เพลิงสิเน่หาลวง *มีเล่มจำหน่าย

199.0K · จบแล้ว
คุณธิดา
78
บท
23.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพลิงสิเน่หามายาลวง ก็เป็นอีกเรื่องที่มั่นใจว่า สายหื่น สายดรามา ก็ต้องชื่นชอบความรัก ในการเริ่มต้นอาจจะไม่สวยงามไปเสียทุกคู่ ป้องณวัฒน์ กับ รินดา ชายหนุ่มพนันกับเพื่อนว่าจะพาเธอขึ้นเตียงให้ได้ สุดท้ายก็ได้จริง ๆ ฟันแล้วทิ้งอีกต่างหาก ทำให้รินดาเกลียดมาก แต่เรื่องมันสนุก เพราะนางดันมีเด็กลูกของเขาติดท้องไปด้วย ทำให้เรื่องมันน่าติดตามตรงนี้ และอีกสามคู่ เอกอนงค์กับอาจารย์อลัน นายกตัญญูกับเพียงอร และคู่ของเกริกเกียรติกับแต่งขวัญ นักเขียนการันตีความฟินระดับ 18 ทำให้คุณซี๊ดซ๊าด และเรื่องราวที่ชวนติดตาม ลุ้นไปกับพวกเขา ไปอ่านกันเถอะค่ะมีหนึ่งเรื่องที่อยากจะบอก คนเราหากเกิดมาเป็นคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกัน ถึงแม้จะพลัดพราก วันหนึ่งเราก็ต้องวนกลับมาพบกัน มารักกัน และใช้ชีวิตด้วยกันอีกครั้ง วันนี้หากเราเคยมีความรักที่ผิดหวัง ไม่ใช่ทั้งชีวิตต้องดับไปกับมัน แต่เราต้องเดินหน้า สร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง รักตัวเองให้มาก ๆ แล้วคุณจะรู้จักรักคนอื่นได้ขอให้ทุกท่านประสบความโชคดี และคิดสิ่งใดก็ขอให้สมความมุ่งมาดปรารถนาทุกประการ ขอให้สนุกกันนิยายทุกเรื่องของคุณธิดานะคะ สปอยเนื้อหาบางส่วน“นี่ชุดมาทำงานหรือ” เขาเอ่ยถามเธอ ทำให้คนที่ถูกถามหันหน้ากลับมาดังขวับปึก... ร่างของเธอชนเข้ากลับแผงหน้าอก ด้วยส้นของรองเท้าที่สูงทำให้เธอสะดุด ป้องณวัฒน์รับร่างของเธอเอาไว้ทันที ตอนนี้รินดาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาเสียแล้วเธอยกแขนขึ้นกัน แล้วผลักร่างของชายหนุ่มออกไปให้ห่างจากตัวอย่างแรง พลั่ก... ก่อนจะตามไปด้วยฝ่ามืออรหันต์เผียะ เผียะ เผียะดารินฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของป้องณวัฒน์ใบหน้าที่ถูกกระทบด้วยฝ่ามือแดงเงยขึ้นมาทันที ป้องณวัฒน์ถึงกับยกมือของตัวเองขึ้นมากุมหน้า “ฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน จะแต่งตัวยังไง คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์ หรือถามแบบเสียมารยาทแบบนี้” เธอหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธซึ่งทุกสิ่งมันสุมรวมก่อตัวอยู่ก่อนแล้ว“อืม...” ชายหนุ่มทำเสียง ยกมือขึ้นลูบปลายคางของตัวเอง ถามว่าเขาโกรธไหม เขาคิดว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของรินดาดีนะ หญิงสาวที่ถูกพรากพรหมจรรย์ แล้วเขาก็ทิ้งเธอทันที ไม่เคยกลับไปพบเจออีกเลย“มีอะไรต้องให้รายละเอียดดิฉันอีกไหมคะ” เธอถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เพิ่งใช้ฝ่ามือตบหน้าเขาไปเมื่อกี้นี้ เมื่อเขาไม่ตอบเธอก็สะบัดตัวหันหลังกลับไปทำงานเหมือนเดิมสวบ... อ้อมแขนใหญ่สวมกอดเข้าไปที่ด้านหลังของเธอทันที รั้งรัดร่างของเธอให้เข้ามาหาแนบชิดกาย ก่อนจะจรดปลายจมูกลงไปบนซอกคอขาวเนียน“อึ...” เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ หันหน้ามามองใบหน้าคมเข้มของป้องณวัฒน์ที่อยู่ใกล้ๆ จุ๊บ... เขาจุ๊บปากของเธอทันที“ไอ้คนเลว” เธอด่าทอเขาออกไปทันที หมดความอดทนที่จะมาปั้นสีหน้าใส่ว่าไม่รู้สึกอะไรอีกแล้วรินดากระทืบส้นสูงลงไปบนหลังเท้าของเขาทันที ปึก...ปึก...ปึก...ผลัวะ “โอ๊ย...” ป้องณวัฒน์ร้องลั่นรินดากระทุ้งศอก หันหน้าเข้าหาแล้วจับหัวไหล่ของเขาประเคนเข่า และฟันสันมือของตัวเธอใส่เข้าไปที่ตรงซอกคอของป้องณวัฒน์ดังผลัวะ“อะ... อึก... อุ... โอะ... โอ๊ย...” ดวงดาวขึ้นมาเต็มท้องฟ้า“อย่ามาแตะต้องตัวฉันอีก” เธอผลักร่างของเขาร่วงไปกองที่พื้น ใช้มือตบเข้าหากัน ก่อนจะชี้นิ้วใส่หน้าเขาแบบอารมณ์เสีย ป้องณวัฒน์ตัวงอเป็นกุ้งกองไปอยู่ที่พื้น ร่างกำยำที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ หมดสภาพอยู่ตรงนั้น เขาไม่ทันตั้งตัวต่างหากรินดาถึงได้เล่นงานเขาได้ง่ายๆ“โอ๊ย... ริน...” เขาเรียกชื่อเธอตามหลัง เห็นร่างของหญิงสาวไวๆ หายไปในอีกห้องหนึ่ง เธอไม่สนใจไยดี เดินจ้ำอ้าวๆ ออกไปจากห้องอย่างร้อนระอุในอารมณ์ ‘สันดาน...’ เธอก่นด่าเขาอยู่ในใจ

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันประธานดีไซเนอร์นอกใจนางเอกเก่งรักแรกพบแก้แค้นโรแมนติก

ตอนที่ 1

เมื่อเจ็ดปีก่อน

"ไอ้ป้องมึงเห็นผู้หญิงผมสั้นๆ ใส่แว่นหนาๆ ตรงนั้นเปล่าวะ" เรย์ชี้ชวนสะกิดไหล่ของป้องณวัฒน์ให้ดูตามมือ ป้องเห็นหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งไว้ผมสั้น สวมแว่นตากลมหนาเตอะ แถมยังดัดฟันด้วยยางจัดฟันหลากสีสด เธอกำลังตั้งหน้าตั้งตาแบกผู้ชายตัวโตกว่าเอาไว้บนหลังหมดสภาพเมาย่ำแย่ออกไปตรงประตูทางออก

"อ้อ ทำไม..." ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มหรี่มองใบหน้าของเพื่อนอย่างสงสัย

"ถ้ามึงได้ฟันผู้หญิงคนนั้นได้ กู... นายเกริกเกียรติจะยอมแต่งหญิงเดินรอบมหาลัยเลย" เขาพูดขึ้นมาส่งสายตาท้าทาย

"เฮ้ย... มึงเอาจริงนะไอ้เรย์" แมนตบบ่าของเรย์ขอคำมั่น

"เออสิวะ บุรุษพูดแล้วไม่คืนคำ วันก่อนแม่งมึง ผู้หญิงคนนั้นปารองเท้าแตะมากลางวงพวกกูเลย โอ้โห... แถมด่าพวกกูไฟแลบ ปากร้ายโคตรๆ" เรย์ทำท่าขยาด

"เอาดิ... หรือมึงป๊อด..." อ้นยุป้อง

"ก็ได้... คอยดูผลงานกูก็แล้วกัน ระดับเดือน... มีแต่สาวๆ วิ่งหากู ไอ้เรย์มึงเตรียมแต่งหญิงเอาไว้ได้เลย" เพราะการท้าทายและไม่อยากเสียหน้า และหาว่าป๊อด ป้องจึงตกปากรับคำพวกนั้นไป

วันพุธที่ผ่านมา หลังมหาวิทยาลัย..... หน้าร้านขายข้าวของยายวันเพ็ญ

รินดาเดินมาจากมินิมาร์ตหน้าปากซอยกำลังจะกลับเข้าไปในบ้านที่อยู่ยังท้ายซอย และต้องผ่านร้านยายวันเพ็ญอยู่แล้ว

"ป้า กะเพราหมูกรอบราดข้าวหนึ่งกล่อง” รินดาตะโกนสั่งข้าวอยู่ที่หน้าร้าน สายตาของกลุ่มบุรุษหลายหน่อที่เข้าชมรมหมาป่าล่าเนื้อ แต่จริงๆ น่าจะชื่อปากหมาซะมากกว่า

“ทำไปได้ว่าไหมมึง ขาสั้นสีเหลือง รองเท้าแตะสีแดง ถ้าเป็นแถวๆ บ้านกูนะมึง หมาเห่านึกว่าเห็นสัตว์ประหลาด”

“กูว่าน้องเขาก็สวยอยู่นะ” เสียงหนึ่งดังสนับสนุนขึ้น

“สวยอยู่คนเดียว สวยไม่ปรึกษาใคร สวยแบบทำไปได้” เหล่าบรรดากระชายเหล่านั้นก็ส่งเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

“รูปร่างก็สูงยาวเข่าดีนะมึง ถ้าไว้ผมยาวกูว่าก็น่าเอาอยู่นะ” อีกคนหนึ่งบอก

“อี๋ย... ไอ้เชี่ย... มึงไม่เห็นยางจัดฟันที่น้องเขาใส่เหรอวะ แม่ง... สี... โอ้โห... เห็นมาตั้งกะไฟแดงหน้ารถไม่กล้าชนนะมึง ต้องเบรกตัวโก่ง เพราะแสงสะท้อนมันเข้าตา” เสียงฮาดังกันขึ้นอีกตรึม

“สี่สิบห้าบาท” ยายวันเพ็ญส่งข้าวกล่องให้กับรินดา เธอรับมันมาถือไว้ ก่อนจะจ่ายเงินในจำนวนที่พอดี

“ขอบใจ...” ยายวันเพ็ญหันหลังให้ เดินกลับเข้าไปที่หลังร้าน

“วี๊ดวิ้ว...” เสียงผิวปากดังขึ้น ตอนที่เธอจะหันหลังกลับ

“น้องสาวผมสั้นครับ ให้พวกพี่ไปส่งข้างในไหมครับ พี่กลัวหมามันจะไล่งับขาน้องนะครับ” คนในกลุ่มนั้นตะโกนแซวขึ้นมา

“ไอ้... เชี่ย... กูได้ยินนะว่าพวกมึงนินทากูอยู่ ไม่มีอะไรทำกันหรือไง กลับไปนั่งวิจารณ์แม่กับน้องมึงที่บ้านไป ไอ้...”

เพล้ง... ตุ๊บ...

เธอถอนรองเท้าของตัวเองโยนเข้าไปกลางวงทั้งสองข้าง ชายหนุ่มสี่ห้าคนนั้นกระโดดแยกกันไปคนละทิศละทาง เธอยังไม่ยอมลดละ เดินตรงเข้าไปยังชายหนุ่มปากดีเหล่านั้น

พวกผู้ชายหน้าหม้อตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนภายในร้าน

รินดาไม่พูดอะไรอีก เธอส่งสายตาระร้ายมองผ่านแว่นกลมๆ หนาเตอะไปยังใบหน้าของหนุ่มๆ ทุกคน เธอหยิบแล้วสะบัดเอาน้ำแกงออกจากรองเท้าของตัวเอง และป้ายไปที่กระเป๋าผ้าของเรย์ที่วางใกล้ที่สุด ก่อนจะเอามันมาใส่ที่เท้าแล้วเดินกลับไปแบบไม่หันกลับมามอง

“เวรแล้ว กระเป๋าน้องเฟิร์นซื้อให้กู” เรย์โอดครวญ ตอนนี้กระเป๋าของเขาเต็มไปด้วยน้ำต้มแซ่บ

“ฝากเอาไว้ก่อนนะยายแว่น” เรย์ยืนมองตามหลังผู้หญิงคนนั้นไป คิดเอาคืน

“เจ้าป้องมันรู้ตัวหรือยังแม่” คุณเปรมถามภรรยาขึ้นมา ตอนนี้เธอยังก้มๆ เงยๆ อยู่กับมือถือของตัวเอง

“ฉันไม่ชอบบังคับลูก พ่อก็รู้” คุณอ่อนตอบออกมาโดยไม่มองหน้าของสามี

“คุณอ่อน” สามีทำเสียงเข้มเข้าใส่

“พ่อไม่ได้พูดเล่นนะ ไปปลุกมัน พ่อจะให้มันบินไปเย็นนี้เลย”

“อะไรกัน อย่ามาหยอกกันแรงขนาดนี้นะ” ภรรยามือถือแทบร่วง

“พ่อจะส่งลูกไปเรียนถึงอังกฤษ จะไม่ให้แม่ทำใจเลยหรือไงคะ" เธอหน้าตาตกใจ ไม่คิดว่าสามีจะทำอะไรรวดเร็วอย่างนี้

ทั้งๆ ที่ปรึกษากันได้ไม่นาน และเธอไม่คิดว่าเขาจะเอาจริง ทำให้เธอไม่ทันได้ตั้งตัว

“ถ้าแม่ยังเห็นเจ้าป้องมันเป็นเด็กอยู่อย่างนี้ พ่อว่าให้อยู่เมืองไทย คงเสียคนในไม่ช้า”

“คุณเปรมจะพูดเกินไปแล้วนะคะ” เธอเริ่มบีบน้ำตา เรียกชื่อสามีเต็มยศ

“ให้ลูกไปเรียนนะแม่ พ่อไม่ได้ให้มันไปตาย”

“คุณ...” เธอเห็นสายตาที่เอาจริง และไม่ได้ล้อเล่น

“เวียนไปปลุกคุณป้อง และกระเป๋าที่ให้จัดเมื่อวาน เวียนให้หวังขึ้นไปเอาลงมา แล้วเอาขึ้นท้ายรถ ฉันจะไปส่งเจ้าป้องมันขึ้นเครื่องเอง” เขาหันไปสั่งคนใช้

คุณเปรมศักดิ์ที่เผด็จการที่สุดในบ้าน และทำอะไรตามใจตัวเองอยู่แล้ว เขาใช้วิธีบังคับให้ลูกชายคนเดียวไปเรียนที่อังกฤษโดยไม่ได้ถามความสมัครใจของเจ้าตัว

“คุณ...” คุณภคมนถึงกลับเข่าอ่อน

“จะไปส่งลูกกับพ่อไหม” เขานั่งลงใกล้ๆ ภรรยา จับมือของเธอขึ้นมาบีบเบาๆ เธอทำน้ำตาร่วง

“ให้ลูกไปเถอะ จะได้โตซะที เรามีความหวังเดียวอยู่ที่มันนะ ยังไงก็อยากให้ลูกได้ไปผจญภัยดูบ้าง”

“เดี๋ยวฮะพ่อ นี่มันอะไรกัน ผมไม่ไปเด็ดขาด หัวเด็ดตีนขาด ผมก็ไม่ไป”

ป้องณวัฒน์ตะโกนโวยวายดังมาจากข้างบน เมื่อมาถึงตรงหน้าพ่อ สายตาที่ดุดันและเอาเรื่องเป็นที่สุด ทำให้เขาหันหลังกลับขึ้นไปข้างบนบ้านอย่างรวดเร็ว

“เร็วๆ นะโว้ย เครื่องจะออก ฉันจะต้องให้แกไปในวันนี้ให้ได้”

“เผด็จการ” ภคมนทำปากมุบมิบ ก่อนจะวิ่งปรู๊ดขึ้นชั้นสองตามหลังลูกชายไปติดๆ

ทุกอย่างถูกนำมาขึ้นรถ รวมทั้งลูกชายที่นั่งหน้าเหม็น เขาถูกยึดโทรศัพท์เอาไว้เรียบร้อย โดยไม่ให้ได้บอกและร่ำลาเพื่อนๆ ป้องณวัฒน์ทำตัวไม่ถูกเอาเหมือนกัน ตอนนี้มีแม่ที่ร้องไห้กระซิกๆ อยู่ข้างๆ

“ตั้งใจเรียน ฉันเสียเงินไปเยอะนะกับแก เรื่องที่จะส่งไปเรียนที่อังกฤษ และต้องทำตัวให้ดีๆ ฉันจะให้เงินแกแค่พอใช้ ดัดนิสัยใช้เงินมือเติบ อยากได้อะไรเป็นพิเศษต้องทำงานเอาเอง และฉันยึดบัตรทุกอย่างของแกคืน และใช้ได้แค่บัตรนี้บัตรเดียว” คุณพ่อยื่นบัตรสีทองให้ ป้องหันไปกอดแม่

“อย่าทำตัวเหลวไหลนะลูก” เธอสอนเหมือนป้องณวัฒน์เป็นเด็กเล็กๆ

“แล้วห้ามมีเมียแหม่ม มีลูก” คุณเปรมศักดิ์กำชับ

คำว่าเมียทำให้เขานึกไปถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาทำมิดีมิร้ายกับเธอเมื่อคืนนี้ แล้วสัญญาที่ว่าจะไปรับไปเรียนในเช้าวันจันทร์

‘ริน’ เขาเอ่ยชื่อเธอในใจ ตอนนี้เรื่องตัวเองก็เอาไม่รอด แล้วจะจัดการกับเรื่องอื่นๆ ได้อย่างไร

“มือถือของผม” เขายังหวงและรู้สึกห่วงใย

“เดี๋ยวไปถึงที่โน่นจะมีคนมารับ ทุกอย่างได้ถูกเตรียมไว้ให้แกเรียบร้อยแล้ว”

“แต่พ่อครับ ในมือถือของผมมีเบอร์ของเพื่อนๆ”

“ไอ้ป้อง...” พ่อทำเสียงเข้ม และลากเสียงเรียกชื่อลูกชาย

“ครับ” เขาก้มหน้าโดยดุษณี พ่อพูดคำไหนก็คำนั้น

“รักษาตัวนะลูก” แม่จุ๊บแก้ม จุ๊บหน้าผากเขาไม่รู้จักเบื่อ

“ร่ำลากันซะให้พอ พ่อไม่อนุญาตให้กลับมาเมืองไทยนะ จนกว่าแกจะเรียนจบ พ่อกับแม่จะบินไปเยี่ยมแกเอง”

“หา!” เขาทำเสียงตกใจ

“ไม่ต้องมาหา... หรือแกอยากมีปัญหากับพ่อ” คุณเปรมทำเสียงขู่ แค่นี้สองแม่ลูกก็หัวหดแล้ว

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นไปตามใจคุณพ่อ ป้องณวัฒน์เดินทางไปเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อยิ้มร่า ส่วนคุณแม่น้ำตานองหน้า

เช้าวันนั้น

(“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก”) รินดามองมือถือในมือ ตอนนี้น้ำตาเริ่มคลอเต็มหน่วย

‘อะไรกัน ทำไมทำแบบนี้ เอ๊ะ...หรือว่าเช้าไป’ เธอคิดเข้าข้างตัวเอง ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ‘สายๆ ค่อยโทรอีกทีนะ ถ้ายังไม่เปิดก็เที่ยง หรือค่ำๆ ไปเลย’

เธอสั่งตัวเองไว้ และก็กดโทรศัพท์หาป้องณวัฒน์เป็นสิบๆ ครั้ง ก็ยังได้รับคำตอบเดิม

แล้วเขาก็หายไปไม่ติดต่อกลับมา

เช้าวันจันทร์ รินดารีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วเพื่อไปมหาวิทยาลัย ตั้งใจจะไปลุยป้องณวัฒน์ และถามให้รู้เรื่อง ว่าเขาฟันเธอแล้วทิ้งใช่ไหม

รินดาก้าวฉับๆ ไปยังคณะบริหาร เห็นหนุ่มๆ ที่คุ้นตาที่เธอเคยเห็นเดินด้วยกันกับป้องณวัฒน์ เธอตรงดิ่งเข้าไปในทันที แต่บทสนทนาที่ได้ยินทำให้เธอต้องหยุดฝีเท้า

“ไอ้เชี่ย แม่งไอ้ป้องไม่ได้เห็นมึงวิ่งรอบมหาลัยอะดิ มันแน่จริงๆ ว่ะ มันเจาะไข่แดงยายเหล็กดัดฟันนั่นจริงๆ” แมนพูดขึ้นมาก่อน

“เฮ้ย... ต้องแต่งนะโว้ย สัญญาลูกผู้ชาย ตระบัดสัตย์แล้วไม่คืนคำ” อ้นพูดขึ้น

“แม่งมันฟันแล้วทิ้งได้สะใจกูจริงๆ ว่ะ มันตั้งใจไหมเนี่ย มันรู้ไหมว่าพ่อมันจะให้มันไปอังกฤษ” เรย์ถามดัง

“ไอ้ป้องมันไม่เคยพูดถึงเลยนะโว้ย”

“นั้นอะสิ หรือว่า... โอ๊ย...คิดไม่ออก แล้วแม่ง...เชี่ย...ติดต่อมันก็ไม่ได้ ใครกล้าไปถามพ่อกับแม่มันที่บ้านบ้างวะ”

“โอ๊ะๆ กูคนหนึ่งละไม่ไป” เรย์ปฏิเสธก่อนใคร

“พ่อดุอย่างกับหมา”

“ไอ้ห่าเรย์ปากมึงนะหมากูว่า พ่อไอ้ป้องคนนะโว้ยไม่ใช่หมา” แมนทำท่าจะตบปากเพื่อน

“ไม่รู้ล่ะ ว่าแต่กูไม่แต่งหญิงก็ได้มั้ง ไอ้ป้องมันไม่รู้หรอก”

“มึงไปท้ามันเอง มันฟันหลอกกินไข่แดงยายเหล็กดัดนั่นได้ มึงต้องแต่งหญิงตามสัญญา กูจะเป็นพยานให้ไอ้ป้องมันเอง”

“ใช่ๆ กูเห็นด้วย” อ้นสนับสนุน

“พวกมึงสองคนเป็นเพื่อนกูหรือเปล่าเนี่ย”

“ก็เป็นเพื่อนมึงทั้งสองคนนั่นแหละ สัญญาต้องเป็นสัญญาโว้ย” แล้วทั้งสองหนุ่มก็หัวเราะขึ้น

สิ่งที่รินดาได้ยินมันทำร้ายจิตใจเธอมาก ผู้ชายพวกนี้เห็นเธอเป็นตัวอะไร เห็นเป็นของเล่นเอามาท้ากันก็ได้เหรอ หญิงสาวกำหมัดแน่น ไม่ขยับเคลื่อนไหวตัว น้ำตาไหลพรากๆ

กริ๊ง... เสียงกริ่งบนอาคารดังลั่น ทั้งสามจึงลุกขึ้นในทันที ได้ยินแค่บทสนทนาที่ว่าใครไปถึงช้าก่อนคนนั้นเลี้ยงข้าว แล้วสามหนุ่มก็แข่งกันวิ่งขึ้นไปบนอาคารเรียนทันที

รินดาทรุดตัวลงไปนั่งร้องไห้โฮอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเข้มๆ ของป้องณวัฒน์ลอยมาเต็มหัวสมอง

‘ฉันจะเกลียดนายให้มากที่สุด ฉันถือว่าสิ่งที่เสียไปฉันถวายให้นาย ชาตินี้ขออย่าให้พบเจอกันอีกเลย’