Ep.4
อัญญาลินไม่กล้าบอกว่าเธอก็เป็นเจ้าของบริษัทผลิตไวน์ที่เมืองไทยเหมือนกัน เลยชอบศึกษาเรื่องไวน์เป็นพิเศษ แล้วก็ชอบดื่มไวน์ด้วย
“บังเอิญจังเลยนะครับสาวน้อย เราเจอกันอีกแล้ว” เสียงห้าวทุ้มทางด้านหลังทำให้ร่างเพรียวบางรีบหันขวับไปมอง แล้วก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นด้วยความแปลกใจ
“คุณ...คุณนั่นเอง บังเอิญจังเลยค่ะ” ขณะที่ฟรานซิสยืนคุยกับอัญญาลินพนักงานสาวคนนั้นก็รีบเดินเลี่ยงออกไปเหมือนรู้หน้าที่
“เรียกผมฟรานซิสก็ได้ครับ แล้วคุณล่ะ ผมยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลยนะ” ชายหนุ่มเล่นละครตบตาได้ดีเยี่ยม ทั้งที่เขารู้จักประวัติของเธอแล้วเป็นอย่างดี
“เรียกฉันว่าลิลลี่ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวแนะนำตัวเองสั้นๆ อย่างเป็นกันเอง
“ผมเป็นเจ้าของที่นี่ และเป็นพี่ชายของแฟรงค์” อัญญาลินม่านตาขยายมองหน้าผู้ชายตรงหน้าที่บอกว่าเขาเป็นพี่ชายของแฟรงค์อย่างตกตะลึง
ที่แท้พวกเขาก็เป็นพี่น้องกันนี่เอง เธอเองก็รู้สึกคุ้นๆ หน้าเขาเหมือนกัน แต่ฟรานซิสดูมีมาดเข้มน่าเกรงขามมากกว่าแฟรงค์มาก เขาดูเป็นผู้นำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจบางอย่างที่มองไม่เห็น และเหมือนจะมีแรงดึงดูดทางเพศมหาศาล ที่ทำให้เธอเผลอจ้องตาเขาอย่างเผลอไผลทุกครั้งที่เจอหน้ากัน แล้วแก้มนวลสองข้างก็เห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่อาจควบคุมได้
“จะยืนจ้องตาผมอยู่ตรงนี้อีกนานมั้ยครับ” เสียงทุ้มหวานมีเสน่ห์ถามเย้า พร้อมกับส่งสายตาพราวระยับไปให้ ทำให้อัญญาลินยิ่งเขินเข้าไปใหญ่ ถ้าเธอเป็นเสื่อก็คงจะม้วนไปหลายตลบแล้ว
“เอ่อ...” รู้สึกเหมือนลิ้นเล็กจะเป็นอัมพาตไปชั่วคราว หญิงสาวจึงพูดไม่ค่อยออก
“ถ้าคุณลิลลี่อยากจะชิมไวน์รสชาติที่ดีที่สุดของที่นี่ ก็เชิญทางนี้เลยครับ เรามีไวน์หลายชนิดที่อยากจะแนะนำให้ลูกค้าได้ชมและชิมฟรีครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เมื่อมองไปรอบๆ แล้วไม่เห็นแฟรงค์ และเห็นว่าฟรานซิสเป็นพี่ชายของแฟรงค์ อัญญาลินจึงเดินตามเขาไป จนกระทั่งไปถึงห้องๆ หนึ่งซึ่งน่าจะเป็นห้องรับแขกมากกว่าจะเป็นห้องเก็บไวน์สำหรับให้ลูกค้าเข้ามาชมหรือชิม
หัวใจของอัญญาลินหล่นวูบ ใจเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำและรู้สึกหวั่นกลัวผู้ชายตรงหน้าขึ้นมาจับใจเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องทางด้านหลังดังกริก
“คุณพาฉันมาที่ห้องนี้ทำไมคะ” เสียงหวานเริ่มสั่น สีเลือดบนใบหน้าเริ่มเหือดหายจนเกือบซีด เมื่อรู้ตัวว่าหลงเข้ามาอยู่ในห้องกับเขาเพียงสองคน
ร่างสูงสง่าน่าเกรงขามที่เดินนำหน้าหยุดเดินและหันมามองหน้าเหยื่อสาวที่หลงมาติดเบ็ดเขาด้วยรอยยิ้มหวาน แต่มันกลับทำให้อัญญาลินรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว แต่ก็พยายามเข้มแข็งเอาไว้
“ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว” เสียงห้าวตอบ
“แต่ว่าฉันไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณนี่คะ”
“คุณแน่ใจเหรอ ว่าไม่มีอะไรจะคุยกับผม” ชายหนุ่มถามเหมือนเย้ยหยัน มองใบหน้าสาวน้อยจอมมารยาอย่างเหยียดๆ นี่หล่อนคงคิดอยากจะจับน้องชายของเขาเป็นสามีจนตัวสั่นสินะ ถึงได้ตามแฟรงค์มาจนถึงที่นี่
เพราะฟรานซิสไปสืบรู้มาว่าบริษัทผลิตไวน์ที่เมืองไทยของหญิงสาวกำลังอยู่ในช่วงขาลง และกำลังประสบปัญหาเรื่องการส่งออก เพราะกำลังมีคู่แข่งทางการค้าที่ทำธุรกิจแบบเดียวกันกำลังมาแรง ทำให้ยอดการจำหน่ายของสินค้าน้อยลงทั้งในประเทศและต่างประเทศ และถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ บริษัทผลิตไวน์ของนายอนันต์จะต้องถึงคราวอวสานแน่นอน
“ทำไมคุณถึงถามฉันแบบนี้ และทำไมต้องมองฉันด้วยสายตาแบบนี้ด้วย”
“คุณคิดจะจับน้องชายของผมใช่มั้ย” คำสบประมาทของผู้ชายตัวโตตรงหน้า ทำให้ใบหน้าที่ซีดเป็นไก่ต้มเมื่อครู่ เริ่มแดงซ่านขึ้นมาทันทีด้วยความโมโห
“ฉันเปล่านะ ฉันแค่คบกับเขาเป็นเพื่อนเท่านั้น” หญิงสาวตอบออกไปตรงๆ ตามที่เธอกำลังรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“แน่ใจเหรอว่าคบแค่เพื่อน แต่สายตาท่าทางที่คุณมองเขา กับการที่ตามน้องชายของผมไปทุกที่เนี่ย ผมว่ามันคงจะไม่แค่เพื่อนธรรมดาซะแล้วล่ะมั้ง” ยิ่งเขาพูดจาค่อนแคะถากถางเธอเท่าไหร่ เลือดในกายของเธอก็ยิ่งสูบฉีดขึ้นไปบนแก้มนวลปลั่งทั้งสองข้างของเธอมากขึ้นเท่านั้น
นี่แสดงว่าเขาสะกดรอยตามเธอกับแฟรงค์ทุกฝีก้าวเชียวเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็แสดงว่าเหตุการณ์ที่เขาเดินชนเธอเมื่อวันนั้นคงไม่ใช่เหตุบังเอิญสินะ
“คุณจะคิดยังไงก็เรื่องของคุณ แต่ฉันคบกับแฟรงค์ด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ” หญิงสาวเถียงสียงแข็งด้วยแววตานิ่งขึงวาววับ
“ผมว่าคุณมาคบกับผมดีกว่ามั้ย ผมเก่งกว่าเจ้าแฟรงค์ตั้งหลายอย่างนะ อย่างเช่น เรื่องบนเตียง” ชายหนุ่มจงใจเน้นประโยคสุดท้ายหนักๆ
เผียะ!!
“หยาบคาย!” หญิงสาวตวาดเสียงห้วน แม้ในใจจะหวาดหวั่น แต่ทว่าตอนนี้เธอโมโหเขาจนควันออกหูแล้ว
ดังนั้นพอฟรานซิสพูดจบประโยค อัญญาลินก็ปรี๊ดแตกทันที เรียวหน้าแดงก่ำแทบจะลุกเป็นไฟด้วยความโกรธจัด ที่ถูกผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันแค่ชื่อมามองเธอเหมือนเป็นผู้หญิงชั้นต่ำที่คิดจะไล่จับผู้ชายรวยๆ มาเป็นสามี แล้วยังจะมาพูดจาหยาบคายใส่หน้าเธออีก ราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรีอย่างนั้นแหละ แบบนี้มันยอมไม่ได้
“ที่ตบเนี่ย เพราะอยากให้จูบใช่มั้ย” แทนที่เขาจะสำนึก แต่ร่างสูงใหญ่กลับถามคำถามที่น่าโดนตบอีกครั้ง พร้อมกับเดินย่างสามขุมเข้าหาเหยื่อสาวอย่างอุกอาจ
ร่างเพรียวบางถอยร่นไปจนชิดฝาผนังอย่างหวาดหวั่น ก็สายตาท่าทางของเขาเอาจริงเอาจังมากขนาดนี้ ตัวของเขาก็โตอย่างกับยักษ์ ถ้าคิดจะสู้กับจอมอสูรร้ายด้วยกำลังหล่อนไม่มีทางชนะเขาแน่ ยังไงก็ต้องหาทางหนีเขาออกไปให้ได้ก่อนเป็นดีที่สุด แต่อัญญาลินคงได้แค่คิดเท่านั้น!
“อย่าเข้ามานะ! ออกไป!” มือเล็กสองข้างพยายามดันอกแกร่งให้ออกห่างแต่ก็ไร้ผล เมื่อปากอุ่นร้อนฉกลงมาอย่างรวดเร็ว
เรียวปากอิ่มเล็กสีกุหลาบ ถูกบดขยี้อย่างเร่าร้อน ด้วยอารมณ์ดิบร้อนแรงของราชสีห์หนุ่มที่ต้องการจะสั่งสอนกวางสาวให้สำนึก ที่บังอาจมาตบหน้าผู้ชายอย่างเขา เพราะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อน หล่อนเป็นคนแรก ที่กล้าหาญผิดที่ผิดทาง
กวางสาวในกรงเล็บของพญาราชสีห์ ตัวสั่นและอ่อนระทวยเมื่อถูกผู้ชายที่เก่งกาจในเชิงรักจุมพิตเธออย่างเร่าร้อน เขาขโมยลมหายของเธอไปจนหมดสิ้นด้วยการประกบจูบดูดดื่ม หัวใจของสาวน้อยก็ล้มคว่ำคะมำหงายแทบช็อก ไม่มีแรงแม้แต่จะต่อต้านขัดขืน ได้แต่ปล่อยให้ร่างสูงใหญ่ตักตวงความหอมหวานจากโพรงปากของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าจนหนำใจ
กว่าที่ริมฝีปากร้อนจะถอนจุมพิตออก ร่างบอบบางก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ ฟรานซิสมองสาวน้อยในอ้อมกอดด้วยความรู้สึกแปลกๆ รสชาติของหล่อนช่างหอมหวานละมุนเย้ายวนใจเขามากเหลือเกิน แม้แต่รสชาติของไวน์ที่แพงที่สุดในโลกที่เขาได้ชิมมา ยังไม่หวานหอมติดใจเท่ากับรสจุมพิตของหล่อนเลย
นี่ขนาดจูบยังหวานมากขนาดนี้ แล้วถ้าอย่างอื่นล่ะจะหวานสักแค่ไหน ร่างสูงใหญ่ถึงกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อนึกไปถึงฉากวาบหวามสะท้านอารมณ์ระหว่างเขากับหล่อนในจินตนาการ
พออัญญาลินได้สติก็รีบขืนตัวออกจากอ้อมแขนดุจปลอกเหล็กของชายหนุ่ม ใจอยากจะตบเขาซ้ำ แต่ก็กลัวว่าผู้ชายที่แสนจะป่าเถื่อนและหยาบคายอย่างฟรานซิสจะขย้ำเธอให้แหลกคามืออยู่ตรงนี้
