บท
ตั้งค่า

บทที่6. มีหน้าที่แค่ทำตามที่สั่ง

หากเป็นสถานการณ์ปกติรินรดาคงเพลิดเพลินกับทิวทัศน์รอบข้าง ชายหนุ่มหน้าโหดพาเธอนั่งรถกระบะออกห่างจากบ้านที่เธอเพิ่งเข้าพักประมาณสิบนาที

“ซ้ายเป็นไร่อ้อย ขวาเป็นไร่มันสำปะหลัง อย่าคิดหนีให้ยากเลยนะ”

เสียงชายหนุ่มผู้คุมพวงมาลัยรถแล้วหัวเราะในลำคอ เขาไม่ได้สนใจสีหน้าของหญิงสาวด้วยซ้ำ เห็นเพียงเสี้ยวหน้าที่มองไปด้านนอกเท่านั้น จะทนได้สักกี่น้ำ เขาทำหัวเราะเยาะอยู่ในใจขนาดคนในหมู่บ้านยังไม่ค่อยมีใครอยากทำงานในไร่เลย วัยรุ่นหนุ่มสาวเข้าเมืองไปเสียส่วนใหญ่ หรือไม่ก็ไปทำงานในส่วนของโรงงานน้ำตาลที่อยู่คนละตำบล รินรดาอยากโต้เถียงแต่ก็เปลี่ยนใจเป็นปิดปากนิ่งเงียบแทน การทำงานในห้องสี่เหลี่ยมใจกลางมหานครที่เต็มไปด้วยมลพิษทำให้เธอรู้สึกอึดอัด พอได้เห็นสีเขียวของต้นไม้ มองไกลๆ เห็นทิวเขาและอากาศที่ทำให้หายใจได้เต็มปอดทำให้เธอลืมปัญหาของตัวเองไปชั่วขณะ

รถกระบะจอดนิ่งที่หน้าโรงเรือนขนาดย่อม ชายหนุ่มเปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถเดินนำหน้าไปข้างในโดยไม่เรียกคนที่พามาด้วย หญิงสาวรีบก้าวเร็วๆ ตามร่างสูงทันทีแม้จะนึกบ่นอยู่ในใจที่เขาทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนนัก เขาเดินนำมาที่ด้านหลังซึ่งเป็นครัวขนาดเล็กที่มีลักษณะเปิดโล่งเพื่อระบายอากาศ อาจเพราะเป็นครัวที่ใช้เตาฟืนก็เป็นได้ กลิ่นข้าวที่กำลังสุกทำให้คนที่กินข้าวเช้าด้วยข้าวเหนียวหมูปิ้งไปสองไม้เริ่มจะหิวขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณเพลิง มาทำอะไรถึงในครัวจ๊ะ” เสียงหญิงวัยห้าสิบเอ่ยถามทั้งที่มือยังยุ่งกับการตำน้ำพริกอยู่ “หิวเหรอ ไม่เห็นต้องมาถึงที่นี่เลย เดี๋ยวให้ไอ้ชัยมันหิ้วปิ่นโตไปส่งก็ได้”

“เปล่า ผมยังไม่หิว” ชายหนุ่มไหวไหล่ “ผมพาคนงานมาส่ง ป้าน้อยจะใช้ทำงานอะไรก็ได้ตามใจเลย”

‘คนงาน’ รินรดาหันขวับทันทีที่ได้ยินเขาเรียกเธออย่างนั้น แล้วเธอก็ได้เห็นแววตาเย้ยหยันของเขารวมทั้งรอยยิ้มได้ใจนั้นด้วย

ป้าน้อย แม่ครัวมือโปรของไร่ฉายฉานหันไปมองอย่างแปลกใจ หญิงสาวร่างบางหน้าตาสะสวยยืนอยู่ด้านหลังเจ้านายหน้าเข้ม หญิงสาวยกมือไหว้อย่างนอบน้อมจนแม่ครัวแปลกใจว่าคนกิริยางามอย่างนี้ทำไมถึงถูกส่งมาในครัว แต่ถึงอยากรู้ยังไงก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม แน่ละ! ใครก็รู้กันหมดทั้งอำเภอ ถ้าใครกล้าทำให้เจ้านายของเธอหงุดหงิดละก็ นอกจากจะไม่มีเงินเดือนแล้วอาจจะอยู่ยากลำบากในหมู่บ้านเล็กๆ นี้ด้วย

“มื้อเที่ยงผมจะมากินพร้อมคนงานด้วย”

“จ๊ะ” ป้าน้อยรับคำอย่างงงๆ ความจริงก็ไม่แปลกใจนักที่คุณเพลิงหรือคุณพิชญะจะมากินมื้อกลางวันกับคนงานอื่นๆ แต่ที่แปลกใจก็คงเพราะคนงานใหม่ที่ถูกส่งมาให้ครัวแถมที่พูดนะ...เหมือนจะพูดกับหญิงสาวหน้าตาอ่อนหวานคนนี้มากกว่าจะเป็นนาง

คนตัวโตปรายตามองหญิงสาวเล็กน้อยแล้วเดินออกไปไม่สนใจเธออีก แต่รินรดากลับถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วยิ้มกว้างให้แม่ครัวที่กำลังยุ่งอยู่ เธอเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับพับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเองขึ้น

“หนูชื่อรินรดาค่ะ เรียกรินก็ได้ ป้าน้อยมีอะไรให้หนูช่วยบ้างคะ”

“เอ่อ...” ป้าน้อยมองร่างเล็กที่กุลีกุจอเข้ามาช่วย

“อย่าอ้ำอึ้งเลยค่ะ บอกรินได้เลย” รินรดาหัวเราะท่าทางของอีกฝ่าย “ป้าน้อยตำน้ำพริกเหรอคะ จะทำอะไรอีก รินจะได้ช่วยถูกค่ะ”

“ป้าทำน้ำพริกแมงดาอยู่จ๊ะ ใกล้จะเสร็จแล้ว” แม่ครัวมืออาชีพพูดทั้งที่มือยังทำงานอยู่ “หนูไปล้างผักกับเตรียมเอาไข่ต้มขึ้นมาเตรียมไว้หน่อยซิ เดี๋ยวป้าจะทำลาบปลาดุก”

“ว้าว! ข้าวเหนียวร้อนๆ น้ำพริกแมงดากับไข่ต้มแล้วก็ลาบปลาดุก อาหารชุดนี้โรงแรมห้าดาวก็ไม่มีขาย”

ป้าน้อยหันมามองอย่างงงๆ คนเมืองชัดๆ ทำเป็นตื่นเต้นกับอาหารชาวบ้านอย่างนี้ “พวกคนงานเขากินให้อิ่มให้อยู่ท้องก็พอแล้ว”

“คุณเพลิงบอกว่ามีคนงานสามสิบคนเหรอคะ” รินรดาจัดการล้างผักที่กองๆ อยู่บนแคร่ เมื่อล้างเสร็จก็เอาขึ้นมาสะเด็ดน้ำไว้ก่อนรอจัดใส่จาน

“เฉพาะที่ดูแลในโรงงานก็ประมาณยี่สิบคน” ป้าน้อยตัดน้ำพริกใส่ถ้วยเล็กๆ หลายใบ เพื่อจะได้ไม่ต้องแย่งกันเวลากินข้าว “ถ้าพวกคนงานในไร่ไม่ค่อยกลับมากินข้าวเที่ยงที่นี่หรอก เขาห่อใส่กระติ๊บไปกินด้วยเลย”

“ปกติคุณเพลิงก็มากินข้าวกับคนงานอย่างนี้เหรอคะ”

“เออ เอ๊ย ใช่จ๊ะ”

รินรดาหัวเราะคิกคักแล้วหยิบเอาไข่ต้มใส่น้ำเย็นแล้วจัดการปอกเปลือกไข่ “พูดกับหนูธรรมดาก็ได้ค่ะ หนูก็แค่คนงานคนใหม่ของคุณเพลิงเท่านั้น”

“หุ่นแบบนี้ทำงานในสวนในไร่จะได้ปลิวไปกับลมนะซิ” ป้าน้อยเริ่มลงมือทำลาบปลาดุก “ช่วยซอยต้นหอมกับพริกให้ป้าหน่อยซิ”

“ได้ค่ะ” รินรดาขยับย้ายตำแหน่งไปจัดการตามแม่ครัวสั่ง “ทำอาหารให้คนตั้งเยอะทำไมป้าน้อยทำคนเดียวละคะ คุณเพลิงไม่จ้างคนเพิ่มเหรอคะ”

“ไม่มีใครอยากทำงานหน้าดำในครัวหรอก” ป้าน้อยหยิบจับทำกับข้าวอย่างคล่องแคล้ว “หนุ่มๆ สาวๆ ไปทำงานในเมืองหรือไม่ก็ไปเป็นสาวโรงงานกันหมด ไม่มีใครอยากอยู่กันดารแบบนี้หรอก”

“ปกติป้าน้อยทำกับข้าวให้คนงานทั้งสามมื้อคนเดียวเลยเหรอคะ”

“ไม่หรอก ทำแค่มื้อเที่ยงนะ มื้อเช้ากับมื้อเย็นคนที่มีเมียแล้วเขาก็มีคนทำให้ แต่คนไหนยังไม่ครอบครัวก็มากินที่นี่ แต่ป้าทำกับข้าวให้คุณเพลิงเวลาแกอยู่บ้านนะ”

“แล้ว...ปกติคุณเพลิงอยู่ที่ไหนเหรอคะ” เธอถามด้วยหวังว่าเขาจะทิ้งเธอไว้ให้อยู่ลำพัง อยู่คนเดียวโดดเดี่ยวยังดีกว่าอยู่กับคนใจร้ายอย่างเขา

“คุณเพลิงแกงานเยอะ เข้าเมืองบ่อย เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้หรอก แต่บนเรือนแกไม่ให้ใครไปยุ่งนะ สองสามวันป้าก็เข้าไปทำความสะอาดที”

“ห๋า! นอกจากป้าน้อยจะเป็นแม่ครัวแล้วยังต้องไปทำความสะอาดบ้านให้คุณเพลิงอีกเหรอคะ เหนื่อยแย่เลย”

“โอ๊ย! ป้าทำมาตั้งแต่คุณเพลิงยังตัวเล็กๆ อยู่เลย มันชินแล้วละ” ป้าน้อยหัวเราะเสียงดัง รู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวคนนี้ “แล้วหนูรินละ กินอาหารบ้านนอกได้ไหม คนงานมันกินเผ็ดเดี๋ยวป้าทำแยกจานให้ต่างหากละกัน”

“ขอบคุณมากค่ะป้าน้อย”

รินรดายกมือไหว้ขอบคุณ รู้สึกดีที่อย่างน้อยเธอคงพอจะมีคนได้พูดคุยบ้าง เธอต้องอยู่ที่นี่นานแค่ไหนไม่รู้ ป้าน้อยทำหน้าเหมือนอยากถามอะไรอีกแต่ก็ไม่กล้าถาม ถึงนางจะรู้ว่าคุณเพลิงของนางเป็นเสือผู้หญิง เจ้าชู้จอมหว่านเสน่ห์แต่ไม่ค่อยพาผู้หญิงคนไหนมาที่บ้าน หรือถ้าจะมีผู้หญิงตามมาถึงบ้านไร่ก็มักจะอยู่ไม่นานเพราะที่นี่ค่อนข้างไกลจากตัวเมืองมาก ไม่มีผับบาร์หรือร้านเหล้า หลังสองทุ่มก็เงียบสงัดและสงบไปหมดทั้งหมู่บ้านแล้ว

เมื่อแม่ครัวมีผู้ช่วยมาเพิ่มทำให้งานในครัวเสร็จทันมื้อเที่ยง คนงานทยอยเข้ามาในโรงอาหารที่เป็นห้องประชุมงานด้วย หลายคนแปลกใจแม้จะเป็นอาหารแบบเดิมๆ แต่การจัดจานดูดีแปลกตากว่าที่เป็นก็อดประหลาดใจไม่ได้

“ปกติป้าน้อยแกไม่เคยแยกผักมาให้เรานี่หว่า เห็นใส่ตะกร้ามาให้เราหยิบกินกันเอง”

“ไข่ต้มยังปอกเปลือกให้ด้วย ทุกทีใครอยากกินก็จัดการตัวเอง”

“เออวะ มะเขือยังผ่าให้อีก ทุกทีมาเป็นลูกๆ กัดกินกันเอง”

“แกถูกหวยเลยอารมณ์ดีหรือเปล่าวะ”

พิชญะที่เพิ่งกลับมาจากในไร่มองดูอาหารบนโต๊ะก็รู้สึกเหมือนที่ลูกน้องพูด เขาให้คนงานกินข้าวพร้อมหน้ากันเพื่อความสามัคคีและสนิทสนมกันมากขึ้นคล้ายว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เขาถอดหมวกปีกกว้างออกแล้วมองหา ‘คนงาน’ คนใหม่ที่ถูกส่งให้มาช่วยในครัว รินรดาก้าวเข้ามาพร้อมกับเหยือกน้ำเย็น แล้วรินน้ำดื่มใส่แก้วให้เขา เพียงคนแปลกหน้าก้าวเข้ามาเสียงอืออึงเมื่อครู่ก็เงียบไป ทุกสายตาจับจ้องมายังร่างบางที่ดูแลจัดอาหารให้เขาโดยเฉพาะ เขาอยากได้ยินเสียงโอดครวญจากเธอแต่สีหน้าเธอกลับดูผ่อนคลายต่างจากที่อยู่กับเขา นั้นกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด

“นั่งกินด้วยกัน” พิชญะสั่งก่อนที่รินรดาจะหมุนตัวกลับไป

หญิงสาวจ้องหน้าคนชอบออกคำสั่งแต่เธอรู้ดีว่าการขัดคำสั่งเขาต่อหน้าคนงานจะทำให้คนอื่นมองเขาไม่ดีนัก รินรดาเม้มปากแล้วเดินกลับมายืนใกล้ๆ เขา แต่ตรงนั้นมีคนนั่งอยู่ เธอจึงจะขยับไปนั่งตรงที่พอจะแทรกตัวได้ แต่คนงานที่อยู่ใกล้รีบลุกขึ้นให้เธอนั่งราวกับรู้ว่าเจ้านายคิดอะไรอยู่

“กินซิ! มองอะไรกันอยู่” พิชญะตวาดคนงานที่เอาแต่จ้องมองหญิงสาวแปลกหน้า ทุกคนสะดุ้งแล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารบนโต๊ะ

รินรดาเปิดกระติ๊บข้าวใบน้อยน่ารักแล้วปั้นข้าวเหนียวเป็นคำเล็กๆ จิ้มไปที่ไข่ต้มที่เหยาะน้ำปลาเล็กน้อย อาหารง่ายๆ ก็ได้รสอร่อย เธออดคิดไม่ได้ว่าทำไมตอนอยู่กรุงเทพฯ ไม่ทำอะไรง่ายๆ แบบนี้กินบ้างนะ เธอชอบอาหารพื้นบ้านที่อุดมไปด้วยผักสดหรือผักลวก แต่คุณแพรวากับมาติกาชอบอาหารฝรั่งทำให้เธอต้องหัดทำอาหารให้คุณๆ ในบ้านกินกัน ยิ่งลาบปลาดุกที่ดูง่ายๆ แต่รสชาติเผ็ดร้อนทำให้ต้องกินผักแก้เผ็ด เพราะรสร้อนของพริกทำให้ใบหน้าขาวแดงระเรือขึ้นมา ผิดกับพิชญะที่ดูจะไม่มีความสุขกับอาหารมื้อเที่ยงนัก เหตุเพราะหน้าตาระรื่นของหญิงสาวข้างๆ เอาเถอะ! แม่สาวกรุงเทพ จะยิ้มไปได้สักกี่น้ำ นี่แค่เริ่มวันแรกคงยังไม่รู้สึกอะไรสักเท่าไหร่

“ตอนบ่ายก็อยู่ช่วยงานป้าน้อยก่อน เย็นๆ จะมารับ อ้อ! ทำกับข้าวมื้อเย็นไปไว้กินที่บ้านด้วยเลย”

“ค่ะ” รินรดารับคำแล้วยิ้มน้อยๆ อยู่ในครัวเหรอ สบายอยู่แล้ว ไม่ต้องเจอหน้าดุๆ อย่างคุณได้เลยยิ่งดี

มื้อเที่ยงไม่เป็นแบบที่พิชญะคิด เขาหงุดหงิดแต่ก็นึกไม่ออกว่าจะทำยังไงดี

“เสร็จแล้วก็กลับไร่ไป!”

“อ้าว! มันยังไม่บ่ายโมงเลยนะครับนาย” ลูกน้องถามอย่างแปลกใจ ปกติกินข้าวเที่ยงแล้วก็จะได้พักถึงบ่ายโมงถึงจะทำงานต่อ

“งั้นก็ไปพักที่อื่นไม่ต้องมาเสนอหน้าแถวนี้”

“เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว” รินรดาร้องขึ้นก่อน สายตาทุกคู่หันมามองเธอ “เอ่อ...มีของหวานด้วยค่ะ พอดีรินเห็นมีมันเทศอยู่ ก็เลยทำมันเทศต้มน้ำตาล ถ้ายังไงก็กินกันคนละถ้วยสองถ้วยก็ได้นะคะ”

“ลาภปากจริงๆ เลยพวกเรา”

หญิงสาวหันมาทางพิชญะที่ยืนหน้าตึงอยู่ใกล้ๆ “คงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ ที่ฉันทำของหวานด้วยนอกเหนือคำสั่งของคุณ”

พิชญะขบฟันรู้สึกหงุดหงิดที่แผนแรกไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ คนงานในไร่ต่างมองหญิงสาวตาเป็นมันทั้งที่เขาเป็นเจ้านายยืนหัวโด่อยู่ เขาคว้าข้อมือเล็กไว้ก่อนที่เธอจะเดินไปทางครัว สายตาของเธอจ้องมองเขาอย่างตื่นตระหนก และเธอก็พลาดที่แสดงท่าทางหวาดกลัวเขาออกมานั้นทำให้เขายิ้มได้

“นี่รินรดา คนงานใหม่ของไร่รับคำสั่งตรงจากฉันเท่านั้น”

พิชญะไม่ได้แนะนำอะไรมาก รินรดาฝืนยิ้มให้กับทุกคน ก็ยังดีที่เขาไม่ได้แนะนำกับใครต่อใครว่าเธอถูกส่งมาขัดดอกใช้หนี้สิบล้านของครอบครัว พิชญะก้มหน้ากระซิบที่ข้างหูหญิงสาว

“งานในไร่ไม่ได้มีแค่นี้หรอกนะ ยังมีอะไรหนักๆ ที่จะทำให้มือบางๆ ของเธอหยาบกระด้างได้อีกเยอะ”

รินรดาเชิดหน้ามองเขา “ฉันไม่กลัวงานหนักหรอกค่ะ ยังไงมันก็ดีกว่าขายตัวใช้หนี้”

“ปากดีให้ตลอดแล้วกันรินรดา”

พิชญะปล่อยข้อมือเธอออกเป็นอิสระ “อย่าลืมมื้อเย็นแล้วงานทำความสะอาดบ้านฉันยกให้เธอเป็นของแถมด้วย”

ชายหนุ่มหยิบหมวกปีกกว้างมาสวมแล้วเดินออกไป รินรดาถอนหายใจเบาๆ แล้วหลบเข้ามาในครัว เตรียมจะล้างเครื่องครัวให้เรียบร้อย งานบ้านงานครัวนะเหรอ? เรื่องจิ๊บๆ สำหรับเธอ บ้านเพชรประกายใหญ่กว่าบ้านไร่ของเขาสองเท่าเห็นจะได้ เธอยังทำความสะอาดคนเดียวไหว แล้วบ้านหลังเล็กๆ อย่างนั้นไม่ได้ทำให้เธอลำบากหรอก แต่เธอก็อดเป็นห่วงบริษัทไม่ได้ เธอไม่อยู่ใครจะจัดการงานทั้งหมด มาติกาก็ไม่เคยเข้ามาทำงานในบริษัทเลย

“ตายแล้ว ตายแล้ว”

“อะไรคะป้าน้อย” รินรดาตื่นจากภวังค์

“หนูรินใส่เสื้อขาวแบบนั้นก็เลอะเทอะแย่เลย ป้าก็ไม่มีผ้ากันเปื้อนให้ด้วย”

รินรดาก้มมองดูตัวเอง เธอเตรียมเสื้อผ้ามาแค่ไม่กี่ชุดแถมเป็นชุดทำงานที่ไม่เหมาะกับงานในไร่ คงต้องหาซื้อเสื้อผ้าใส่แก้ขัดไปก่อน

“แถวนี้มีร้านขายเสื้อผ้าไหมคะ รินเอาเสื้อผ้ามาน้อยคงต้องซื้อเสื้อยืดใส่สักตัวสองตัว”

“มีตลาดนัดค่ะ แต่จะมีทุกวันพุธในหมู่บ้าน เดี๋ยวป้าหาดูเสื้อผ้าของลูกสาวมาให้ใส่แก้ขัดไปก่อนแล้วกัน”

“ขอบคุณมากค่ะป้าน้อย”

“ไม่เป็นไรหรอก ลูกสาวได้ผัวไปทำงานที่ระยองนานแล้ว เสื้อผ้ามันก็ฝุ่นจับไปแล้วไม่รู้หนูรินจะใส่ได้หรือเปล่า”

“รินไม่เรื่องมากหรอกค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้ “ว่าแต่ปกติมื้อเย็นคุณเพลิงกินอะไรหรือคะ”

“มื้อเย็นคุณเพลิงไม่ค่อยกินข้าวหรอก” ป้าน้อยหัวเราะ “กินแต่กับแกล้มมากกว่า”

“กับแกล้มเหรอคะ?”

“พวกคนงานนะ ตกเย็นก็ก๊งเหล้าแก้เมื่อยคนละเป๊กสองเป๊ก คุณเพลิงแกก็ดื่มกับคนงานด้วย ก็เลยเตรียมแต่กับแกล้มไว้สักอย่างสองอย่างก็พอ”

“แต่เขาสั่งกับข้าวมื้อเย็นนี่คะ รินก็เลยไม่รู้ว่าเขาจะกินอะไร”

“คุณเพลิงแกก็เป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายไม่ยุ่งยากหรอกจ๊ะ ป้าก็ไม่อยากเห็นแกกินเหล้ากินยานักหรอก เมื่อก่อนแกไม่ใช่คนแบบนี้นะ คุณเพลิงของป้าเป็นคนจิตใจดีไม่ทำหน้าดุอย่างทุกวันนี้หรอก”

“แล้วทำไมคุณเพลิงทำหน้าเหมือนคนท้องผูกทั้งวันอย่างนั้นละป้าน้อย” หญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้ “อกหักเหรอคะ”

“ใครจะมากล้าหักอกผู้ชายอย่างคุณเพลิง” ป้าน้อยโบกมือโบกไม้ไปมา “ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่แกกลับจากเมืองนอกเมื่อห้าปีก่อนก็เป็นแบบนี้มาตลอด”

“กลับจากเมืองนอก?” รินรดาตาโต “ไปเที่ยวเหรอคะ”

“โอ๊ย! คุณเพลิงแกไปเรียนต่อตั้งสี่ปีแหนะ” ป้าน้อยพูดอย่างภูมิใจ “นี่ถ้าคุณผู้ชายังอยู่คงดีใจที่เห็นลูกชายคนเดียวดูแลไร่ฉายฉานจนใหญ่โตได้ขนาดนี้”

“คุณผู้ชาย? หมายถึงคุณพ่อของคุณพิชญะเหรอคะ”

“ใช่จ๊ะ อุ้ย!”

ป้าน้อยปิดปากเมื่อหันไปเห็นร่างใหญ่ทำหน้ายักษ์ยืนอยู่ด้านหลังรินรดา หญิงสาวหันไปตามสายตาของแม่ครัวแล้วก็สะดุ้งโหย่ง คนที่นินทายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“ผมเปลี่ยนใจแล้ว คุณไปกับผม”

“ไปไหนคะ” รินรดาล้างมือแล้วมองเขาอย่างงุนงง

“คุณมีหน้าที่ตามที่ผมสั่ง” เขามองไปทางป้าน้อยที่แกล้งก้มหน้าหลบสายตาเขา “ต่อไปนี้งานในบ้านผมให้รินรดาดูแล และถ้าไม่มีคำสั่งจากผมก็ห้ามใครไปยุ่งในบ้านด้วย”

“ค่ะคุณเพลิง”

รินรดาได้แต่เดินตามแผ่นหลังของเขามาที่รถกระบะ ‘อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนผู้หญิงเลยจริงๆ’ หญิงสาวได้แต่นินทาเขาในใจ ถึงอยากรู้แต่ก็ไม่อยากถามว่าเขาจะพาเธอไปไหนอีก เอาเถอะ! เขายังรู้จักเธอน้อยเกินไป ถึงเธอจะเคยออกงานกับมาติกาอยู่หลายครั้งแต่เธอก็ไม่คุ้นกับงานกลางคืนหรืองานสังคมเหมือนมาติกากับคุณแพรวา งานหรูหรา ผู้คนแต่งกายสวยงามแต่ซ่อนความร้ายกาจใต้หน้ากากรอยยิ้ม นั้นต่างหากที่เธอเหนื่อยใจ

งานหนักแค่ไหนเธอทนได้ แต่จะให้ขายศักดิ์ศรีนะเหรอ! ไม่มีวันเสียหรอก!.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel