บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9 นางฟ้ารวมร่างกับพญามาร

9

นางฟ้ารวมร่างกับพญามาร

ร่างบางของมณีรินที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับแปลงกุหลาบที่ถูกปลูกเป็นแถวข้างทางเดินที่เทราดด้วยปูนซีเมนต์หน้าบ้านหลังใหญ่ของภูผา ต้องหยุดเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงของศิลาที่เดินลิ่วๆ ตรงไปยังท้ายเหมือง มณีรินทิ้งกรรไกรตัดกิ่งในมือก่อนจะวิ่งตามร่างสูงไป

ศิลามาหยุดยืนอยู่ที่ใต้ต้นก้ามปูต้นใหญ่ ดวงตาคมกริบทอดมองออกไปข้างหน้า รายงานที่ได้รับแจ้งมานั้นบอกให้รู้ว่าพญามารไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้แล้ว ไอ้เมฆามันส่งพวกให้แทรกแซงเข้ามาในเหมืองแล้ว และตอนนี้เหมืองชัยเชษฐ์กำลังมีหนอนบ่อนไส้ ใครคนใดคนหนึ่งหรืออาจหลายคน

แร่หลายชนิดที่เปลี่ยนเป็นมูลค่ามหาศาลกำลังถูกขนย้ายออกไป เหมืองชัยเชษฐ์มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล เนื้อที่หลายพันไร่ทำให้เขาต้องเพิ่มความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้นไปอีก แต่ก็ยังไม่วายมีช่องว่างให้ศัตรูได้ลักลอบเข้ามาจนได้ เห็นทีจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้วและคงต้องทำด้วยตัวเอง เพราะนายหัวนั้นมีภาระหนักอึ้งที่ต้องดูแลอยู่ในตอนนี้

เมื่อคิดถึงคนที่เป็นภาระหนักอึ้งของภูผา ศิลาต้องผ่อนลมหายใจออกมายืดยาว ท่าทางรังเกียจที่พิมพ์มาดาแสดงออกต่อเขา ช่างบีบรัดหัวใจแกร่งยิ่งนัก ชายหนุ่มรู้ดีว่านายหัวต้องมีใจให้หญิงสาวแน่นอน ไม่อย่างนั้นคนที่เฉยชาต่อทุกเรื่องอย่างภูผา คงไม่สนใจจะดูแลและปกป้องพิมพ์มาดาด้วยตัวเองแบบนี้ แม้กระนั้นศิลาก็ยังเลิกคิดถึงหล่อนไม่ได้อยู่ดี ดวงตากลมโตเป็นประกายสุกใสเวลายิ้ม ริมฝีปากอิ่มน่าจูบ ผิวพรรณเนียนละเอียดขาวผ่อง ทุกอย่างที่รวมกันเป็นพิมพ์มาดาช่างน่าพิศมัยเหลือเกิน มีคนงานในเหมืองหลายคนที่ชื่นชอบหญิงสาว แม้จะได้เห็นเพียงไกลๆ ก็ตามและหนึ่งในนั้นก็คือตัวเขาเอง

“จ๊ะเอ๋”

เสียงทักทายดังข้างๆ หู ทำให้ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ความคิด

“น้ำค้าง! ตกใจหมดเลยมาทำไมเงียบๆ”

“น้ำค้างไม่ได้มาเงียบๆ นะ แต่พี่หินมัวแต่คิดอะไรอยู่เลยไม่ได้ยินเสียงต่างหาก”

ศิลาเบ้ปากน้อยๆ เขาเมินหน้าหนีไปทางอื่น

“เป็นอะไรไปคะ ดูทำหน้าเข้าสิ”

“น้ำค้าง เธอมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มี แค่เห็นพี่หินเดินมาก็เลยเดินตามมาบ้าง”

ศิลาหันมามองมณีรินนิ่งชั่วครู่ และทำท่าจะเดินหนีหล่อน

“ทำไมต้องทำเหมือนรังเกียจน้ำค้างด้วยล่ะ” มณีรินโพล่งออกมาอย่างอดไม่อยู่ หลายครั้งที่ศิลาชอบทำเมินเฉยใส่เธอผิดกับเมื่อก่อนนี้ ศิลากับมณีรินสนิทสนมกันมาก คุยกันกระเซ้าเย้าแหย่กันได้ตลอด แต่เดี๋ยวนี้แม้แต่หน้าเธอ เขาก็ไม่อยากจะมองเลยด้วยซ้ำ

ศิลาชะงักเท้านิ่ง ก่อนจะหันกลับมามองหญิงสาว ดวงตาคมไล่ต่ำลงไปมองมือบางที่กำแน่นอยู่ข้างลำตัว

“เธอพูดอะไร น้ำค้าง”

“น้ำค้างพูดเรื่องจริง แต่ก่อนพี่หินไม่เคยเป็นแบบนี้ แต่เดี๋ยวนี้คอยแต่จะเดินหนีน้ำค้างอยู่เรื่อย ทั้งที่น้ำค้างไม่ได้ทำอะไรผิด”

“ฉันไม่ได้จะเดินหนีเธอ แต่ถ้าเธอไม่มีอะไรจะพูดกับฉัน ฉันก็จะเดินกลับบ้าน”

“น้ำค้างก็ถามพี่หินอยู่นี่นาว่าพี่หินเป็นอะไร พี่หินก็ไม่ตอบ”

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร”

มณีรินฟังน้ำเสียงที่เฉยชานั้นแล้วก็ต้องน้ำตาคลอเบ้า สาวน้อยหลงรักศิลามาตั้งนานแล้ว ถึงเขาจะไม่ได้รักกลับ หญิงสาวก็ไม่เสียใจ แต่หญิงสาวทนท่าทางเฉยชาไม่ไยดีต่อไปไม่ได้

“ถ้าไม่อยากให้น้ำค้างอยู่ใกล้ๆ ก็บอกมาตรงๆ ก็ได้ น้ำค้างจะรีบไปให้ห่างๆ ทันที”

มณีรินบอก ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปทันที

ศิลามองตามร่างบางไปอย่างไม่เข้าใจหญิงสาว ชายหนุ่มถอนใจออกมาแรงๆ ส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินกลับไปบ้าน เมื่อคิดได้ว่ายังมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า

ภูผานั่งเฝ้าพิมพ์มาดาอยู่ข้างเตียงนั้นต้องถอนใจออกมานับครั้งไม่ถ้วน เมื่อหัวใจแกร่งมันคอยแต่จะหวั่นไหว เลือดในกายหนุ่มฉีดพล่านจนร่างกายของเขาร้อนผ่าวไปหมด

ดวงตาคมกริบมองไปที่ร่างบางที่นอนหลับตาพริ้ม โดยที่มือบางจับมือใหญ่ของเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เขาอยากร้องตะโกนออกมาดังๆ ให้ลั่นเหมือง ว่าเขาไม่ใช่พระอิฐพระปูน เรือนร่างงดงามอรชรของหล่อนเขาก็ได้เห็นมาจนหมดแล้ว และจะให้เขาต้องทนนั่งเฝ้าดูแลหล่อนอย่างใกล้ชิด โดยไม่อาจทำอะไรได้นั้นมันทรมานมากแค่ไหน

“ภูผา” เสียงหวานใสเรียกเขาออกมาเบาๆ

ดวงตากลมโตลืมตาขึ้นมองสบกับดวงตาคมกริบ มือบางกระชับมือใหญ่ให้แน่นขึ้น

“ว่าไงสาวน้อย”

“ไม่ง่วงเหรอดึกแล้วนะ”

คำถามของเธอทำให้ชายหนุ่มต้องเงยหน้าขึ้นกรอกตาไปมา

“ง่วง” ภูผาตอบสั้นๆ

“ถ้าง่วงก็นอนสิ” พิมพ์มาดาบอก พร้อมกับเขยิบกายบนเตียงกว้างให้มีที่ว่างสำหรับชายหนุ่ม

“เอ่อ...จะให้นอนบนเตียงเดียวกันเหรอ” ภูผาถามเพราะไม่แน่ใจกับท่าทีของหญิงสาว

“ทำไมล่ะ” พิมพ์มาดาถามซื่อๆ ดวงตากลมโตมองเขาอย่างต้องการคำตอบ

“ก็...เรา...เธอ...รังเกียจฉัน” ภูผาตอบ

พิมพ์มาดาหน้าแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย และนั่นก็เป็นสัญญาณดีที่เธอเปลี่ยนความรู้สึกหวาดกลัวมาเป็นไว้ใจและตอนนี้กำลังเขินอาย

“ตอนนี้ฉันไม่รังเกียจคุณแล้ว ฉันต้องการคุณ” หญิงสาวอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร

“พิมพ์มาดา...ฉันต้องออกไปนอนข้างนอก” ภูผาบอก

“ไม่นะ อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวนะ” พิมพ์มาดาหน้าเสีย

“ฉันจะให้น้ำค้างมานอนเป็นเพื่อน”

“ไม่เอา...ต้องเป็นภูผา ภูผาคนเดียวเท่านั้น”

ภูผาผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหนักอก เขาจะบอกหญิงสาวได้ยังไงว่าเขาไม่ไว้ใจตัวเอง

“พิมพ์มาดา...ฉันเป็นผู้ชาย ผู้ชายที่มีเลือดเนื้อร้อนแรง ฉันไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ และที่สำคัญ...” ภูผายกมือบางขึ้นมาจรดปลายจมูกโด่งของตน “ฉันเป็นเพศเดียวกับพวกที่ทำร้ายเธอ”

ดวงตาคู่สวยของพิมพ์มาดาไหววาบอย่างตื่นตระหนก แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“แต่ภูผาไม่ใช่พวกนั้น”

ภูผาทิ้งมือบางลงทันที เขากำลังทนต่อความเย้ายวนตรงหน้าไม่ไหว ชายหนุ่มลุกขึ้นและหันหลังให้หญิงสาว

“ฉันต้องออกไปข้างนอก ก่อนจะสายเกินไป” เขาบอกและกำลังจะเดินออกไป แต่ก็มีวงแขนยื่นเข้ามาโอบรอบเอวหนาไว้แน่น

“ไม่นะ ฉันกลัว”

ความนุ่มหยุ่นของทรวงอกอวบที่แนบกับแผ่นหลังกว้าง ทำให้ความยับยั้งชั่งใจที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดนั้นขาดลงทันที ชายหนุ่มหันมารวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขน มือใหญ่เชยคางมนขึ้น ก่อนจะค่อยๆ กดริมฝีปากลงกับเรียวปากนุ่มอิ่มเต็มของพิมพ์มาดา

ภูผาค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป และเมื่อไม่ได้ถูกปฏิเสธไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม หัวใจแกร่งก็ยิ่งฮึกเหิมขึ้น เขาช้อนร่างบางขึ้นไว้ในวงแขนและผ่อนร่างบางลงกับเตียงนุ่มอีกครั้ง ก่อนที่ร่างใหญ่โตจะตามลงไปทาบทับ

“แน่ใจแล้วเหรอ” เขาถามเกือบชิดเรียวปากนุ่ม

พิมพ์มาดาไม่ตอบ แต่มองเขาตาแป๋ว

“โธ่...พิมพ์มาดา...ได้โปรดนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ ถ้าฉันเดินหน้าแล้ว ฉันจะไม่หยุดกลางคันเด็ดขาด”

“ภูผา” หญิงสาวเรียก มือบางยกขึ้นโอบใบหน้าคมคายเอาไว้ “ช่วยรักษาฉันที ได้โปรด”

“พิมพ์มาดา” ชายหนุ่มครางเสียงต่ำ แล้วกดริมฝีปากลงไปบนเรียวปากนุ่ม ปลายลิ้นอุ่นไล้ไปตามไรฟันขาวสะอาด จนหญิงสาวเผยอริมฝีปากออกรับเรียวลิ้นอุ่นที่ซอกซอนเข้าไปควานหาความหวานล้ำยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน

ภูผาตวัดปลายลิ้นอุ่นหยอกเย้าเรียวลิ้นนุ่มของพิมพ์มาดาอย่างเร่าร้อน จากความอ่อนโยนค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เปลี่ยนเป็นความรุนแรงตามอารมณ์ดิบที่อยู่ภายในจิตใจ มือใหญ่กอบกุมทรวงอกอวบอิ่มเอาไว้ ร่างบางสะดุ้งเฮือกจิกปลายเล็บลงไปบนบ่ากว้างของเขา

“ไม่ต้องกลัวนะคนดี ปล่อยตัวตามสบาย ฉันคือภูผาไม่ใช่ใครอื่น” ชายหนุ่มปลอบเสียงนุ่ม

มือบางคลายปลายเล็บลง แต่ยังคงจิกเบาๆ ที่บ่ากว้างเช่นเดิม ภูผากดจุมพิตลงกับพวงแก้มนวลเนียนและขบเม้มใบหูหอมกรุ่น กลิ่นสาบสาวของพิมพ์มาดาช่างหอมเหลือเกิน ชายหนุ่มไล้ปลายลิ้นไปตามลำคอระหง ก่อนจะกดจุมพิตไปจนทั่วผิวเนื้อเรียบเนียน

มือใหญ่ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดจนหมดแถว เขาไล่จุมพิตลงมาที่เนินอกนุ่มนิ่ม ซุกไซ้ไปมาด้วยใบหน้าคมคายที่มีหนวดเคราขึ้นจนเขียว สร้างความเสียวซ่านรัญจวนให้เกิดแก่หญิงสาว ถึงทั้งคู่จะเคยเป็นของกันและกันแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงครั้งเดียวและไม่เคยได้จูงมือกันขึ้นสวรรค์เลยสักครั้ง ฉะนั้นตอนนี้ภูผาจึงต้องใช้กำลังใจอย่างยิ่งยวด เพื่อจะพาหญิงสาวเดินไปถึงดินแดนสุขาวดีที่รอคอยมานาน

พิมพ์มาดาคลายความหวาดกลัวลงไปมากกับสัมผัสที่อ่อนโยนแนบชิด เธอกัดริมฝีปากตนเองเอาไว้ เมื่อภาพเหตุการณ์อันเลวร้ายได้ผ่านเข้ามาในห้วงคำนึง และภูผาก็รับรู้ได้จากที่ร่างบางนั้นเกร็งตัวขึ้นมา

“พิมพ์มาดา” เขาเรียกชิดอกนุ่ม และเสียงของภูผาก็ทำให้หล่อนคลายความหวาดกลัวลงไป

ภูผาใช้ริมฝีปากเข้าครอบครองยอดทรวงสีทับทิม เขาดูดกลืนเบาๆ ตวัดปลายลิ้นไปมาบนเม็ดยอดที่หดตัวแข็งเป็นไต เรียกเสียงครวญครางออกมาจากริมฝีปากนุ่มของพิมพ์มาดา

“ภูผา”

ภูผาย้ายไปทักทายแบบเดียวกันกับอีกข้าง ร่างบางแอ่นหยัดขึ้นหาร่างหนา ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างงดงาม ผิวนวลเนียนไร้ที่ติยิ่งทำให้อารมณ์ของภูผาตื่นเพริดขึ้นไปอีก

นายหัวหนุ่มเลื่อนริมฝีปากลงไปยังหน้าท้องแบนราบ ทักทายสะดือสวยเล็กๆ ด้วยปลายลิ้น ก่อนจะไล้เรื่อยลงไปที่ขอบกางเกงยางยืดที่พิมพ์มาดาสวม ชายหนุ่มเกี่ยวขอบกางเกงลงด้วยปลายนิ้วเรียวและเลื่อนลงไปจนพ้นปลายเท้า

ดวงตาคมกริบที่เต็มไปด้วยความต้องการนั้นหรี่ลง กวาดมองไปทั่วร่างระหงที่งดงามไม่มีที่ติของพิมพ์มาดา ร่างบางที่อ่อนระทวยเรียกร้องให้เขารีบตามลงไปบดเบียดแนบกาย ซึ่งภูผาก็ไม่ปฏิเสธ ชายหนุ่มก้มลงไปจุมพิตเบาๆ ที่เนินเนื้ออวบอิ่มกลางร่างสาว พิมพ์มาดาผวาเฮือกขึ้นมาอีก มือบางขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่น ริมฝีปากนุ่มถูกเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง

“ปล่อยตัวตามสบาย อย่าเกร็งนะที่รัก” ภูผาเงยหน้าขึ้นพูดปลอบใจหญิงสาว ก่อนจะกดริมฝีปากลงไปใหม่

“ภูผา...” พิมพ์มาดาครางออกมาดังลั่นอย่างเสียวซ่านจนห้ามไม่อยู่

มือใหญ่แยกเรียวขาเสลาออกกว้าง ภูผาแทรกกายเข้าหาร่างบาง ผลักดันต้นขาอวบไปด้านหน้า ดูดกลืนยอดเกสรดอกไม้งามเข้าไปในโพรงปากร้อน ร่างบางผวาส่ายไหวราวกับกิ่งไม้ลู่ลม จนกระทั่งหยาดน้ำหวานถูกขับออกมาเกสรสาว ชายหนุ่มดูดดื่มความหวานนั้นอย่างกระหาย ปลายลิ้นร้อนสากตวัดไล้กลีบกุหลาบงามจนถ้วนทั่ว ก่อนผละออกและแทนที่ด้วยปลายนิ้วเรียวยาว

พิมพ์มาดากำลังเจ็บปวดกระวนกระวายด้วยความเสียวซ่าน แต่ในความทรมานนั้น หญิงสาวพบกับความสุขสมที่ซ่อนตัวอยู่ ปลายนิ้วเรียวสอดลึกและถอดถอนออก ก่อนจะสอดเข้าไปใหม่อีกครั้ง หญิงสาวจิกปลายเล็บลงบนบ่ากว้างเรียกเลือดของชายหนุ่มให้ซึมออกมาเล็กน้อย ยิ่งเมื่อพิมพ์มาดาพบกับความสุขสม เลือดของภูผาก็ยิ่งซึมออกมามากกว่าเดิม ชายหนุ่มเจ็บแต่ยินดีรับความเจ็บปวดนั้นไว้ ถ้าจะทำให้หญิงสาวหายเป็นปกติ

ภูผาถอดถอนปลายนิ้วช่ำชองออก และเลื่อนตัวขึ้นมอบจุมพิตที่มีกลิ่นกายของร่างสาว ให้เจ้าของอย่างพิมพ์มาดาได้รับรส

“ภูผา” เสียงของพิมพ์มาดาที่ครางออกมาถูกกลืนเข้าไปในลำคอหนา ก่อนที่ชายหนุ่มจะถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง

เขาผละจากร่างบางเพื่อถอดเสื้อผ้าของตนเอง และรีบทิ้งตัวลงมาทาบทับร่างบางเอาไว้

“ที่รัก...เชื่อมั่นในตัวฉัน”

ภูผาบอกเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ สอดความอวบหนาที่ร้อนระอุเข้าไปในความนุ่มนิ่มที่รัดรึง

“ภูผา...” พิมพ์มาดาครางเสียงกระเส่าดังลั่น จนชายหนุ่มต้องรีบปิดปากนุ่มด้วยเรียวปากร้อนๆ ของตัวเอง

ชายหนุ่มนิ่งค้างเอาไว้ชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มขยับตัวอีกครั้ง ความรัดรึงตอดหนึบทำให้เขาต้องถอนริมฝีปากออกจากเรียวปากนุ่มและใช้ฟันกัดริมฝีปากของตัวเองแทน ร่างสูงใหญ่มีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มร่างกาย เพราะความร้อนระอุจากเพลิงพิศวาส

ภูผาเร่งจังหวะรักให้เร็วขึ้น ไม่นานร่างสูงก็เกร็งกระตุกเยือก เมื่อจูงมือบางเดินข้ามผ่านเส้นเขตแดนขึ้นไปเยือนสรวงสวรรค์พร้อมๆ กัน ธารรักร้อนระอุทุกหยาดหยดถูกปลดปล่อยออกมาสู่ความร้อนผ่าวในร่างสาว ลมหายใจของทั้งคู่หอบประสานกันราวดนตรีรักที่ขับกล่อมได้อย่างไพเราะ

ภูผาทิ้งกายลงบนร่างบาง ก่อนจะหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน

มณีรินเดินก้มหน้าจ้ำอ้าวออกมาจากบ้านใหญ่ของภูผา โดยไม่ได้มองดูทางข้างหน้า จึงทำให้ชนเข้ากับร่างสูงตระหง่านของศิลาที่กำลังเดินอยู่ทันที ร่างบางถึงกับเซแซดๆ จวนเจียนจะล้มลง แต่วงแขนแข็งแรงของศิลาก็เกี่ยวเอวบางเอาไว้ได้ทัน

“ว้าย!” มณีรินร้องเสียงหลง เมื่อรู้สึกว่าชนกับหินผาแต่ไม่ยักจะเจ็บ หญิงสาวเหลือบตากลมโตขึ้นมองใบหน้าคมเจ้าของวงแขนที่รวบร่างหล่อนเอาไว้ เมื่อเห็นว่าเป็นใครมือบางก็ยันอกกว้างเอาไว้และผลักแรงๆ ศิลาหรี่ตาลงอย่างฉุนๆ และปล่อยอ้อมแขนออกทันที ส่งผลให้ร่างบางของมณีรินหงายหลังก้นจ้ำเบ้ากับพื้น

“โอ้ย! จะปล่อยทำไมไม่บอกกันก่อน” หล่อนตวาดแหว

“อ้าว...แล้วเธอผลักฉันออกทำไม ฉันอุตส่าห์ช่วยเธอนะเนี่ย” ศิลาตะคอกกลับมา

มณีรินยันตัวลุกขึ้น มือบางปัดไปตามสะโพกงอนงามที่มีเศษดินติดอยู่ ดวงตาคู่สวยตวัดค้อนคมให้ชายหนุ่ม กิริยาท่าทางราวเด็กดื้อของมณีรินทำให้ชายหนุ่มต้องกลั้นยิ้มเอาไว้ในหน้า

“เดินยังไงไม่ดูตาม้าตาเรือ มัวแต่ก้มมองหาอะไรอยู่ได้”

“ถ้าพี่หินเห็นว่าน้ำค้างเดินไม่ดูมัวแต่ก้มหน้าอยู่ แล้วทำไมพี่หินไม่หลีกทางให้น้ำค้างล่ะ จะได้ไม่ต้องชนกันแบบนี้”

“อ้าว...นี่กลายเป็นว่าฉันผิดเหรอ ที่ไม่หลีกทางให้เธอ”

“ใช่ ก็น้ำค้างไม่เห็นว่ามีพี่หินอยู่ข้างหน้า แต่พี่หินเห็นว่าน้ำค้างกำลังจะเดินชน พี่หินก็หลบสิ” หล่อนเถียงข้างๆ คูๆ เพราะยังรู้สึกโกรธกับเรื่องเมื่อตอนเย็นไม่หาย

“ก็ได้ ฉันผิด พอใจรึยัง”

“อืม” มณีรินรับคำในลำคอ และทำท่าจะเดินเลี่ยงศิลาไปอีกทาง แต่ก็ถูกมือหนารั้งแขนเรียวบางเอาไว้

“เดี๋ยว...เมื่อกี้จะรีบเดินไปไหน ถึงได้จ้ำอ้าวขนาดนั้น” เขาถาม

มณีรินหันไปมองใบหน้าคมเข้มของศิลา และเมื่อคิดถึงเรื่องที่หล่อนเพิ่งจะไปเจอมาก็หน้าแดงซ่านเป็นลูกมะเขือเทศ ชายหนุ่มมองเห็นใบหน้านวลที่แดงจัดขึ้นมาทันตา ก็ให้ยิ่งสงสัยขึ้นไปอีก

“รีบกลับบ้านน่ะสิถามได้” หล่อนตอบไม่ยอมสบตาคมกริบ

“รีบกลับบ้าน ทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ”

“โอ้ย! จะถามทำไมนักหนานี่ ก็บอกว่าจะกลับบ้านๆ ไงเล่า” มณีรินแสร้งโวยวายเพื่อกลบเกลื่อน จะให้หล่อนบอกได้ยังไง ว่าได้ไปเห็นฉากเลิฟซีนที่ร้อนฉ่าของภูผากับพิมพ์มาดาในห้องนอน ที่ประตูห้องปิดไม่สนิทจนคนข้างนอกอย่างหล่อนมองเข้าไปเห็นทุกฉากทุกตอนได้ชัดเจน

“โกหก”

“ถ้ารู้ว่าน้ำค้างโกหก แล้วพี่หินจะถามให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะ ในเมื่อโกหกก็เพราะไม่อยากให้รู้ แล้วยังจะถามทำไมอีก”

ศิลาหน้าชาไปนิด เมื่อโดนเด็กสาวอย่างมณีรินสวนกลับ ดวงตาคมเป็นประกายวาววับเมื่อความโมโหเริ่มครอบคลุมจิตใจ เขาเองก็ถามดีๆ กับเธอ แต่มณีรินกลับตวาดแหวตอกกลับใส่ไม่ไว้หน้าเสียนี่

“น้ำค้าง” ศิลาเรียกเสียงต่ำ

มณีรินพยายามจะสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ก็ไม่เป็นผล มือใหญ่เพิ่มแรงบีบลงไปอีกตามอารมณ์

“ฉันถามเธอดีๆ นะ ทำไมเธอต้องยียวนกวนประสาทฉันด้วย”

“น้ำค้างไม่ได้ยียวนกวนประสาทอะไรทั้งนั้น แต่น้ำค้างบอกไม่ได้” มณีรินลืมตัวหลุดปากออกไปเพราะความโมโห

“บอกไม่ได้ อะไรที่บอกไม่ได้” ศิลาหรี่ตาคมลง จับจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวยของมณีริน

“กะ...ก็...ก็...อ๊าย...จะบอกได้ยังไงกัน น้ำค้างไม่พูดหรอก พี่หินอย่าซักไซ้ให้ยากเลย มันไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาพูดกัน”

“น้ำค้าง...จะบอกหรือไม่บอก” ศิลาบอกเสียงเย็น ใบหน้าคมคายนั้นเรียบเฉย เย็นยะเยือกจนหญิงสาวอดกลัวไม่ได้

“ไม่บอก เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่บอกหรอก” หล่อนบอก พลางบิดแขนเรียวให้หลุดพ้นจากมือใหญ่ หล่อนบิดจนเจ็บแขนไปหมด ศิลาก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย

“ไม่บอกใช่มั้ย งั้นมานี่” ชายหนุ่มลากร่างบางที่ขืนตัวเอาไว้สุดฤทธิ์ ให้เดินตามไปหยุดลงที่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง

“พี่หินจะพาน้ำค้างไปไหน ปล่อยน้ำค้างนะ น้ำค้างไม่มีอะไรจะบอกพี่หินหรอก ปล่อยนะ” หญิงสาวร้องไปดิ้นไป

ศิลาดันร่างบางให้พิงต้นไม้ แล้วกักตัวหญิงสาวไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง ดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่วใบหน้านวลเนียม ดวงตากลมโต จมูกโด่งเล็กๆ ปลายจมูกรั้นขึ้นเล็กน้อยบ่งบอกว่าเจ้าของนั้นดื้อเพียงใด พวงแก้มแดงระเรื่อแม้ในยามมืดมิดเช่นนี้ก็ยังมองเห็น ก่อนที่ดวงตาคมจะหยุดลงที่ริมฝีปากอิ่มเต็มสีชมพูระเรื่อโดยไม่ต้องพึ่งลิปสติกใดๆ เลย

ศิลารู้สึกเหมือนโดนต่อยที่ท้องอย่างจัง เมื่อได้สังเกตเห็นความงดงามตามธรรมชาติของมณีริน หล่อนไม่สวยสะดุดตาอย่างพิมพ์มาดา แต่สวยใสน่ารักน่าปรารถนาจนเขากำลังจะอดใจไม่อยู่

“จะบอกหรือไม่บอก” ชายหนุ่มถามเบาๆ อีกครั้ง

“ไม่บอก” มณีรินยังยืนยันคำเดิม

ศิลาลดใบหน้าลงต่ำจนกระทั่งปลายจมูกของทั้งคู่แทบชนกัน มณีรินเบิกตากลมโตขึ้น หญิงสาวเบียดแผ่นหลังเข้าหาต้นไม้จนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันอยู่รอมร่อ ความใกล้ชิดสนิทสนมขนาดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ลมหายใจหญิงสาวสะดุด ริมฝีปากอิ่มถูกเม้มเข้าหากันแน่น

“จะบอกมั้ย” ศิลาถามมณีรินอย่างให้โอกาสอีกครั้ง

“ไม่” มณีรินเผยอปากออกและปฏิเสธออกไปทันที

แต่สาวน้อยพลาดไปแล้ว เมื่อศิลาถามเพียงเพื่อหลอกล่อให้เธอยอมเปิดปาก ชายหนุ่มประกบริมฝีปากอุ่นจัดลงไปทันที

“อื้ม” มณีรินร้องอึกอักอยู่ในลำคอ มือบางไล่ทุบไปทั่วบ่ากว้างแข็งแรงของเขา

ศิลาจุมพิตเรียวปากนุ่มเบาๆ ก่อนจะถอนริมฝีปากออก ดวงตาคมมองจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตที่เบิกกว้างอย่างตกใจ เขากดปลายจมูกลงกับแก้มนวลหนักๆ อย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะกดริมฝีปากร้อนๆ ลงกับเรียวปากนุ่มอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เรียวปากนั้นไม่ยอมเผยอให้เขาได้ซุกซอนปลายลิ้นเข้าไปหาความหวานได้ตามใจชอบอีก

“อ้าปากนิดซิ” เขาสั่งเสียงแหบพร่า

มณีรินกลับเม้มปากแน่นขึ้น ใบหน้านวลเนียนส่ายไปมาจนเส้นผมสลวยกระจายยุ่งเหยิงไปหมด

“น้ำค้างอย่าดื้อน่า” ศิลาเอ็ดเสียงเข้ม

“ก็พี่หินจะทำอะไรน้ำค้างอีกล่ะ” หญิงสาวยอมเปิดปากพูด

ศิลาไม่ตอบ แต่กลับฉกปากวูบลงไป แต่ไม่ทันมือบางที่ยกขึ้นมาดันปิดปากร้อนๆ ไว้ได้ทัน ศิลาจึงปล่อยมือที่ยันกับต้นไม้เอาไว้มารวบเอวบางไว้แทน ร่างบางที่ซ่อนรูปเอาไว้ภายใต้เสื้อผ้าชุดธรรมดาๆ คือเสื้อเชิ้ตพับแขนขึ้นเหนือข้อศอก สอดชายไว้ในกางเกงยีนส์พอดีตัวนั้นอวบอิ่มนักเมื่อได้สัมผัสเพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็เถอะ และศิลาก็อยากจะสัมผัสร่างนั้นให้มากขึ้นกว่านี้

ศิลาพยายามจะกดใบหน้าลงสู้กับมือบางที่ดันอยู่ แต่มณีรินก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีอยู่ดันค้างไว้

“ยอมแล้วๆ พี่หินอยากจะรู้อะไร น้ำค้างจะยอมบอกแล้วแต่ห้ามทำอะไรน้ำค้างอีกนะ” หล่อนบอก

ชายหนุ่มจึงหยุดชะงัก เขาคลายอ้อมแขนออกแต่ยังไม่ยอมปล่อยไปโดยดี หญิงสาวหน้างอง้ำเป็นจวัก และค่อยๆ ละมือบางลงช้าๆ เพื่อให้แน่ใจว่าศิลาจะไม่ทำอะไรเธออีก

“ว่ามา”

มณีรินสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ใบหน้านวลเนียนหน้ายังคงแดงซ่านแต่ไม่ใช่เพราะภาพของภูผาและ พิมพ์มาดายังติดตา แต่เป็นเพราะการกระทำที่จาบจ้วง แต่อ่อนหวานของชายหนุ่มตรงหน้า

“น้ำค้างเห็น...นายหัวภูกับกระถิน กะ...กำ...กำลัง เอ่อ...กำลัง...เล่นจ้ำจี้กันอยู่ในห้องนอน” มณีรินบอกอย่างตะกุกตะกัก และก็ก้มหน้างุดอย่างเขินอาย

ศิลารู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจเพียงนิดเดียว แปลกที่เขากลับไม่ได้รู้สึกเสียใจมากอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะว่าในเวลานี้เขามีสิ่งอื่นที่น่าสนใจกว่า และเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าถึงยังไงนางฟ้าสาวแสนสวยก็คงไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมือพญามารไปได้ ฉะนั้นตัดใจและหันมาสนใจสิ่งที่งดงามบริสุทธิ์ผุดผ่องที่อยู่ตรงหน้าดีกว่า

ชายหนุ่มกดใบหน้าลงไปอีกครั้ง และหญิงสาวที่เตรียมรับมือไว้อยู่แล้วก็ยกมือบางปิดริมฝีปากร้อนๆ ไว้ได้ทันท่วงทีอีกหน

“ไหนว่าจะไม่ทำอะไรน้ำค้างอีกไงล่ะ” มณีรินละล่ำละลักบอกเสียงสั่น

“บอกตอนไหน” ศิลาพูดชิดมือบาง เขาจูบฝ่ามือบางแรงๆ หญิงสาวรู้สึกจั๊กจี้จนต้องปล่อยมือลง แล้วนั่นก็เป็นการเปิดทางให้ริมฝีปากร้อนๆ ได้แนบลงกับเรียวปากนุ่ม

“อื้ม” มณีรินร้องออกมา แต่เสียงก็ดังได้แค่เพียงในลำคอเท่านั้น

ศิลาส่งปลายลิ้นอุ่นเข้าไปหาความหวานในโพรงปากนุ่ม เขาตวัดปลายลิ้นกวาดไล้ไปจนทั่วโพรงปาก ก่อนจะตวัดปลายลิ้นรัดแน่นกับลิ้นเล็กๆ อย่างหยอกล้อ หลอกล่ออย่างมีชั้นเชิง ความหวานที่ได้รับนั้นทำให้หัวใจแกร่งหวั่นไหว มือหนาเลื่อนลูบไล้ไปตามสีข้างของร่างบาง ความอ่อนหวานที่เขามอบให้ทำให้การต่อต้านของมณีรินแปรเปลี่ยนเป็นความรัญจวน

มือบางที่ยกขึ้นทุบอกกว้าง ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นยึดเหนี่ยวบ่ากว้างเอาไว้ เมื่อชายหนุ่มเปลี่ยนจุมพิตที่อ่อนโยนเป็นหนักหน่วงและเรียกร้อง ลำแขนเพียงข้างเดียวที่รวบเอวบางเอาไว้รั้งร่างบางขึ้นสูงให้แนบชิดกับกายแกร่งมากยิ่งขึ้น จนปลายเท้าบางนั้นลอยขึ้นจากพื้น

ริมฝีปากร้อนผ่าวนั้นเรียกร้องความหวานจากเรียวปากนุ่มจนหญิงสาวหายใจไม่ทัน มณีรินต้องเบนหน้าหนีเพื่อสูดลมหายใจเข้าปอด

ศิลาผละจากเรียวปากนุ่มชุ่มชื้นที่แสนหวาน ไล้ลงไปตามลำคอระหงหอมกรุ่นกลิ่นแป้งเด็ก แต่ความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาที่ไม่ได้แต่งเติมนั้น กลับฉุดกระชากความต้องการของศิลาให้ลุกฮือยิ่งขึ้น มือใหญ่เลื่อนขึ้นมากอบกุมทรวงอกอวบที่มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ว่ามันงดงามเต่งตึงอยู่ภายใต้ฝ่ามือใหญ่แค่ไหน แม้จะไม่ได้ประจักษ์แก่สายตาก็เถอะ

“พี่หิน” มณีรินครางเรียกชื่อชายหนุ่มเสียงกระเส่า ดวงตากลมโตหลับพริ้มด้วยความรัญจวนใจ

ศิลาซุกไซ้ใบหน้าคมคายไปตามลำคอระหงทั้งสองข้าง มือใหญ่ผละออกจากทรวงอกอวบเลื่อนขึ้นไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่หล่อนสวมลงมาจนได้ระดับ และสอดฝ่ามือใหญ่เข้าไปสัมผัสเนื้อแท้ที่ซ่อนอยู่ภายใน เขาละใบหน้าลงไปบนเนินอกอวบที่โผล่พ้นบราเซียสีหวานออกมา

“พี่หิน” มณีรินครางเบาๆ อีกครั้งก่อนจะลืมตาขึ้น ดวงตาหรี่ปรือมองไปรอบๆ บริเวณที่เงียบสงัดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของใครก็ตามที่เดินเข้ามาใกล้

หญิงสาวได้สติเต็มที่และผลักร่างสูงออกเต็มแรง จนคนที่ยังจมอยู่ในวังวนพิศวาสที่แสนหวานเซถอยหลังไปนิดๆ มือบางคว้าหมับเข้าที่สาบเสื้อที่แยกออกจากกัน เมื่อมีสติน้ำตาใสๆ ก็เอ่อคลออยู่ในเบ้าตา เพราะเสียใจกับการปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ชายหนุ่มเชยชมได้ง่ายดาย แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่เธอหลงรัก แต่ความจริงที่ว่าชายหนุ่มไม่ได้รักเธอมากไปกว่าความเป็นน้องสาว ทำให้มณีรินต้องทุกข์ใจและอับอายยิ่งนัก

“น้ำค้าง” ศิลามองสาวน้อยที่ยืนตัวสั่นอยู่อย่างเสียใจ “ฉันขอโทษ” เขาเอ่ยขอโทษหล่อนด้วยความจริงใจยิ่งยวด

“เพี๊ยะ” เสียงฝ่ามือกระทบแก้มสากดังลั่น ศิลาหน้าหันไปตามแรงตบทันที

“เฮ้ย! ใครอยู่ตรงนั้นวะ” เสียงคนตะโกนถามอยู่ไม่ไกล

มณีรินมองไปตามเสียง ก่อนจะหันกลับมามองศิลาอย่างตัดพ้อ หญิงสาวรีบติดกระดุมเสื้อมือไม้สั่นและกำลังจะวิ่งหนีไป แต่มือใหญ่ของศิลาก็คว้าเอาไว้

“เดี๋ยวสิ”

“เพี๊ยะ” มณีรินตวัดฝ่ามือใส่แก้มสากอีกครั้งและสะบัดแขนจนหลุดจากการเกาะกุม ก่อนจะวิ่งหนีไป

ชายหนุ่มร่างสูงได้แต่มองตามด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง โดยที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel