกันนะ
“ตอนนี้กูยังไม่เบื่อ แต่ไม่เป็นไรนะเดวิด วันไหนกูเบื่อมึงก็มาแดกต่อได้”
“อย่ามั่นใจให้มากไอ้คริส มึงคิดว่าเธอจะยอมเป็นของเล่นให้มึงแบบนี้ตลอดไปหรอ”
“ก็ไม่รู้สิ พวกกูก็พึ่งไปเอากันมา ยัยนี่ติดใจกูจะตาย ไม่งั้นจะครางแต่ชื่อกูเหรอ”
ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าเริ่มโมโหขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล มือกำเข้าหากันจนมันสั่นไปหมด ทั้งขอบตาก็ยังเริ่มร้อนอีกต่างหาก
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาจะพูดเพื่อข่มเดวิดหรืออะไรก็ช่าง แต่เขาไม่ควรพูดกับฉันแบบนี้ป่ะ เหมือนฉันเป็นของใช้เลย คิดถึงตรงนี้น้ำตาฉันไหลออกมาเสียแล้ว จนทุกคนเหวอกันหมด
“ยูมิ ไม่ร้องนะมึง” ปรางเรียกฉัน ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ในขณะที่โชนก็ออกตัวร้องห้าม
“เฮ้ยไอ้คริสมึงพูดแรงไปป่ะวะ” ฉันเช็ดน้ำตาแล้วเดินออกไปไม่พูดไม่จาอะไรกับใครทั้งนั้น ความรู้สึกตอนนี้คือมีคนเดินตามฉันมา แล้วดึงแขนฉันให้หันไปหาตัว
"เดวิด"
เขาไม่ได้ตอบอะไรออกมาแต่ดึงฉันไปกับเขา ทั้งยังเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก เพื่อหนีคริสเตียนที่เดินตามมาติดๆ เขาดันตัวฉันลงไปในรถพอชสำดำแล้วขับออกมาเลย โดยมีฉันนั่งร้องไห้ไม่หยุดจนในที่สุดความสงสัยของเขามันคงอัดแน่นจนต้องเอ่ยถาม
“นี่ เรื่องมันเป็นไงมาไงเหรอ ทำไมถึงไปลงเอยกับคนแบบนั้นได้ล่ะ”
น้ำเสียงของเขายังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม ทำให้ฉันซึ่งต้องการระบายความเสียใจนี้ให้มันออกไป จึงตัดสินใจเล่าให้เขาฟังจนหมดเปลือก
[Talk คริสเตียน]
"ไอ้เชี่ยเดวิด มึงมาฉกผู้หญิงของกูต่อหน้าเลยงั้นเหรอ"
ผมสบถอย่างหัวเสียแล้วเดินออกมาจากร้านงี่เง่านั่น ขับรถออกมาด้วยความเร็วหวังจะระบายความโมโหให้มันเบาบางลง ในใจก็คิดว่า คนแบบไอ้เดฟ มันไม่ค่อยสนใจใครง่ายๆ วันๆ ทำงานอยู่แต่ที่บริษัท
แล้วพวกมันไปรู้จักกันได้ไงว่ะ ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด แล้วยัยนั่นก็ตามมันไปง่ายๆ เนี่ยนะ ใจง่ายฉิบหาย เอากับผมแล้วยังอยากจะเอากับพี่ชายผมอีกงั้นหรีอ ร่านชิบ!
"โอ๊ย โคตรหงุดหงิด แม่งเอ๊ย!"
ผมขับรถวนไปวนมา วนมาวนไปอยู่แบบนั้น โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดหมายคือที่ใดดี
[Talk เดวิด]
“งี้นี่เอง แต่งนิยายไม่ออกนี่เอง” ผมพยักหน้ารับรู้ถึงสถานการณ์จำเป็นของคนอย่างเธอ เมื่อฟังคำบอกเล่าจบ
“ใช่ค่ะ ตอนนั้นมันจวนตัวมาก ฉันไม่ได้อัปนิยายนานแล้ว” เธอบอกด้วยสีหน้าลำบากใจนิดหน่อย
“ว่าแต่เธอ เก่งชะมัด สามารถแต่งนิยายร้อนแรงขนาดนั้นได้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์สักครั้งเลยเนี่ยนะ”
“โถ่เดฟ อย่าล้อฉันสิคะ ฉันไม่เคยบอกใครเลยนะคะนอกจากมะปราง คริสเตียนยังไม่รู้เลยค่ะว่าทำไมฉันถึงต้องขอร้องเขาแบบนั้น” สีหน้าเจ็บปวดขึ้นทันทีเมื่อพูดถึงไอ้น้องชายตัวดีของผม
“เออ อย่างไอ่เวรนั่นก็คงคิดหลงตัวเองว่าที่เธอขอร้องเพราะมัน หล่อ รวย ลีลาดี”
“ช่างเขาเถอะค่ะ ฉันไม่คิดจะเจอเขาอีกแล้ว จริงๆ ก็ไม่ได้คิดว่าจะเจอเขาด้วยซ้ำคืนนี้ แต่เหมือนมะปรางจะโดนบังคับมาอีกทีให้โทรตามฉันออกมา ปกติฉันไม่ออกมาที่แบบนี้หรอกค่ะ”
เธอหยุดร้องไห้แล้วหลังจากได้ระบายอะไรต่อมิอะไรออกมาและเธอก็คุยกับผมได้เป็นธรรมชาติมากกว่าตอนเจอกันครั้งแรก น่ารักจัง
“ก็พอรู้อยู่ แต่งเป็นร้อยเรื่องแบบนั้นคงใช้ชีวิต เหมือนสิงอยู่หน้าคอม”
“จะบอกให้ว่าบางทีฉันไม่อาบน้ำติดกันถึงสามวันค่ะ ถ้างานเร่งๆ ฮ่าๆ”
“อี๋ สกปรกจัง”
“ใช่ม่ะ เพื่อนร่วมห้องฉันคือปีเตอร์ค่ะ แมลงสาบตัวร้าย”
“อี๋ สุดจัดอะไรจัด”
“ใช่มั้ยๆ วันนั้นที่คุณเจอฉันครั้งแรก ฉันใส่เสื้อที่แมลงสาบแทะคอเสื้อไปด้วยค่ะ”
“แล้วมาพูดเหมือนเป็นเรื่องน่าภูมิใจเนี่ยนะ ฮ่าๆๆ เธอนี่มันโคตรตลก”
“ฉันไม่เคยบอกใครเลยนะคะเนี่ย ถือว่าคุณเป็นแฟนคลับ No.1 ได้เลยค่ะ คิกๆ”
“ฮ่าๆๆๆ”
เธอทำให้ผมยิ้มตามไม่หยุด ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจดีแฮะ
[Talk ยูมิ]
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ ไว้คุยกันคะเดฟ” เดวิดวนกลับมาส่งฉันที่ลานจอดรถหน้าผับเพื่อกลับมาเอารถของตัวเอง
“แน่ใจนะว่าขับกลับเองได้” สีหน้าเขาฉายแววเป็นห่วงจนคนมองอย่างฉันรู้สึกได้
“ไม่ต้องห่วงค่ะสบายมาก” ฉันยิ้มให้เขา แล้วโบกมือลาทันที ไม่อยากให้หมอนี่ต้องเป็นห่วง
สองขาเรียวเดินจ้ำอ้าวมาที่รถของตัวเองแล้วกดรีโมตเพื่อจะเปิดประตู ทันใดนั้นความรู้สึกเหมือนมีมือใหญ่มาฉุดกระชากแขนฉันก็เกิดขึ้นในบัดดล
“คริสเตียน!” ฉันเลิกคิ้วมองไปยังผู้ชายร่างใหญ่ท่าทางเหมือนกินรังแตนมาจากไหน
“เออ กูเอง ไปไหนกับมันมา” นั่นไงคำพูดคำจาต่างกันยิ่งกว่าเทวดากับซาตานอีก เหอะ! แต่ฉันไม่สนแล้วล่ะ
“มันเรื่องของฉันค่ะ”
“อย่ามาทำฉันโมโหนะยูมิ” เขายังคงบีบแขนฉันแรงๆ จนฉันเริ่มรำคาญ
“แล้วฉันไปทำอะไรให้คุณโมโหละคะ”
“แล้วไปไหนกับมันมา ไปเอากันมารึไง!” เขายังระรานไม่หยุดเขาต้องการอะไรกับคนแบบฉันอีกกันแน่
“แล้วมันยังไงคะ ฉันจะไปเอากับเขามาแล้วคุณจะทำไม คุณไม่ใช่เจ้าของฉันคริสเตียน ฉันจะไปเอากับใครมันก็เรื่องของฉัน อย่ามาทำเหมือนฉันเป็นของใช้ของคุณ”
น้ำตาของฉันไหลอาบแก้มกับท่าทีของเขา น้ำเสียงโกรธเจือด้วยเสียงสะอื้นไห้ถามออกไปเมื่อคิดได้ว่าเขากำลังหวงของเล่นอยู่ เขาไม่ตอบอะไรออกมา แต่กลับกระชากแขนฉันแรงขึ้น แล้วลากไปยังรถของตัวเองจนแขนฉันแดงไปหมด
“จะพาไปไหน”
“ไปคอนโดฉัน ฉันจะสั่งสอนเธอให้จำให้ได้ยูมิ ว่าเธอมันเป็นของใคร!”
