บท
ตั้งค่า

บทที่8. คุณมันหลงตัวเอง

มือใหญ่ผลักประตูเข้าบ้านที่ไม่ได้ล็อกอย่างง่ายดาย คิ้วหนาขมวดยุ่ง เมื่อรู้ว่ามันไม่ได้ล็อกอย่างที่เขากำชับไว้เสมอ พิชญะพึมพำในลำคอ ถอดหมวกปีกกว้างของตนออกสะบัดฝุ่นออกจากหมวกแขวนไว้ข้างบานประตู ตามด้วยรองเท้าบู้ตหุ้มข้อที่สภาพเลอะโคลน เขากลับเข้าบ้านก็เหมือนไม่ได้เข้า คือมาแค่ไม่ถึงชั่วโมงหรือแค่ครึ่งชั่วโมงแล้วก็กลับไปที่โรงงานน้ำตาลซึ่งเครื่องจักรเสีย เขาต้องจัดการซ่อมในเบื้องต้นก่อนที่ช่างใหญ่จะมาจากในเมือง เป็นสี่วันที่แสนวุ่นวายจนเขาลืมไปด้วยซ้ำว่าที่บ้านมีใครรออยู่ หรือเธออาจจะไม่ได้รอเขาก็ได้สายตาคมกริบกวาดมองไปทั่วบ้านแต่ก็ไม่เห็นร่างบอบบางนั่นทำให้เขาเริ่มหงุดหงิด แต่เมื่อนึกถึงเมื่อครู่ที่ประตูบ้านไม่ได้ล็อกก็อดเป็นห่วงไม่ได้ คนอย่างเขามีศัตรูมากอยู่เหมือนกัน

“ว้าย!!!”

“รินรดา!!!”

พิชญะหันไปตามเสียงที่ได้ยิน เขาแทบกระโจนไปด้านหลังบ้านอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังช้าเกินไป ร่างบางหงายหลังบนพื้นหญ้าพร้อมกับผ้าห่มนวมที่ตามลงมาคลุมร่างเธอ

“แย่แล้ว แย่แล้ว ผ้าเลอะหมดแล้ว” หญิงสาวร้องด้วยความตกใจมือสองข้างก็พยายามดึงผ้าที่คลุมหน้าตัวเองออก

ชายหนุ่มอยากเขกมะเหงกใส่หัวสวยๆ สักทีแต่เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เขาเดินเข้าไปใกล้แล้วทรุดตัวลงนั่งบนส้นเท้า ช่วยตลบผ้าที่คลุมศีรษะของเธอขึ้นใบหน้าหวานที่ไร้เครื่องสำอางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตกใจ

“เล่นอะไรของคุณ” เขาถามเสียงดุแล้วช่วยหยิบผ้าห่มขึ้น “จะตากหรือจะเก็บล่ะ”

“แห้งแล้วก็เก็บซิคะ” รินรดาทำจมูกย่นแล้วลุกขึ้นยืนเมื่อคนตัวโตดึงผ้าห่มออกจากตัวเธอแล้ว

“ใครสั่งให้เธอซักผ้าห่ม” เขาทำหน้าตึงใส่ ยอมรับว่าตกใจเมื่อได้ยินเสียงหญิงสาวร้องเมื่อครู่

“ฉันรู้หน้าที่ทำเองได้ไม่ต้องรอให้ใครสั่ง” หญิงสาวเชิดหน้าใส่ “เสื้อผ้าคุณฉันก็เก็บซักรีดให้เรียบร้อย บ้านช่องก็ทำความสะอาดแล้วด้วย”

พิชญะส่ายหน้าไปมา ผู้หญิงคนนี้พิลึกจริงๆ หรือเครียดจนประสาทกลับ เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงที่มาจากในเมืองจะชอบทำงานบ้านนักหรอก คนที่บ้านของเธอก็ช่างกระไรไม่เห็นสนใจกระตือรือร้นหาเงินมาใช้หนี้หรือพยายามจะขอลูกสาวคืน งานของเขาก็วุ่นวายเกินกว่าจะเอาสมองไปคิดเรื่องแก้แค้นหรือเอาคืน ชีวิตจริงมันไม่เหมือนในนิยายนี่นะเขาก็ได้มีเวลาวางแผนจัดการผู้หญิงดื้อๆ ให้อยู่ในโอวาททำตามสั่งได้

“วันนี้คุณจะรีบออกไปอีกหรือเปล่าคะ” เธอถามแล้วเก็บปลอกหมอนที่ตากอยู่ลงมาจากราวแขวนผ้า

“ถามทำไม” เขาขมวดคิ้วจนเคยชิน “ดีใจที่ไม่เห็นหน้าผมหรือคิดถึงผมจนทนไม่ไหว”

รินรดาเบ้ปากทำหน้าหน่ายคนหลงตัวเอง “ฉันรู้ว่าคุณงานยุ่ง ได้ยินว่าเครื่องจักรที่โรงงานมีปัญหา”

“อ่อ...มีคนมารายงานแล้วละซิ”

เขากระตุกยิ้มมุมปาก มื้อเที่ยงของคนงานมีรินรดาเข้าครัวช่วยป้าน้อยทำกับข้าว เล่นเอาคนงานของเขาเจริญอาหารผิดปกติแถมยังมีคนวางแผนจะจีบเสียด้วยซ้ำไปถ้าเขาไม่ประกาศไว้ก่อนว่าคนนี้คือผู้หญิงของเขา

“เอาน่า ถ้าคุณไม่รีบกลับเข้าโรงงาน ก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาทานข้าวเย็นเถอะค่ะ ฉันมีเรื่องรอคุยกับคุณ”

พิชญะยักไหล่เล็กน้อย แล้วเดินตามร่างเล็กเข้ามาในบ้าน เธอพยักหน้าบอกให้เขาวางผ้าที่หอบมาบนโซฟา เออนะ...ทำเหมือนเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง สงสัยเขาต้องอยู่บ้านทุกวันเพื่อให้เธอได้สำนึกว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นเพียงผู้อาศัยเท่านั้น หรือจะเรียกให้ถูกเป็นลูกหนี้ที่ถูกส่งมาขัดดอกนั้นแหละ

ความเหนื่อยล้าจากการงานสะสมมาหลายวัน มือใหญ่ยกมือขึ้นเสยผมก็รู้สึกว่ามันเหนียวเหนอะหนะคงต้องสระผมอาบน้ำอุ่นเสียหน่อยแล้วค่อยออกมาจิบเบียร์เย็นๆ ปกติตอนเย็นเขาดื่มนิดๆ หน่อยๆ กับคนงาน แต่ถ้าอยู่บ้านก็จะเปิดเบียร์เย็นๆ จิบไปอ่านเอกสารที่ค้างๆ อยู่ นี่ก็ได้ยินเสียงโกศลเร่งให้เขาเคลียร์เอกสารทีต้องเซ็นอนุมัติหลายฉบับ ว่าแต่แม่นั่นจะแช่เบียร์ให้เขาไหมนะ เขาไม่ชอบกินเบียร์ใส่น้ำแข็งเสียด้วยซิ ชอบเบียร์ที่แช่เย็นกำลังดีแต่ไม่ใช่เบียร์วุ้น แต่ก็อีกนั้นแหละ ทำหน้าทำตาจริงจังมีเรื่องอยากคุยกับเขาเต็มที่ หรือจะหาทางออกหาเงินมาใช้หนี้ให้เขาได้แล้ว

พิชญะรู้สึกสดชื่นสบายตัวขึ้นเหมือนเพิ่งได้อาบน้ำจริงๆ ก็วันนี้ ไร่อ้อย,ไร่มันและยังมีนาข้าวนั้นเป็นของที่ปู่ย่าตายายมอบให้ พ่อของเขาสร้างโรงงานขึ้นจากสองมือและลำแข็งของตนเองจนมีฐานะเป็นที่เคารพของคนทั่วไป ทว่าเงินร้อยล้านพันล้านในบัญชีก็ช่วยอะไรในเมื่อพ่อมาตายจากไปเหลือทุกสิ่งไว้ให้เขาดูแล ความจริงเขาเองก็ไม่ได้ชอบงานในไร่อะไรนี่นักแต่มันเป็นงานของพ่อ ตั้งแต่เด็กพ่อมักพาเขาไปทำงานด้วยเสมอ เขามองเห็นหยาดเหงื่อของพ่อไหลอาบน้ำเหมือนน้ำฝน รอยยิ้มเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตได้และมันไม่ใช่แค่ตัวเขา ยังมีครอบครัวของคนงานที่พ่อมักพูดเสมอว่าพวกเขาก็เหมือนคนในครอบครัว ถ้าเขาอยู่ได้เราก็อยู่ได้ต้องพึ่งพากัน อาจเป็นเพราะแบบนี้คนงานส่วนใหญ่ก็จะทำงานตั้งแต่รุ่นพ่อแม่จนมาถึงรุ่นลูกและบางคนก็มีหลานกันแล้ว

มีแต่เขานี่แหละที่ยังโสดแต่ไม่สนิท ก็งานโรงงาน งานในไร่มันยุ่งแสนยุ่งแถมยังมีบริษัทและหุ้นหลายตัวที่ลงทุนไปอีก เขาเองก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบเอาอกเอาใจผู้หญิงเสียด้วย ขอเอาแบบสนุกสนานกันชั่วครั้งชั่วคราวไม่ต้องผูกมัดจะง่ายกว่า เงื่อนไขเขาไม่เยอะแต่หาที่ถูกใจยากจริง แถมไอ้ที่คิดว่าจะได้มากลับไม่ใช่อย่างที่คิด

ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงผ้าฝ้ายสีดำเดินปล่อยผมยาวระบ่าที่ยังชื้นเดินออกจากห้องนอนมาที่ห้องรับแขกด้านล่าง เขามองแผ่นหลังของหญิงสาวผมยาวที่เกล้าผมขึ้นอย่างง่ายๆ เธอสวมเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนและผ้าถุงลายดอกสีสดใส เขาแปลกใจกับสิ่งที่เห็นไม่แน่ใจว่าปกติเธอแต่งตัวแบบนี้หรือไปหาเสื้อผ้ามาจากไหน หรือคิดว่าแต่งตัวแบบนี้จะทำให้ไม่มีอารมณ์เล่นสนุกด้วย

“เสร็จแล้วเหรอคะ” รินรดาหันมาถามพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้อีกฝ่ายหวั่นไหวอย่างไม่รู้ตัว “ฉันไม่รู้ว่าปกติคุณทานข้าวที่ไหนเลยไม่รู้จะจัดโต๊ะอาหารให้คุณที่ไหนดี”

“ในครัวก็ได้” เขาไหวไหล่น้อยๆ ปกติกินคนเดียว ป้าน้อยก็ไว้ในครัว เขายกมากินหน้าคอมพิวเตอร์ กินไปทำงานไปว่างั้นเถอะ นี่เธอจะมาเป็นตัวภาระหรือมาช่วยงานเขากันแน่

“ก็ดีค่ะ ฉันเตรียมไว้แล้ว”

หญิงสาวเดินนำไปที่ครัว ท่าทางเหมือนคุ้นเคยบ้านหลังนี้ทุกซอกทุกมุมยิ่งทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิด แต่เมื่อจมูกได้กลิ่นอาหารหอมกรุ่นความหงุดหงิดก็คลายลง บนโต๊ะมีกับข้าวอยู่สามรายการ

“กลัวคุณจะหิวเลยทำง่ายๆ ให้ค่ะ มียำไข่ดาว ต้มจืดผักตำลึงแล้วก็หมูทอดกระเทียมพริกไทย”

“ก็...โอเค” เขาเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลง

ในครัวมีโต๊ะกลางขนาดนั่งได้สองคนพอดี แน่นอนว่าเขาอยู่คนเดียวจึงเลือกฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นไว้ก่อนและเขาเกรงใจป้าน้อยที่มาทำความสะอาดบ้านให้ด้วย ถึงเขาจะเป็นคนจ่ายเงินเดือนแต่ป้าน้อยก็อายุไม่น้อย เขานับถือเหมือนญาติผู้ใหญ่แบบที่พ่อเขาพร่ำสอน

“คุณแชร์เบียร์ให้ผมไหม?”

“เบียร์? อ้อ! ทานข้าวก่อนดีกว่าค่ะค่อยดื่ม” รินรดารีบตักข้าวใส่ให้เขาพูนจาน

“แล้วเธอล่ะ นั่งกินด้วยกันซิ”

“ค่ะ” หญิงสาวยิ้มแล้วตัดข้าวให้ตัวเอง “คุณนะกินข้าวรองท้องเสียหน่อย เหล้าเบียร์มันจะได้ไม่กัดกระเพาะคุณทะลุ”

“ขอบคุณที่มีน้ำใจเป็นห่วง นึกว่าแช่งชักหักกระดูกให้ผมตายเร็วๆ คุณจะได้หมดหนี้กับผมเสียอีก”

ใบหน้าหวานฮุบยิ้มไปทันที แล้วมือเรียวก็หยิบเอกสารที่วางไว้ใกล้มือยื่นส่งให้เขา

“ไหนๆ คุณก็เริ่มก่อนแล้ว เข้าประเด็นเลยแล้วกัน...เอ้านี่!”

“ฮืม” เขารับมาอ่านพร้อมกับกินมื้อเย็นไปด้วย อาหารง่ายๆ แต่อุ่นกำลังดีแถมข้าวสวยร้อนๆ ทำให้อาหารอร่อยจนเขาลืมไปเลยว่าอยากดื่มเบียร์แค่ไหน “เอกสารตั้งหลายหน้า คุณเล่ามาก่อนดีกว่า”

“ได้ค่ะ” รินรดายกแก้วน้ำขึ้นดื่ม “ฉันถือวิสาสะใช้เครื่องคอมพ์กับปริ้ตเตอร์ตอนคุณไม่อยู่ พิมพ์สัญญาการทำงานของฉันให้คุณค่ะ”

“สัญญาอะไรนะ” เขาถึงกับสำลักต้มจืด ต้องรีบคว้าแก้วดื่มน้ำ “สัญญางานอะไร”

“ฉันเป็นหนี้คุณสิบล้าน ฉันจะทำงานใช้หนี้คุณ ฉันจะอยู่ที่นี่ทำงานให้ คุณให้เป็นเงินเดือนตามที่ฉันเรียกแต่คุณไม่ต้องจ่ายฉัน คุณหักไว้เลย ฉันอยู่ที่นี่ก็ขอแค่อาหารสามมื้อกับที่ซุกหัวนอนก็อยู่ได้แล้วล่ะค่ะ”

“ทำงานให้ผม?” เขาหัวเราะออกมาแล้วพลิกอ่านเอกสารตามไปด้วย “เงินเดือนเดือนละหนึ่งหมื่นห้าพันบาท”

“ก็ฉันจบปริญญาตรี ฉันก็เรียกไปตามวุฒิ คุณจะให้ฉันทำงานช่วยป้าน้อยหรือไปตัดอ้อยขุดมันอะไรก็ได้”

“เงินเดือนละหมื่นห้า จะกี่ปีถึงจะหมดสิบล้าน” เขาแหงนหน้าหัวเราะ

“แน่นอนว่าสำหรับคุณมันไม่มีความหมาย แต่สำหรับคนเป็นลูกหนี้ ฉันต้องมีชีวิตอยู่อย่างมีความหวังค่ะ”

ดวงตาของหญิงสาวเปล่งประกายทระนง “ระหว่างนี้ฉันขออนุญาตทำงานผ่านอินเตอร์นะคะ ฉันจะทำหลังสองทุ่ม คุณจะได้ไม่คิดว่าฉันเอาเวลาของคุณไป ฉันเป็นห่วงบริษัทยังต้องเช็กข่าวทางโน้นบ้างและระหว่างนี้ฉันจะพยายามหารายได้อื่นๆ มาคืนเงินคุณให้ได้”

เขาเห็นความพยายามของเธอ เงินสิบล้านมันไม่เท่าไหร่สำหรับเขา แต่ถ้าจะปล่อยไปง่ายๆ มันเหมือนว่าเงินของเขาไร้ค่า ลองดูหน่อยจะเป็นไรว่าเธอจะทำยังไง จะอยู่กลางป่ากลางเขาได้สักเท่าไหร่เชียว

“ผมมีวิธีให้คุณคืนเงินผมได้เร็วกว่านั้นอีก”

หญิงสาวเอนหลังพิงพนักเก้าอี้เหมือนจะถอยห่าง ในขณะที่อีกฝ่ายยิ้มเจ้าเล่ห์และใช้สายตาสำรวจอีกฝ่าย ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางดูน่ามองกว่าที่คิด จะว่าไปผ้าถุงที่เธอนุ่งอยู่มันก็เข้ารูปทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งบนเรือนร่างน่ามองไม่น้อย

“ปกติผมจ่ายค่าตัวให้...”

“หยุดไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” รินรดาชี้นิ้วใส่หน้าเขา “จำไว้ด้วยว่าฉันไม่มีวันขายตัวใช้หนี้ให้คุณเด็ดขาด ยังไงฉันจะหาทางหาเงินมาคืนคุณให้ได้”

“ถ้าคุณทำแบบนี้สิบปีไม่รู้จะใช้หนี้หมดไหม?” เขายิ้มแบบคนที่เหนือกว่า

รินรดาชะงักไปเล็กน้อย

“หนึ่งปี” เขาเอ่ยแล้วรวบช้อน อาหารอร่อยจนกินข้าวหมดไม่รู้ตัว “ผมให้เวลาคุณแค่หนึ่งปีเท่านั้น”

“หนึ่งปีเองเหรอ” รินรดาเสียงอ่อนลง เอาเถอะยังไงเธอยังพอจะหาทางยื้อเวลาให้ตัวเองได้หาทางออกจากปัญหานี้ได้บ้าง

“ถ้าอยากหมดนี้เร็วๆ ก็...”

“ไม่มีวันเสียหรอก!” เธอตวาดเขา “ฉันไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีของฉันให้กับคนเห็นแก่เงินอย่างคุณหรอก”

พิชญะแหงนหน้าหัวเราะอีกครั้ง เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปที่ตู้เย็นเห็นเบียร์ขวดเล็กแช่เย็นอยู่หลายขวด เขาหยิบมันออกมาเปิดแล้วยกขวดขึ้นดื่ม

“โอเค คุณไม่ยอมมีเซ็กส์เพื่อแลกเงิน แต่ถ้าผมทำให้คุณยอมผมได้เองก็ไม่ผิดใช่ไหม?”

ใบหน้าหวานร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เธอหน้าแดงจัดขนาดที่พิชญะมองออกแต่กลับทำให้เขารู้สึกว่าแก้มเธอระเรื่อน่ามองยิ่งขึ้น

“คุณมันหลงตัวเอง”

“ไม่นะ” เขาหลิวตามองหญิงสาว “มีแต่คนอื่นมาหลงมากกว่า”

“นี่แหละเขาเรียกหลงตัวเอง” รินรดาส่ายหน้าไปมา เธอหลบสายตาเขาและเมื่อแน่ใจว่าเขาอิ่มแล้วก็ลุกขึ้นเก็บโต๊ะ “คุณอยากให้ฉันทำกับแกล้มไว้ให้ไหม?”

“ผมกินข้าวอิ่มมาก” เขาพูดตรงจากใจ “คุณไปเอาผ้าถุงที่ไหนมานุ่ง”

รินรดาก้มมองตัวเองแล้วค่อยเงยหน้ามองเขา “ป้าน้อยหามาให้ค่ะ เสื้อผ้าของลูกสาวแก ฉันมาที่นี่ไม่ได้เตรียมตัวมาเจออะไรแบบนี้เลยมีเสื้อผ้าอยู่สองสามชุด”

พิชญะยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่ เขาเอนตัวพิงตู้เย็นด้วยท่าทีสบายๆ มองร่างบางกำลังยกจานเปล่าไปเตรียมล้าง

“คุณไปกินเบียร์ที่อื่นได้ไหม ฉันจะล้างจาน เช้ามาจะได้ไม่ยุ่งมาก”

“อ้าว...นี่บ้านผม ผมจะกินเบียร์ตรงไหนที่ไหนมันก็ย่อมได้อยู่แล้ว”

รินรดาหันขวับมามองเขาแล้วก็ได้แต่หุบปากเงียบ ปกติเธอเองไม่ใช่คนต่อปากต่อคำกับใคร เอาซิ! เขาจะยื่นได้นานแค่ไหน เธอล้างจานสามสี่ใบเดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้ว ใช่เธอใช้เวลาไม่นานแต่กลับทำอะไรเงอะงะติดขัดเพียงเพราะรู้ว่ามีสายตาร้อนแรงจ้องมองอยู่ หญิงสาวถอนหายใจยาวเมื่อจัดการงานในครัวเสร็จแต่เมื่อหันกลับมาเขายังคงยืนที่เดิมและเบียร์ขวดเปล่าสองขวดวางอยู่ข้างตู้เย็นแล้ว เธออยากจะถามว่าเขาจะรีบดื่มไปไหน รอให้เธอขังตัวเองในห้องนอนให้เรียบร้อยก่อนไม่ได้หรือไงนะ แต่เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เธอควรอยู่ห่างและพยายามไม่ก่อกวนอารมณ์ของเขาจะดีที่สุด

“ไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ”

“จะไปไหนล่ะ ยังไม่ทุ่มหนึ่งเลย”

เขาถามแล้วก้าวเข้ามาใกล้ เธอผงะถอยห่างแต่สะโพกเธอชนกับซิงค์ล้างจาน

“คุณ...คุณจะเอาอะไรล่ะ”

ท่าทางหวาดหวั่นแต่แสร้งทำเป็นแกร่งทำให้เขาอยากหัวเราะ

“ช่วยเติมเบียร์ในตู้เย็นให้เต็ม แล้วหิ้วมาอีกขวดตามมาที่ห้องรับแขกหน่อย ผมจะเอนหลังดูโทรทัศน์ดูข่าวอะไรสักหน่อย”

“ดูข่าวเหรอ? ฉันขอดูด้วยได้ไหม”

ลืมไปว่าห้องที่เธอพักไม่มีโทรทัศน์ พิชญะพยักหน้ารับไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็เดินมาทิ้งตัวนั่งที่โซฟา ยกเท้าวางบนโต๊ะสบายอารมณ์ และไม่กี่นาทีต่อมาหญิงสาวก็เดินตามมาพร้อมชามเล็กๆ ในมือ

“ข้าวโพดต้มคลุกน้ำตาล ฉันติดกินขนมของหวานน่ะ” เธอเอ่ย แล้วมองหาที่นั่ง ซึ่งอยากจะนั่งห่างจากเขาสักหน่อยแต่มันคงมองโทรทัศน์ไม่ถนัด แต่เขาตบเบาะให้เธอมานั่งใกล้ๆ หญิงสาวลังเลเล็กน้อยแต่เธออยู่ในมุมเฉียงที่มองจอโทรทัศน์ไม่ถนัดทำให้จำใจขยับไปนั่งโซฟาตัวยาวเดียวกับเขา

“คุณดูข่าวจบ ฉันขอดูละครต่อนะ”

ชายหนุ่มกลั้นหัวเราะเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างผ่อนคลายแล้วยกเบียร์ขึ้นดื่ม ในขณะที่คนที่นั่งข้างๆ นั่งกินข้าวโพดต้มคลุกน้ำตาลและสายตาของเธอเอาแต่จ้องมองโทรทัศน์

“นี่ๆ ฉันติดดูรายการทำอาหาร ถ้าคุณไม่ว่าอะไรฉันให้คุณดูข่าวแค่สิบนาทีก็พอนะ”

“ตกลงคุณจะดูอะไรบ้างนี่”

“ก็ตอนนี้ละครยังไม่เล่นไง แต่มีรายการทำอาหารที่ฉันโปรดกำลังออนแอร์อยู่นะ”

พิชญะอยากจะหัวเราะ นี่ลูกหนี้สิบล้านของเขาทำหน้าตาสบายใจแถมมาขอดูแย่งดูละครอีกต่างหาก เอาเถอะยังไงเขาเหนื่อยมาหลายวัน ยังไม่อยากสู้รบกับใครในตอนนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel