บทที่ 5
“สีฝุ่นของยาย” น้ำเสียงแหบพร่ากับร่างบอบบางโผเข้าหาหลานสาวอันเป็นที่รักที่หายหน้าหายตาไปนานนับตั้งแต่งานศพของลูกสาวจัดเสร็จเรียบร้อยเมื่อสองปีก่อน
ลูกสาวคนเดียว นารี ธนารักษ์ หนีตามคนรักไปตกระกำรำบากนานหลายปี กลับมาอีกครั้งก็พาลูกสาวกลับมาด้วยสองคน คนโตแปดขวบ และคนเล็ก หกขวบ ในตอนนั้น ทั้งกิตติ และนวลฉวี ต่างก็ไม่ยอมรับสามคนแม่ลูก เพราะโกรธที่นารีหนีไปไม่คำพ่อแม่เลยสักนิด สุดท้ายก็ไปไม่รอดต้องกลับมาตายรัง
แต่เด็กไม่รู้เดียงสา ไม่เข้า นลินในตอนนั้นเป็นเด็กเก็บกดนิ่งเงียบไม่พูดจา ส่วนลลินสดใสร่าเริงได้รับความรักความเอ็นดูจากทุกคน ลลินทำให้กิตติใจอ่อน นวลฉวีก็รักลลินมากจนเอ่ยปากจะยกทุกอย่างให้
อยู่ที่บ้านธนารักษ์ได้ไม่กี่ปี นารีก็คบหากับสุทิน พ่อเลี้ยงไร่ส้มที่เชียงใหม่ ทั้งสองตกลงแต่งงานกันแต่กิตติและนวลฉวีไม่เป็นด้วยเพราะรู้ว่าสุทินไม่ใช่คนดีอะไร หากแต่นารีรักสุทินมาก ก็เลยแอบหนีไปอีกครั้ง และพานลินไปด้วยเพราะนลินติดแม่มาก
ลลินเสียใจมากที่ถูกแม่ทิ้ง แต่ตากับยายก็ทำให้เธอมีแต่ความสุข จนระทั่งได้เจอกับแดนนี่ในงานเลี้ยงวันเกิดของกิตติ แดนนี่เป็นญาติห่างๆ ที่เติบโตที่อังกฤษแต่งงานและยังไม่มีลูก ก็เลยขอลลินไปเลี้ยง จดทะเบียนเป็นลูกบุญธรรม กิตติและนวลฉวีไม่อยากให้ลลินรู้สึกขาดความอบอุ่นและไว้ใจแดนนี่ก็เลยยกลลินให้
นับแต่นั้นมา ลลินจึงหลายเป็น ลินซี่แมคเครเกอร์มาจนถึงปัจจุบัน ไม่นานกิตติก็จากไปด้วยโรคประจำตัว
ส่วนนารีกับนลินก็ชีวิตที่ต่างจังหวัด แบบพอมีพอกิน สุทินเสียชีวิตเมื่อนลินอายุสิบแปด นารีทำงานหนักเพื่อส่งเสียนลินให้ได้รับการศึกษาที่สูงที่สุด ได้ทำงานเป็นเลขามีเงินเดือนสูงแต่สุดท้ายก็มาฆ่าตัวตายเพียงเพราะผู้ชายคนเดียว
นารีที่สุขภาพไม่แข็งแรงหลังจากสูญเสียลูกสาวสุดที่รักไป ก็เหมือนตัวคนเดียว ร่างกายซุบผอม ตรอมใจตายตามลูกสาวไปอีกคนในเวลาไล่เรี่ยกัน
ที่ผ่านมา นลินติดต่อกับลลินมาตลอด พวกเธอเป็นพี่น้องที่รักกันมาก ลลินแม้จจะไม่ได้อยู่กับแม่ แต่ก็รู้สึกสำนึกบุญคุณมาตอดไม่เคยทอดทิ้ง แอบส่งเงินให้อยู่ตลอดเพราไม่อยากแม่กับพี่สาวต้องลำบาก และถึงแม้ว่ากิตติกับนวลฉวีจะไม่ยอมรับนารีและโกรธลูกสาวมาก แต่ก็แอบฝากเงินเอาไว้ให้มากมาย แต่ยังไม่ทันได้มอบให้ ทั้งคู่ก็ตายจากไปเสียก่อน
ความบาดหมางในใจมันจบสิ้นลงนับแต่นั้น
“ฝุ่นกลับมาแล้วนะคะ ฝุ่นจะอยู่ที่นี่กับคุณยาย ดีไหมคะ”
“พูดจริงหรือเปล่า ไม่หลอกกันใช่ไหม” นวลฉวีลูบแก้มหลานสาวไปมาหลายรอบ
“จริงค่ะ ฝุ่นจะกลับมาอยู่กับคุณยายนะคะ ไม่รู้ว่าคุณยายจะอยากให้ฝุ่นมาอยู่ที่นี่ไหม” คนสวยแกล้งทำตาปริบๆใส่
“โธ่ บ้านนี้ยังไงก็เป็นหนู ทำไมหนูจะอยู่ไม่ได้ล่ะลูก ลำเจียก ลำเจียกมาหาฉันหน่อย”
ท่านเรียกหาคนสนิทเสียงดัง
“ค่ะคุณท่าน มีอะไรคะ เสียงดังใหญ่เชียวประเดี๋ยวก็ความดันขึ้นอีกหรอกค่า” แม่บ้านใหญ่รีบเดินเข้ามาพร้อมหน้าตาบึ้งตึงเพราะถูกเรียกเสียงดัง
“ก็มาดูเองสิว่าใครมา” คนเป็นนายทำเสียงคล้ายจะงอนที่ถูกดุใส่
ลำเจียกอ้าปากกว้างมองลลินด้วยสายตาตื่นตะลึง
“คุณหนูเล็ก นี่คุณหนูเล็กจริงๆใช่ไหมค้า โฮ คุณหนูเล็กของนม” ลำเจียกทั้งกอดทั้งหอมลลินเป็นการใหญ่ พูดไปก็ร้องไห้ไป
“นม ไม่ร้องสิคะ เดี๋ยวไม่สวยนะ” คนช่างเย้ายื่นมือไปไล้น้ำตาจากใบหน้าหญิงชราอีกคน
“โธ่ ก็นมคิดถึงคุณหนูนี่คะ หายไปตั้งสองปีไม่สงสารคนแก่เลย” แขนเล็กเกี่ยวเอวของลลินเอาไว้แน่น
“กลับมาแล้วค่ะ ฝุ่นกลับมาแล้ว จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ”
“ดีค่ะ ดีมากๆเลยค่ะ จะได้มาคอยดูแลคุณยายนะคะ ชอบดื้อไม่ยอมกินยาอยู่เรื่อย” ได้ทีก็ฟ้องเสียเลย
“นี่ใครเป็นเจ้านายกันแน่เนี่ย ฉันไปดื้อตอนไหนกัน” นวลฉวีอ้าปาดหวอที่ถูกใส่ความ
“ไม่รู้แหละ คุณหนูจัดการเลยนะคะ ชอบไม่ยอมกินยาตามหมอสั่ง”
ลลินยิ้มขำ ทั้งสอบชอบทะเลาะกันประจำแต่ก็รักกันมากเลยเชียวแหละ
“เอาล่ะค่ะ เดี๋ยววันอาทิตย์ฝุ่นจะให้คนขนของเข้ามา ยังไงรบกวนนมช่วยจจัดห้องให้หน่อยนะคะ”
“ได้สิคะ ได้เลย” ลำเจียกยิ้มกว้าง ยินดีเสมอแค่เพียงคุณหนูของนางต้องการ
“วันนี้ฝุ่นจะอยู่ทานข้าวเย็นกับคุณยายนะคะ” เธอหันไปหานวลฉวีแล้วยิ้มอ้อน
“อยากกินอะไรล่ะเดี๋ยวยายจะทำให้กิน”
“อะไรก็ได้ค่ะ คุณยายทำอะไรฝุ่นทานได้หมดเลย เออ นี่ สมิธค่ะ แด๊ดให้มาดูแลฝุ่น ฝากนมจัดห้องที่เรือนรับรองให้ด้วยนะคะ”
“ได้สิคะ คุณบอดี้การ์ดสินะคะ เดี๋ยวนมจัดการให้ค่ะ”
“สวัสดีครับ” สมิธเอ่ยทักทายพร้อมยกมอไหว้อย่างนอบน้อม
“ตายจริง พูดไทยชัดเชียว หน้าฝรั่งขนาดนี้นึกว่าพูดไม่ได้” นวลฉวีอุทานด้วยความแปลกใจ
“สมิธเขาเรียนเขียนอ่านไทยมาค่ะคุณยาย เลยพูดได้”
“อ๋อ แบบนีนี่เอง เก่งนะเรา ลำเจียกไปเอาน้ำกับขนมมารับแขกไป”
“ได้ค่ะคุณท่าน คุณหนูรอก่อนนะคะเดี๋ยวนมมา”
“ค่ะนม”
ลลินยิ้มตามความกระตือรือร้นของลำเจียยก ก่อนจะหันมาชวนนวลฉวีพูดคุย ส่วนสมิธก็เดินไปยืนห่างๆให้เจ้านายคุยกัน
“ขออนุญาตนะคะ” ลำเจียกกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่ทำเอาลลินิมองด้วยความสนใจ
“ใครเหรอคะคุณยาย”
“อ๋อ นี่น้ำขิง หลานสาวชม้อยแม่ครัวของบ้านเราจ้ะ”
“น้ำขิง สวัสดีคุณหนูเล็กสิ คนนี้ไง ที่ฉันเคยเล่าให้เธอฟังบ่อยๆ” นวลฉวีว่า
“สวัสดีค่ะคุณหนูเล็ก” เขมจิรามองคุณหนุเล็กที่คุณท่านของเธอพูดถึงอยู่ตลอดแล้วยิ้มบางๆ สายตาชื่นชมและชื่นชอบจนเก็บไม่มิด
“อายุเท่าไหร่เหรอ”
“ปีนี้ยี่สิบเอ็ดค่ะ”
“เรียนจบหรือยัง”
“เดือนนี้ก็จบแล้วค่ะ”
“มีงานที่อยากทำหรือยัง”
“สมัครไปหลายที่แต่ยังไม่ตอบกับค่ะ”
“เรียนอะไรมาเหรอ”
“เอ่อ ... การจัดการค่ะ”
“ทำงานเลขาได้ไหม”
“คะ...” เขมจิรากระพริบตาปริบๆ
“งานเลขาน่ะ ทำได้ไหม”
“คิดว่าได้นะคะ” ถึงจะดูไม่เกี่ยวข้องกับที่เรียนมา แต่เธอเป็นคนละเอียดรอบครอบ งานเลขาไม่น่ายากอะไร
“ดี อีกเดือนนึงก็จบแล้วใช่ไหม”
“ค่ะคุณหนู”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันรับเธอเข้ามาเป็นเลขาของฉันเริ่มงานได้เลยตั้งแต่ตอนนี้”
