๒ แม่บ้านชั่วคราว (๑)
๒
แม่บ้านชั่วคราว
ห้องกว้างที่อยู่เพียงคนเดียวทำให้นึกเหงาเหมือนกัน เธอตื่นเช้าเพื่อมาทำอาหารให้เจ้านายของตัวเอง แต่เขากลับไม่ยอมแตะอะไรสักอย่างเพราะต้องรีบออกไปทำงานให้ทันเวลาเข้างาน ไม่เช่นนั้นอาจจะโดนเฉ่งจากบุคคลเบื้องสูงเอาก็ได้
วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นจากที่เคยสวมเพียงเสื้อคอปกกับกางเกงยีนส์ก็ถูกกำชับให้ใส่สูทผูกไท เป็นชุดที่น่ารำคาญและแสนอึดอัดในความรู้สึกของเขา แต่ก็ต้องสวมเอาไว้ถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องทะเลาะกับท่านประธานบริษัทให้อารมณ์เสียอีก ไม่แน่ว่าอาจถูกมอบหมายงานที่ไม่ชอบให้ก็ได้ จึงจำต้องสวมชุดเป็นทางการเข้าประชุมเพื่อความสบายของตัวเองในอนาคต ทนสักสี่ห้าชั่วโมงคงไม่เป็นอะไรหรอก
เมื่อเจ้าของห้องไม่อยู่เธอก็ตัดสินใจสวมชุดเก่าของตัวเองเพื่อลงไปซื้อของจำเป็น นั่งรถไฟฟ้าที่อยู่ติดกับคอนโดมิเนียมไปลงยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ แน่นอนว่าจะต้องเป็นห้าง Center MP ซึ่งมีสาขากว่าสิบแห่งทั่วประเทศ ทั้งยังขยายไปยังต่างประเทศอีกต่างหาก
มาถึงก็เดินซื้อเสื้อผ้าที่ราคาจับต้องได้สองถึงสามตัว เน้นใช้ซ้ำเพราะอย่างไรตนก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนอยู่แล้ว เลือกของใช้จำเป็นแล้วก็ชุดชั้นในที่ขาดไม่ได้ กางเกงยีนส์และกางเกงผ้าลินินอีกสามตัว ไม่ลืมชุดนอนเช่นเดียวกัน ถือของเต็มสองมือจนล้าแขนไปหมด ก่อนคิดจะเดินไปเรียกแท็กซี่เพื่อกลับที่พัก
แต่ก็ต้องชะงักเพราะกลัวเปลืองค่าใช้จ่าย ถอนหายใจเหนื่อยล้าเมื่อคิดได้ว่าเงินสำคัญเพียงใด เธอจำต้องเดินกลับไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อกลับคอนโดมิเนียมสุดหรู ใช้เวลากว่าสามสิบนาทีกว่าจะเข้ามาในห้อง ล้มตัวลงนั่งบนโซฟาแล้ววางของทุกอย่างไว้บนพื้น
เหนื่อยจังเลย...
พักได้ไม่นานก็ต้องนำเสื้อผ้าของตัวเองไปซัก ระหว่างรอก็ทำความสะอาดห้องที่เรียบร้อยอยู่แล้วให้เงาวับมากกว่าเดิม แต่ก็เลือกทำเพียงข้างนอกไม่กล้าเข้าไปในห้องของเขา คิดว่าเย็นนี้คงต้องถามชายหนุ่มแล้วว่าสามารถเข้าห้องอีกฝ่ายเพื่อทำความสะอาดได้หรือเปล่า
บางทีเขาอาจต้องการความเป็นส่วนตัวก็ได้ เธอจึงไม่กล้าเข้าไปยุ่มย่าม กลัวจะทำให้ตัวเองตกงานทั้งที่เพิ่งได้รับการว่าจ้างให้เป็นแม่บ้าน
แค่คิดก็แย้มยิ้มมีความสุข คิดถึงความใจดีของชายหนุ่มที่กลบเรื่องร้ายได้จนหมด
เขาคือเจ้าชายขี่ม้าขาวตัวจริง เป็นผู้ชายที่ตามหามาตลอด...
คิดว่าจะไม่เจอแล้วเสียอีก
“กินข้าวหรือยัง” เสียงปลดล็อคประตูทำให้คนที่กำลังจัดการนำเสื้อผ้าของตัวเองออกจากถังอบแห้งต้องรีบละมือจากงานแล้ววิ่งมาหาเขาทันที ใบหน้าหวานแย้มยิ้มต้อนรับคนที่เพิ่งกลับมาถึงห้อง ดีใจจนปิดไม่มิดลืมดูเวลาว่าตอนนี้เพิ่งเที่ยงวัน
ร่างสูงถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่เคยมีคนมายืนต้อนรับตอนกลับบ้านพร้อมรอยยิ้มหวานเช่นนี้มาก่อน พลันอุ่นวาบบในใจแต่ยังคงทำหน้านิ่งเหมือนเดิม ก่อนถามคนที่ออกมาต้อนรับเสียงเรียบโดยที่เธอไม่ได้สังเกตสักนิดว่าแววตาของเขาเปลี่ยนครู่หนึ่ง
มันเป็นความอ่อนโยนที่ขนาดเจ้าตัวยังไม่รู้ตัวเลย...
“ยังค่ะ หนูออกไปซื้อเสื้อผ้าเพิ่งถึงห้องแล้วก็ทำความสะอาดห้องให้คุณคีนแล้วนะคะ แต่ว่าหนูไม่กล้าเข้าไปในห้องนอน...” เข้าเรื่องทันทีพร้อมกับเดินตามร่างสูงเข้ามาถึงส่วนกลางของห้อง ขนาดความสูงค่อนข้างต่างทำให้ต้องเงยหน้ามองเขา เพราะระดับสายตาของเธอแค่ช่วงอกของชายหนุ่มเท่านั้น
คนอะไรตัวสูงเสียเหลือเกิน ยืนคุยทีไรเป็นต้องเมื่อยคอเสียทุกที แต่เธอกลับชอบความสูงระดับนี้ ถ้าถูกเขากอดคงได้ยินเสียงหัวใจของชายหนุ่มชัดเจน
เผลอจินตนาการแม้ความจริงความสัมพันธ์ของเราจะยังพัฒนาไม่ถึงขั้นนั้นก็ตาม
“เข้าได้วันพุธกับเสาร์ ส่วนวันอื่นห้ามเข้า” บอกเด็ดขาดเพราะหวงพื้นที่ส่วนตัว จึงอนุญาตให้เข้าแค่วันที่ตัวเองอยู่ห้องซึ่งก็คือวันพุธกับเสาร์ที่เขาไม่ได้เข้าบริษัท ส่วนวันอาทิตย์ต้องออกไปทำกิจกรรมข้างนอกกับครอบครัว
ทั้งที่ไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำตามคำสั่ง เขาไม่เคยปฏิเสธบิดาได้เลย แค่ที่ดื้อเป็นหัวหน้าฝ่ายไอทีก็ถือว่าท่านเมตตามากพอแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงได้เป็นหนึ่งในกรรมการบริหาร ต้องสวมสูทไปนั่งตำแหน่งใหญ่โตที่แสนน่าเบื่อ
“เอากับข้าวไปจัดใส่จานแล้วมากินด้วยกันสิ” ยื่นถุงที่ถือมาให้หล่อน เจ้าตัวรับไปถือไว้แต่ยังไม่ยอมเดินเข้าครัวทำตามคำสั่ง เลือกจะถามเขาเสียงเบาท่าทีหวั่นเกรง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมให้นั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกัน
เขาเป็นนายจ้างส่วนเธอเป็นแค่ลูกจ้าง...
“จะดีเหรอคะ หนูเป็นแค่แม่บ้าน...” เขาจ้องเธอนิ่งเมื่อได้ยินหญิงสาวพูดเช่นนั้น
เพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้เธอนั่งรับประทานอาหารด้วย ไม่เคยอนุญาตให้แม่บ้านคนไหนร่วมโต๊ะกับตัวเองมาก่อน เพียงแค่รู้สึกว่าอยู่ร่วมห้องกันแล้วก็ไม่อยากกินข้าวคนเดียวแล้วปล่อยให้เธอหิวโซก็เท่านั้น
คงไม่มีความรู้สึกอื่นร่วมหรอก
คำว่ารักเขามอบให้ผู้หญิงอีกคนไปแล้ว เราจะรักสองคนพร้อมกันได้ยังไง...
“ฉันบอกอะไรก็ทำตามนั้น ไม่ต้องแสดงความคิดเห็น”
“ค่ะ” พยักหน้ารับคำแต่โดยดี
ดวงตาคมมองตามคนที่ทำตามคำสั่งด้วยการเดินเข้าครัวจัดอาหารใส่จาน ขณะที่เขาก็เข้าห้องของตัวเอง ถอดสูทปลดเนคไทแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเสื้อคอปกสีเข้มกับกางเกงยีนส์เข้ารูป รู้สึกสบายกว่าชุดเมื่อครู่เยอะเลย
“อาหารเสร็จแล้วค่ะ...” เปิดประตูออกมาก็พบแม่บ้านยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหารแล้วผายมือเป็นการเชื้อเชิญ เขาไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ มองอาหารที่ห่อมาจากโรงแรมชื่อดังแล้วลงมือรับประทานด้วยความหิว
ช่วงเที่ยงได้ร่วมรับประทานอาหารกับบรรดาหุ้นส่วนและผู้เข้าประชุม ไม่อยากฟังเรื่องธุรกิจน่าเบื่อจึงขอห่ออาหารกลับมากินที่คอนโดมิเนียม แม้ตอนแรกพี่ชายจะค้านก็ไม่อาจบังคับน้องผู้มุทะลุเอาแต่ใจตัวเองได้
