บท
ตั้งค่า

Ep.4

“แล้วเป็นไงบ้าง เด็ดไหม” ภานุวัฒน์ยื่นหน้าเข้าไปถามเพื่อนรักใกล้ๆ อย่างอยากรู้เต็มแก่ แต่คนที่ถูกถามกลับทำหน้าเรียบเฉยและตอบเพียงสั้นๆ

“ก็ดี” ท่าทางคนตอบเหมือนไม่อยากตอบสักเท่าไหร่ ก็มันเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไปชายหนุ่มไม่ชอบที่จะคุยเรื่องแบบนี้มากนัก

“ก็ดี ดีแบบไหนวะ ทำไมหน้าตาแกดูไม่สดชื่นเลยล่ะ” ภานุวัฒน์เริ่มสังเกต

เขาจะบอกภานุวัฒน์ได้อย่างไร ว่าเขามีความสุขมากแค่ไหนกับ ‘เธอคนนั้น’ จะบอกได้อย่างไรว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอให้เพื่อนรักต้องอิจฉา และจะบอกได้อย่างไรว่าเธอเรียกค่าตัวตั้งสามแสนบาท แต่ที่สำคัญที่สุดเขากลัวว่าเพื่อนรักจะไปยุ่งกับ ‘ผู้หญิงของเขา’ มากกว่า

‘เอ๊ะ...แล้วเรามีสิทธิ์อะไรถึงได้คิดแบบนี้วะเนี่ย บ้าเอ๊ย!’

อาณาฆินทร์กร่นด่าตนเองในใจ

“ไม่มีอะไรนี่ แล้วแกจะอยากรู้ไปทำไมวะ หรือแกสนใจหล่อนหรือไง”

คนขับรถหันหน้ามาถามเพื่อนเสียงเข้มด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะพอใจนัก ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อโดนเพื่อนถามซอกแซกมากขึ้น

“เปล่าสนใจสักหน่อย แกเป็นอะไรของแกวะ ถามแค่นี้ทำเป็นอารมณ์เสียไปได้ ฉันว่าแกต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ๆ ถ้าไม่อยากเล่าก็เป็นไร”

ภานุวัฒน์เป็นเพื่อนกับอาณาฆินทร์มานาน เขารู้จักนิสัยของเพื่อนรักคนนี้ดี ภายนอกอาณาฆินทร์อาจจะดูเฉยเมยเหมือนไม่ค่อยสนใจใคร แต่ภายในเขาเป็นคนมีน้ำใจชอบช่วยเหลือคนอื่นเสมอ และเป็นเพื่อนที่เขาไว้ใจมากที่สุด ในเมื่อเพื่อนไม่อยากตอบเรื่องนี้เขาก็จะไม่ถามต่อ

“เห็นว่ากำลังรับสมัครเลขาส่วนตัว ได้หรือยังล่ะ” ภานุวัฒน์รีบเปลี่ยนหัวข้อสนธนาทันที

“ยัง แต่ฝ่ายบุคคลโทร.มาบอกว่ากำลังรอสัมภาษณ์คนหนึ่งอยู่ตอนนี้”

“แล้วทำไมแกต้องลงมือสัมภาษณ์เองด้วยวะ ให้ฝ่ายบุคคลจัดการให้ก็ได้นี่” ภานุวัฒน์ถามอย่างแปลกใจเพราะปกติที่ผ่านมาอาณาฆินทร์ไม่เคยที่จะลงมาสัมภาษณ์คนที่มาสมัครงานด้วยตนเองเลยสักครั้ง

“ฮึ...แต่ละคนที่ผ่านมาไม่เห็นมีใครอยู่นานเกินสามเดือนสักคน” ชายหนุ่มพูดเปรยออกมาอย่างเบื่อหน่าย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แล้วสาวคนไหนจะทนแกได้วะ” คนข้างๆ หัวเราะชอบใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอาณาฆินทร์ใช้เลขาเปลืองแค่ไหน เพราะเขาได้ข่าวว่าปีๆ หนึ่ง ผู้บริหารหนุ่มฯเปลี่ยนเลขาไปตั้งกี่คน

“ทำไม ฉันมันโหดร้ายมากนักหรือไง” อาณาฆินทร์ถามเพื่อนรักด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“แกยังไม่รู้ตัวเองอีกเหรอ ว่าแกมันโหด ดุ โมโหร้าย หงุดหงิดง่าย เอาแต่ใจ ชอบใช้งานเลขาหนักๆ ชอบใช้อารมณ์ จริงจังเกินไป มะ...”

“พอๆ สรุปแล้วเนี่ย ฉันไม่มีดีสักอย่างเลยใช่ไหม” คนที่โดนกล่าวหาตรงๆ หันหน้ามาถามเพื่อนรักปากจัดอย่างประชดประชัน โดยที่ภานุวัฒน์ยังพูดไม่ทันจบ

“ก็พอมีบ้างแหละน่า อย่างเช่น หล่อ รวย เก่ง ฉันยังเทียบแกไม่ติดเลย”

ภานุวัฒน์พูดความจริงทุกอย่าง เพื่อนรักของเขาสมบูรณ์แบบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ฐานะเงินทอง หน้าที่การงานและมันสมองอันชาญฉลาด ทำให้เขากลายเป็นผู้บริหารหนุ่มไฟแรงที่เก่งกาจมากที่สุดคนหนึ่งในวงการธุรกิจด้านการปลูกป่าค้าไม้นำเข้าและส่งออกไม้แปรรูป

“โอเค...ส่งฉันแค่นี้นะ แกรีบไปไม่ใช่เหรอ”

เมื่อส่งภานุวัฒน์เสร็จ อาณาฆินรท์ก็รีบบึ่งรถตรงไปยังบริษัทของเขาทันที

บริษัท รุ่งเรืองวัฒนากุล ค้าไม้ไทย จำกัด เป็นบริษัทของตระกูลวัชรวัฒนากุลมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ของเขา เมื่อปู่ของเขาเสีย กิจการทุกอย่างจึงอยู่ภายใต้อำนาจการบริหารของบิดาเขาแต่เพียงผู้เดียว ท่ามกลางความไม่พอใจของพี่ๆ น้องๆ ร่วมบิดาเดียวกันแต่คนละแม่

นายอาณาเขต วัชรวัฒนากุล บิดาของเขาเป็นลูกชายคนเดียวของคุณปู่อนันต์ และคุณย่าเนตรนภา แต่เพราะย่าของเขาเสียตั้งแต่ตอนบิดาของเขายังเด็ก ปู่ของเขาจึงแต่งงานใหม่กับคุณ ขวัญจิต แม่เลี้ยงคนใหม่ของบิดาเขา หลังจากนั้นปู่ของเขาก็มีลูกกับคุณย่าขวัญจิตอีกสองคน คือ วัชระ กับ วัชรี

วัชระ วัชรวัฒนากุล ลูกชายคนโตของย่าขวัญจิตรู้สึกไม่พอใจที่คุณปู่ของเขาลำเอียง เพราะเขาเป็นได้เพียงผู้บริหารสาขาย่อยของบริษัทในต่างจังหวัดทางภาคเหนือ ที่ยังต้องอยู่ภายใต้การบริหารของบิดาเขา

สองสามปีที่ผ่านมาบิดาของอาณาฆินทร์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะที่กำลังจะไปประชุมงานที่เชียงใหม่ อยู่ๆ รถก็พลิกคว่ำอย่างไม่มีสาเหตุ ดีที่บิดาของเขายังอุตส่าห์รอดมาได้เพราะได้ชาวบ้านแถวนั้นช่วยเอาไว้ แต่ทุกวันนี้บิดาของเขาก็ยังต้องนั่งรถเข็นอยู่เลย

เมื่ออาณาเขตบิดาของเขาล้มป่วยลงอาณาฆินทร์จึงได้รับอำนาจการบริหารต่อจากบิดา โดยการโหวตของคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ซึ่งก็สร้างความไม่พอใจให้แก่ครอบครัวของคุณวัชระเป็นอย่างมาก ส่วนครอบครัวของคุณวัชรี ไม่ได้รู้สึกอิจฉาริษยาแต่อย่างใด เพราะทุกวันนี้เธอก็อยู่อย่างสุขสบายกับมรดกที่ปู่อนันต์ของเขามอบให้

อาณาฆินทร์ต้องทำงานร่วมกับลูกชายของคุณวัชระอาต่างมารดาของบิดาเขา ซึ่งก็คือ วัชรพล ซึ่งเอาแต่เที่ยวไม่ค่อยรับผิดชอบหน้าที่การงานของตนเองสักเท่าไหร่ บางทีก็หาเรื่องปวดหัวมาให้ บางครั้งเขาก็เบื่อที่จะต้องมาคอยแก้ปัญหาที่วัชรพลก่อเอาไว้

ไม่นานรถสปอร์ตคันหรูของอาณาฆินทร์ก็มาถึงบริษัท

“นายครับๆ มีผู้หญิงสวยๆ มารอนายสัมภาษณ์ที่ห้องครับ” ลูกน้องในบริษัทคนหนึ่งวิ่งมารายงานเขา

“เออ...รู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ร่างสูงใหญ่เดินตัวปลิวเข้าไปยังห้องทำงานของเขาทันที

เมื่อเปิดประตูเข้าไป ชายหนุ่มก็เห็นร่างเล็กของหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา พอร่างสูงใหญ่ของเขาเดินไปนั่งอยู่ตรงหน้าเธอและพอเธอเห็นหน้าเขาเท่านั้น หญิงสาวก็ทำท่าทางตกใจอย่างกับเห็นผีตอนกลางวันแสกๆ

จะไม่ให้เธอตกใจได้ยังไง ในเมื่อผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ ก็คือคนๆ เดียวกับคนที่นอนกกกอดอยู่กับเธอมาทั้งคืนจนถึงสายของวันนี้ แล้วเขาจะจำเธอได้ไหมเนี่ยแต่งตัวมาแบบนี้หญิงสาวคิดในใจ

วันนี้มลธิยาแต่งตัวเรียบร้อยเป็นสาวเฉิ่มได้ใจชายหนุ่มจริงๆ และนี่ก็คือตัวจริงของเธอในตอนกลางวัน เพราะตอนกลางคืนเธอจำเป็นต้องใส่วิก ติดขนตาปลอม ใส่เลนส์ตาโต และแต่งหน้าเข้มจัด แต่ตอนนี้ เธอปล่อยผมยาวถึงเอว ใส่แว่นสายตาหนาเตอะขอบสีชมพู แต่งหน้าบางๆ และแต่งตัวมิดชิดที่สุด

“หน้าตาของฉันเหมือนผีหรือไง ถึงต้องทำท่าตกอกตกใจมากขนาดนี้” นี่เป็นคำถามแรกที่เขาถามเธอ

“ปละ...ปละเปล่าค่ะ ไม่ไช่อย่างนั้น” หญิงสาวรีบตอบตะกุกตะกักน้ำเสียงไม่ค่อยจะมั่นใจนัก เพราะชายหนุ่มพูดเสียงดังใส่เธอ

“แล้วทำไมต้องตกใจด้วยล่ะ เอ๊ะ...ฉันว่าหน้าเธอคุ้นๆ นะ เราเคยเจอกันหรือเปล่า” ชายหนุ่มเริ่มสังเกตพิจารณาใบหน้าหวานของหญิงสาวชั่วครู่ แต่ร่างบางก็พยายามก้มหน้าก้มตาหลบสายตาคมนั่นไปมา

“แต่ว่าคงไม่ใช่หรอก เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า

มลธิยาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอนึกว่าเขาจะจำเธอได้เสียแล้ว เมื่อความมั่นใจกลับคืนมา ร่างเล็กจึงเงยหน้ามองร่างสูงใหญ่ตรงๆ เธอรู้สึกว่าเขาช่างดูน่าเกรงขามยังไงก็ไม่รู้ แววตาของเขาในวันนี้กับแววตาเขาที่มองเธอเมื่อคืนมันต่างกันมากเหลือเกิน

วันนี้เขาใส่สูทรเต็มยศ ดูเป็นผู้นำที่มีใบหน้าหล่อเหลาเป็นที่สุด หญิงสาวชักอยากจะรู้แล้วสิว่าเวลาทำงานเขาจะเป็นยังไง จะโหดร้าย เนี้ยบ เฉียบขาด อย่างที่คนเขาร่ำลือกันหรือเปล่า ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนเลขาไม่ซ้ำหน้า ยังไงถ้าเธอผ่านสัมภาษณ์เธอก็จะขอลองทำงานกับเขาดูสักตั้งเพื่อพิสูจน์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel