บท
ตั้งค่า

๑ ไม่รู้จักเธอแต่รู้จักฉัน (๑)

ไม่รู้จักเธอแต่รู้จักฉัน

กลางวันร้อนจนเหงื่อโทรมกายแต่พอตกกลางคืนลมพัดเย็นพร้อมกับท้องฟ้าที่ร้องเสียงดังบ่งบอกว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะมีฝนเม็ดใหญ่ตกลงมา สองเท้าก้าวไปตามตรอกซอยคับแคบยิ่งทำให้อารมณ์หงุดหงิดพุ่งสูงมากกว่าเดิม ไม่ค่อยได้มาสถานที่เช่นนี้สักเท่าไหร่เพราะไม่ชอบความแออัด แต่ที่ต้องมาก็เพราะลูกน้องตัวดีหายหน้าไปหลายวัน ทั้งยังติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้หัวหน้าอย่างเขาก็ต้องถ่อมาหาถึงที่พักอาศัย

บ้านหลายหลังเรียงติดกันไม่มีรั้วรอบขอบชิด แทบจะรวมเป็นบ้านหลังเดียวกันอยู่แล้ว เขารีบเดินเพื่อจะได้ไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านหน้าเพราะไม่สามารถขับเข้ามาภายในชุมชนแห่งนี้ได้ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อย ภาวนาอย่าให้ฝนตกลงมาตอนนี้จึงแหงนหน้ามองฟ้าก่อนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้องดังก้อง

ยิ่งต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วมากกว่าเดิม พยายามหลบหลีกคนที่เดินสวนทั้งที่ถนนก็คับแคบ ไหนจะมอเตอร์ไซค์ขับผ่านทำเอาเขาหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม ด่าลูกน้องไปยกใหญ่เรื่องการขาดงานเกือบสัปดาห์โดยเหตุผลคือไปง้อแฟน หัวหน้าถึงกับกุมขมับเพราะตอนแรกนึกว่าอีกฝ่ายประสบอุบัติเหตุเสียอีก ถ้ารู้ว่าสาเหตุการขาดงานคือไปง้อแฟนคงได้หยิบใบลาออกมายื่นให้อีกฝ่ายเขียนแล้ว

จังหวะที่กำลังเดินไปยังพาหนะของตัวเองกลับได้ยินเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ชะงักครู่หนึ่งแล้วมองไปยังบ้านที่ล้อมด้วยสังกะสีค่อนข้างเก่าพอสมควร กลิ่นสนิมลอยโชยมาพร้อมกับประตูที่เปิดออกจนเขานึกตกใจ ก่อนสะดุ้งเพราะผู้หญิงคนนั้นตรงเข้ามากอดไม่ทันให้ตั้งตัวด้วยซ้ำ

“ช่วย ช่วยฉันด้วย ฮือ ช่วยด้วยนะคะ” ไฟรอบข้างกระพริบถี่ทั้งยังท้องฟ้าที่มืดสนิททำให้มองใบหน้าของหล่อนไม่ชัด เขากลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากใจ รับรู้ถึงความกลัวจากร่างกายที่สั่นเทาของคนในอ้อมกอด

ไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น กลัวว่าจะนำภัยมาสู่ตัวเอง แต่เมื่อเห็นอาการของหล่อนก็คิดทันทีว่าไม่อาจปล่อยหญิงสาวไว้เช่นนี้ได้ จึงจำต้องรีบพาเธอเดินออกจากหน้าบ้านหลังนั้นด้วยการหลบในซอยที่มีโต๊ะขนาดใหญ่ปิดกั้นทางเอาไว้

“คลานเข้าไปได้ไหม” ไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบดันเธอให้คลานผ่านใต้โต๊ะเพื่อไปหลบอยู่ในตรอก

ส่วนตัวเองก็ยืนบังเอาไว้เพื่อกันไม่ให้ผู้ชายอีกสามคนที่วิ่งออกมาเห็นเธอ แล้วก็ได้ผลเพราะคนเหล่านั้นวิ่งผ่านไปทันที ทำให้ร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าทำทีเป็นคุยโทรศัพท์แล้วเหลือบมองตามผ่อนลมหายใจโล่งอก

คงไม่ใช่เรื่องผัวเมียอย่างแน่นอน ดูจากอาการของหล่อนน่าจะถูกฉุดมาหวังทำมิดีมิร้ายหรือเปล่า คิดดังนั้นก็รีบก้มลงแล้วกวักมือเรียกเธอให้ออกมาเพื่อจะได้ไปจากที่ตรงนี้ กลัวพวกนั้นจะย้อนกลับมาแล้วพบเข้าเสียก่อน

“ไปกันเถอะ ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน” คนที่อยู่ใต้โต๊ะรีบคลานออกมาแล้วเกาะติดเขาไว้ ชายหนุ่มจำต้องถอดเสื้อแขนยาวออกแล้วคลุมเธอเอาไว้ปิดบังใบหน้า และก่อนที่จะได้เดินออกไปฝนเม็ดใหญ่ก็ตกลงมาจนเขาต้องรีบโอบไหล่บางแล้วเร่งฝีเท้าเพื่อรีบไปยังรถยนต์ของตัวเอง

ทว่าขนาดความยาวของขาที่ค่อนข้างต่างความเร็วจึงลดลงไปด้วย ดึงเธอให้เข้าใกล้แล้วยกมือบังน้ำฝนไม่ให้ไหลผ่านใบหน้าจดบดบังการมองเห็น หัวใจเต้นรัวด้วยความกลัวว่าจะเจอคนกลุ่มนั้น แต่โชคดีที่มาถึงรถเสียก่อนจึงรีบพาเธอไปนั่งเบาะหน้าข้างคนขับ ส่วนตัวเองก็วิ่งอ้อมมานั่งหน้าพวงมาลัย สตาร์ทรถเตรียมเคลื่อนออกจากชุมชนแออัดที่ไม่คิดจะก้าวเท้าเข้ามาใกล้อีก

ชุดเปียกแนบไปกับลำตัว ทั้งยังมีน้ำเปื้อนเบาะให้หงุดหงิดอีกต่างหาก ถ้าเขาไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของเธอป่านนี้คงไม่ต้องเปียกหรอก แต่เมื่อหันมาเห็นหญิงสาวที่เอาแต่นั่งก้มหน้าตัวสั่นพลางสะอื้นไห้ก็นึกสงสาร

เขายอมตัวเปียกถ้าจะทำให้ผู้หญิงคนนี้ปลอดภัย...

“ทิชชู่ไหม” ยื่นกระดาษทิชชู่เพื่อให้เธอซับน้ำตา หล่อนก็รับมาเช็ดตามใบหน้าพลางเอ่ยตอบเสียงเบา “ขอบคุณค่ะ” ไม่มีใครพูดอะไรอีก เขาเองก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรนอกจากรีบขับรถออกจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด ไม่กล้าจะถามคนขวัญเสียคิดว่าหญิงสาวคงอยากมีเวลาอยู่กับตัวเองมากกว่า

ระหว่างทางได้ยินเพียงเสียงร้องไห้ของคนแปลกหน้า ร่างบางสั่นสะท้านทั้งยังยกมือขึ้นกอดตัวเองเอาไว้ เสื้อของเขาก็ยังอยู่บนตัวของเธอ มือบางเอาแต่กอดตัวเองไว้จนนึกสงสาร คงจะกลัวเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์เมื่อครู่

แต่ตอนนี้เขาคงเงียบไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเธอ ต้องไปส่งหญิงสาวที่ไหน...

“เอ่อ บ้านเธออยู่ไหนเหรอ” ตั้งแต่ขึ้นรถมายังไม่ได้คุยกันให้รู้เรื่องด้วยซ้ำ หน้าของหล่อนเขาก็ยังไม่เห็นเพราะอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าท่าเดียว

“ฉัน...พี่...” เธอเงยหน้าแล้วหันมามองเขาอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางแสงสว่างของเสาไฟด้านข้างทำให้เห็นหน้าหญิงสาวชัดเป็นครั้งแรก ผมยุ่งเหยิงกับใบหน้าที่มีร่องรอยคราบน้ำตาก็ไม่สามารถปิดบังความน่ารักของเธอไว้ได้

เผลอมองหญิงสาวนานจนไม่เห็นว่าสัญญาณจราจรเปลี่ยนไป เสียงแตรจากคันข้างหลังปลุกเขาจากภวังค์ก่อนเคลื่อนพาหนะไปข้างหน้า ไม่ทันฟังว่าอีกฝ่ายตอบว่าอะไรด้วยซ้ำ ลืมกับท่าทีอึ้งของหล่อนยามได้สบตา

“ตกลงเธอจะให้ฉันไปส่งที่ไหน” ขับมาสักพักก็รีบถามคนข้างกายโดยไม่ได้หันไปมอง ได้ยินเสียงสะอื้นจากเธอ ก่อนเหลือบเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยกมือเช็ดตามใบหน้าของตัวเอง สูดน้ำมูกเสียงดังจนเขาเผลอยิ้มด้วยความเอ็นดู

“หนูไม่มีบ้าน...ข้าม ข้ามมาทำงานที่นี่ โดนหลอก” เสียงพูดกระท่อนกระแท่นแทบจับใจความไม่ได้ แต่ก็พยายามประมวลผลตามสิ่งที่เธอบอก

“หมายถึงว่าบ้านเกิดเธออยู่ใกล้กับไทย แล้วข้ามมาทำงานที่นี่เหรอ...เข้ามาแบบถูกกฎหมายหรือเปล่าเนี่ย” เผลอหันไปมองแล้วประเมินเธอว่าเป็นพวกข้ามมาแบบผิดกฎหมายหรือเปล่า หญิงสาวได้ยินอย่างนั้นก็ทำตาโตแล้วผงกศีรษะขึ้นลง

“ถูก ถูกค่ะ แต่ว่า ฮึก ถูกโกง...ไม่มีเงินแล้ว” ท้ายประโยคเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เขาก็ได้ยินชัดเจนหมดทุกอย่าง นึกสงสารหญิงสาวที่เจอแต่เรื่องร้ายจนคิดอยากช่วยเหลือเธอ หน้าตาดูซื่อไม่น่าจะเข้ามาหลอกเขาหรอก

เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกแล้วยังให้ความช่วยเหลือจนหญิงสาวรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาได้ สายตาที่เธอมองเขาจึงทอประกายความหวัง ทั้งยังแฝงด้วยความเคารพทำเอาคนตัวสูงกระดากอายจนต้องกระแอมเรียกเสียงตัวเอง

“แล้วคิดจะทำยังไงต่อไป” รู้ว่าคำถามคงไม่ได้รับคำตอบ เธอเพิ่งเจอเรื่องร้ายน่าจะยังไม่ได้คิดว่าต้องวางแผนชีวิตอย่างไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel