บท
ตั้งค่า

ตอนที่9 ร่วมทุกข์1

ภายใต้ร่มไม้ร่มรื่นของป่าใหญ่หนาทึบ จ้าวจิ่นหลงเพียงบังคับม้าให้เดินเท้าอยู่เพียงเบาๆ มิได้เร่งรีบเหมือนดั่งเช่นในคราแรก

เนื่องจากว่าในยามนี้ มีสตรีผู้หนึ่งผู้ซึ่งนั่งอยู่ภายในอ้อมแขนของเขาบนหลังม้าตัวเดียวกันนี้ นางกำลังนั่งสัปหงกคอพับคออ่อนอยู่ตรงแผงอกของเขา

นางคงใช้เรี่ยวแรงในการวิ่งหนีเขาเมื่อก่อนหน้านี้มากจนเกินไป หนีแล้วหนีอีกอยู่นั่น วิ่งไปทั่วหมู่บ้านอยู่อย่างนั้น มิรู้ได้ว่าจะหนีทำไมกันนักกันหนา หนีอยู่ได้ น่าขย้ำนัก!

จ้าวจิ่นหลงนึกเข่นเขี้ยวอยู่อย่างนั้น

ชายหนุ่มเพียงก้มหน้ามองเฉินเจียวเหมยที่กำลังนั่งหลับอยู่ตรงด้านหน้าของเขาในยามนี้ เขาจึงเอื้อมมือที่จับกุมเอวของนางขึ้นมาแล้วจับเอาศีรษะของนางกดเอาไว้ให้แนบกับแผงอกของเขา ให้นางได้หลับสบายอยู่ตรงแผงอกของเขา

เขาเกรงว่านางจะสัปหงกจนตกม้าไป แล้วคอหักตายไปเสียก่อนที่จะได้เข้าพิธีแต่งงานกับเขา

มีสตรีมากมายที่ต้องการจะแต่งงานเป็นชายาของเขา

แต่ละนางหาเรื่องเข้ามาหาเขาในวังไม่เว้นในแต่ละวัน จนเขานึกรำคาญก็เลยแอบปลอมตัวออกท่องเที่ยวไปถ้วนทั่วแผ่นดินจนมาถึงแคว้นเฉินแห่งนี้

แต่นาง...

นางหนีเขา…

นางทำการอุกอาจเพื่อที่จะหนีเขา ได้อย่างไร?

นางยอมถูกถอดยศจากการเป็นองค์หญิงที่เป็นถึงพระขนิษฐาของฮ่องเต้แคว้นเฉิน

ได้อย่างไร?

เขายังได้รู้ข้อมูลจากลูกน้องของเขามาอีกว่า หลังจากที่นางถูกถอดยศแล้ว นางผันตัวเองมาเป็นหมอหญิงให้กับค่ายทหาร คอยดูแลทหารทั้งค่ายเมื่อยามที่ทหารเหล่านั้นเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยและบาดเจ็บจากศึกสงคราม

เมื่อบ้านเมืองสงบสุขเป็นที่เรียบร้อยดีแล้ว นางก็ยังคงยืนหยัดเป็นหมอหญิงประจำหมู่บ้านตามชายแดนทุรกันดารห่างไกลความเจริญ

ไยนางต้องทำถึงเพียงนี้ นางบ้าไปแล้วหรืออย่างไร

เป็นสตรีควรจะอยู่ในห้องหอใช่หรือไม่ ไยถึงไม่ถนอมตัวเองเอาไว้ ถ้าหากเกิดว่านางเป็นอันใดไปก่อนที่เขาจะมาพบ

จะทำอย่างไร น่าชังนัก!

จ้าวจิ่นหลงยิ่งคิดยิ่งขัดเคืองใจขึ้นมา กับสตรีตรงหน้านี้ นางทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเสียจริง เรื่องนี้น่าหงุดหงิดยิ่งนัก

นอกจากเรื่องนี้แล้วนางยังบังอาจมาวางยาปลุกกำหนัดเขา ฮึ! นางอยากได้เขาไยไม่บอกเขาดีๆ จะวางยาเพื่ออันใด!? มันใช่หรือไม่! เขาต้องมาพลาดท่าเสียทีเสียรู้กับนางอย่างนี้

มันน่าเจ็บใจยิ่งนัก ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น...

เฉินเจียวเหมยยังคงนั่งหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุขอยู่ภายใต้อ้อมอกอันอบอุ่นของใครบางคนอยู่อย่างนั้น โดยหารู้ไม่ว่าใครบางคนนั้นกำลังส่งสายตาเคียดแค้นปะปนกับสายตาบางอย่างอยู่ตลอดเวลา

นางมิได้พักผ่อนมาหลายชั่วยามแล้วเนื่องจากต้องเสียพลังงานไปกับกิจกรรมหรรษาด้วยฤทธิ์ของกำยาน ทั้งยังต้องวิ่งหนีใครบางคนจนรอบหมู่บ้าน นางจึงสามารถหลับใหลได้อย่างยาวนาน ถึงแม้จะเป็นในยามนี้

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่มิรู้ได้ เฉินเจียวเหมยจึงสลึมสลือลืมตาขึ้นมาเมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจจากปลายจมูกของใครบางคนกำลังเป่ารดใบหน้าของนางกับริมฝีปากอุ่นชื้นกำลังประกบเข้ามาที่พวงแก้มของนาง

“หืม...” หญิงสาวเพียงปรือตามองพร้อมส่งเสียงเบาๆ อยู่ในลำคอ “อืม...” ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งเมื่อริมฝีปากของใครบางคนนั้นแนบชิดเข้ามาที่ริมฝีปากของนาง

ภายใต้ต้นไม้ร่มรื่นแสงแดดอ่อนๆ สายลมบางเบา กำลังมีบุรุษผู้หนึ่งเพียงนั่งประคองกอดร่างระหงของสตรีนางหนึ่งให้นั่งแนบอกของเขาอยู่ตรงนั้น

เขาก้มหน้าลงจุมพิตนางอยู่อย่างนั้น ด้วยความเพลิดเพลินจำเริญใจหลังจากอุ้มนางลงมาจากหลังม้าแล้วอุ้มนาง พานางมากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่กับแผงอกของเขาที่ตรงนี้

เขาหอมแก้มนางไปหลายทีแล้วตามด้วยจูบนางอย่างย่ามใจ

จ้าวจิ่นหลงยังคงกระทำการอย่างเอาแต่ใจอยู่กับริมฝีปากของเฉินเจียวเหมยอยู่อย่างนั้น

เนิ่นนาน...

ทันใดนั้นเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น

จ้าวจิ่นหลงพลันได้สติรีบถอนริมฝีปากของเขาออกจากริมฝีปากอันหอมหวานของสตรีในอ้อมกอดอย่างทันที

เสียงนั้นยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวของเขากับเฉินเจียวเหมย

จ้าวจิ่นหลงหรี่ตาลงพร้อมหูฟัง

เสียงนั้นเป็นเสียงของอาวุธกระทบกันดังเคร้งคร้าง

มันเป็นเสียงของการต่อสู้อย่างไม่ต้องสงสัย

จ้าวจิ่นหลงแน่ใจว่าคงเป็นการต่อสู้ระหว่างลูกน้องของเขาที่คอยติดตามคุ้มกันเขาอยู่ห่างๆ กับใครก็ตามที่บังอาจไล่ล่าเขาไม่เคยได้หยุดหย่อน

เขาเป็นองค์ชายที่มีตำแหน่งพ่วงท้ายเป็นรัชทายาทแน่นอนว่าย่อมมีเรื่องเช่นนี้ เขาไม่แปลกใจ

“อาเหมย...” จ้าวจิ่นหลงตัดสินใจปลุกสตรีในอ้อมกอดให้ตื่นขึ้นมาหลังจากที่นางกำลังเคลิบเคลิ้มอยู่ภายในอ้อมอกของเขา

“หืม...” เฉินเจียวเหมยจึงงัวเงียตื่นขึ้นมาจากนิทรารมย์ฝันหวานที่นางไม่รู้เลยว่ามันมิใช่แค่เพียงความฝัน

“ตื่นขึ้นมาก่อน ยามนี้อันตราย” จ้าวจิ่นหลงยังเอ่ยคำไม่ทันจบ รอบด้านของเขาพลันปรากฏเงาร่างของชายชุดดำหลายคนกำลังคืบคลานพรางตัววูบไหวใกล้เข้ามา

“อันใด” เฉินเจียวเหมยพลันได้สติตื่นเต็มตาด้วยสัญชาตญาณ

จ้าวจิ่นหลงไม่เสียเวลาอธิบาย เขารีบจับยกร่างของเฉินเจียวเหมยขึ้นอุ้มแล้วนำนางไปวางเอาไว้บนหลังม้าในทันที

“เจ้าขี่ม้าเป็นหรือไม่ ขี่ม้าหนีไป ข้าจะอยู่ทางนี้เอง” ชายหนุ่มรีบเอ่ย

“ท่านขึ้นมา” เฉินเจียวเหมยตอบแค่นั้นพลางจับสาบเสื้อช่วงไหล่ของจ้าวจิ่นหลงแล้วย้ำ “ขึ้นมา!”

จ้าวจิ่นหลงจึงรีบขึ้นหลังม้าซ้อนกับร่างของเฉินเจียวเหมยในทันทีก่อนจะเอื้อมมือไปจับดาบที่อยู่ตรงข้างลำตัวของม้าแล้วดึงออกจากฝักอย่างไม่เสียเวลาคิดอันใดเนื่องจากชายชุดดำได้เข้ามาจนถึงตัวของพวกเขาแล้วในยามนี้

“ไป!” เสียงคำรามของจ้าวจิ่นหลงสั่งการเสียงดังออกมาพร้อมๆ กับเฉินเจียวเหมยบังคับม้าให้ออกวิ่ง ตามติดด้วยกลุ่มชุดดำยกดาบขึ้นฟาดฟันกับจ้าวจิ่นหลงในทันที

“กอดข้า” เสียงของเฉินเจียวเหมยสั่งการ

จ้าวจิ่นหลงไม่รอช้ารีบเอื้อมวงแขนกระชับเอวบางของนางอย่างเร็วในขณะที่อีกมือก็กำลังฟาดฟันกับชายชุดดำอย่างแม่นยำด้วยฝีมือสูงส่ง

เสียงดาบกระทบกันยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ชายชุดดำร่วงหล่นไปตามทางด้วยน้ำมือของจ้าวจิ่นหลง

เฉินเจียวเหมยบังคับม้าให้วิ่งกระโดดตัวลอยจนฝุ่นตลบก่อนจะบังคับม้าให้วิ่งไปทางพุ่มไม้หนาทึบหมายอำพรางตัว แล้วบังคับม้าให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาวกวนไปมาจนกลุ่มชายชุดดำที่ตามมาต้องกระโดดตามทิศทางอย่างนั้นจนพวกมันเสียหลักชนกันเองกระเด็น

ส่วนชายชุดดำที่เหลือยังคงตามติดแต่ทว่าก็ยังไม่พ้นคมดาบยาวยื่นของจ้าวจิ่นหลงแต่อย่างใด

ชายหนุ่มยังคงเงื้อคมดาบวาบวับสะบัดพริ้วได้อย่างว่องไวฟาดฟันลงไปใส่พวกกลุ่มชายชุดดำไม่มียั้ง ในขณะที่อีกมือหนึ่งเพียงรั้งร่างบางเอาไว้ตามคำของนาง

และเพียงไม่นาน

กลุ่มชายชุดดำพวกนั้นก็พ่ายแพ้ไปอย่างสวยงาม

“หมดแล้วหรือไม่” เฉินเจียวเหมยถามขึ้นเสียงดังขณะที่ยังคงบังคับม้าควบตะบึงไปตามทางรกครึ้มไร้เส้นสายปลายทาง

“หมดแล้ว หยุดม้าก่อน” จ้าวจิ่นหลงตอบกลับ

“มันหยุดไม่ได้”

“...”

เมื่อสิ้นเสียงเอ่ยคำ เสียงเกือกม้าที่วิ่งกระทบพื้นพลันเงียบงัน เหลือเพียงเสียงลมอื้ออึงผ่านใบหู

จ้าวจิ่นหลงและเฉินเจียวเหมยถึงกับหันหน้ามามองกันและกัน ก่อนที่ทั้งม้าและทั้งสองจะตัวลอยคล้ายกับกำลังบินได้กระนั้น

สายลมยังคงเข้าปะทะใบหน้า

เสียงลมยังคงดังอื้ออึงอยู่ตลอดเวลา

ในขณะที่ทั้งม้าและพวกเขากำลังลอยตัวพ้นขอบเขตของผืนแผ่นดิน

ก่อนจะรับรู้ได้แล้วว่า ใต้ร่างของพวกเขานั้น...

เป็นหน้าผา!

แย่แล้ว....

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel