ตอนที่ 4
ติ๊งต่อง... ติ๊งต่อง...
“มุกจ๋า พี่มาแล้วนะ” ธาวินตะโกนเรียกเธออยู่หน้าบ้าน
มุกเรียงได้ยินเสียงของเขาแล้ว เธอยืนอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องนอน มองจ้องหน้าสบตากับตัวเอง ในหัวยังคงมีคำพูดของคุณลุงกมลดังวนเวียนอยู่เต็มไปหมด
ใบหน้าของเธอที่แต่งสวยพองาม ดวงตาตอนนี้ไม่มีแว่นตาหนา ๆ ให้เกะกะอีกแล้ว หญิงสาวเลือกที่จะใส่คอนแทกต์เลนส์แทน
ชุดผ้าไหมสีไข่ไก่ เธอยังนึกว่าทำไมเธอต้องเลือกที่จะใส่ชุดแบบนี้เพื่อที่จะไปบ้านเขา แค่คิดถึงใบหน้าและแววตาดูแคลนของคุณลุงกมลแล้ว เธอก็ตัดสินใจหยิบตุ้มหูเพชรที่คุณปู่วิศาลซื้อให้ขึ้นมาใส่อีกเพื่อไม่ให้คุณลุงดูถูก มุกเรียงยืนมองกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่สองใบที่วางอยู่ปลายเตียง ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ห้อง
‘ต่อไป ที่นี่ก็เป็นแค่ความทรงจำ เธอตัดสินใจเข้าไปอยู่กับเขาในวันนี้ มันเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ มุกกับพี่มาร์ช เราสองคนจะร่วมสร้างความทรงจำดี ๆ และจากนี้ไป จะมีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิตของมุก’
เพียงเขาเห็นกระเป๋าสองใบที่อยู่ข้าง ๆ กายเธอ เขาก็ยิ้มร่า หน้าบานไม่มีหุบ เดินปรี่เข้าไปหามุกเรียงอย่างรวดเร็ว เขาคว้าเอวของเธอแล้วดึงร่างบางเข้ามาหาตัว มุกเรียงเงยหน้ามองใบหน้าของธาวินแววตาของเธอต่างไปจากวันก่อน ๆ
“สวยมากครับมุก มุกของพี่สวยที่สุด พี่ดีใจที่มุกตัดสินใจแบบนี้ หัวใจของพี่โบยบินมาหามุกแล้ว พี่รีบหนีงานมาเลยนะ” ธาวินพูดอย่างออดอ้อน ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยพูดจาแบบนี้กับใครมาก่อน
“ทำปากหวานจริง ๆ ค่ะ” มุกเรียงรู้สึกว่ารักผู้ชายคนนี้และอยากอยู่กับเขาตลอดไป เธอยกแขนของเธอสวมกอด ความคิดของเธอแน่วแน่ แม้ข้างในหัวใจยังหวั่นไหว ความกลัวมันทำให้เนื้อตัวสั่นเทา
“เป็นอะไรวันนี้ ปกติมุกไม่เป็นแบบนี้นี่นา” ร่างเล็กที่สั่นเทิ้มจนเขารับรู้ได้ หญิงสาวน้ำตาไหล เงยหน้าขึ้นยิ้มกับธาวิน
“ร้องไห้ทำไม” เขาเช็ดน้ำตาให้
“มุกอยากจะถามพี่มาร์ชอีกครั้งหนึ่ง พี่มาร์ชยังอยากแต่งงาน และอยู่กับมุกไปตลอดชีวิตจริง ๆ ไหม”
“ทำไมถามพี่แบบนี้อีก พี่เคยพูดกับมุกเรื่องนี้ไปแล้ว พี่ต้องแต่งสิ พี่อยากอยู่กับมุกใจจะขาดแล้วนะ อยากให้ถึงคืนนี้เร็ว ๆ จัง พี่จะทำ...” เขาส่งสายตากรุ้มกริ่ม
มุกเรียงเข้าใจความหมาย เธอส่งยิ้มตอบให้กับเขา
“เราสองคนจะมีลูกกันเลยได้ไหมคะ” พูดไปทำท่าเอียงอายไป
“ได้สิ มีกี่คนดี สอง สาม หรือ สี่คน ได้ทั้งนั้น พี่รักเด็กนะ” ธาวินท่าทีมีความสุข เขากระชับอ้อมกอดเธอเอาไว้แน่น ทั้งสองคนยังกอดกันอยู่ตรงนั้น
“พี่มาร์ชต้องจำคำพูดที่พูดวันนี้ ตรงนี้กับมุกเอาไว้นะคะ”
ธาวินหัวเราะ
“พี่สัญญา พี่ไม่มีวันลืมแน่นอน ตลอดไป”
“ขอบคุณค่ะ”
สองคนจุมพิตกันอย่างดูดดื่ม
บ้านของคุณกมล
“มากันแล้วค่ะ” ภูริตาพี่สาวของธาวินเดินกลับเข้าไปบอกแม่ของเธอกับน้าเพ็ญเพียรถึงในห้องครัว
“คุณปู่น่าจะหาสามีให้กับคุณมัดหมี่ด้วยนะคะ” เพ็ญเพียรเอ่ยปาก
“โอ๊ย...ยังไม่ก่อนดีกว่าค่ะเพ็ญเพียร หมี่ขออยู่กับคุณแม่แบบนี้ไปก่อน” ภูริตาหัวเราะ
“จิ๋ม อยู่ไหน จิ๋มเอ้ย มาช่วยยกอาหารพวกนี้ออกไปตั้งที่โต๊ะหน่อยสิ” คุณภารดีเรียกหาคนรับใช้
“มาแล้วค่ะคุณผู้หญิง ยกไปทั้งหมดนี่หรือคะ” จิ๋มเสนอหน้า
“ก็ใช่นะสิ” คุณภารดีชี้ไปยังถ้วยจานที่เธอตักอาหารเอาไว้แล้ว
“เอ่อ... จิ๋มแล้วเธอเห็นคุณผู้ชายไหม”
“เห็นค่ะ นั่งอยู่ที่ห้องทำงานกับคุณปู่น่ะค่ะ”
“คุยอะไรกันอยู่” คุณภารดีถามต่อ
“อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันคะคุณนาย จิ๋มไม่ได้แอบฟัง”
“อ้อ... นึกว่าที่หายไปเพราะไปแอบอยู่ตรงไหน” ภูริตาแซวพี่จิ๋ม
“แหม... คุณมัดหมี่คะ เห็นพี่จิ๋มเป็นคนยังไงเนี่ย”
“ก็พวกชอบสอดไง” ป้าดาที่เงียบเสียงอยู่ นางเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงอยู่ในครัวพูดแทรกขึ้น
จิ๋มรีบยกกับข้าวออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว หนีหน้าไม่อยากสบตากับป้าดาที่ทำตาดุเข้าใส่
“มัดหมี่ไปตามคุณปู่กับคุณพ่อไป” คุณภารดีบอกลูกสาว
“ค่ะคุณแม่”
“พ่อตาถึงใช่ไหมตากมล” คุณวิศาลคุยโม้กับลูกชาย
“เอาที่คุณพ่อสบายใจดีกว่าครับ พ่อว่ายังไง ผมก็ว่ายังงั้น” ปากพูดออกไปแบบนั้น แต่ในหัวใจไม่ได้คล้อยตามเลยสักนิด
“จะหาใครที่เหมาะสมกว่าหนูมุกอีก ไม่มีหรอก มุกเรียงเป็นถึงรองศาสตราจารย์ มีความรู้ มีความสามารถ เก่งการบ้านการเรือน เป็นเมียและแม่ที่ดีได้” คุณปู่ยังชมหลานสะใภ้อย่างออกนอกหน้า
คุณกมลผู้เป็นลูกทำหน้าแสยะยิ้ม มองบน เปิดปากเถียงคุณพ่อของตัวเองออกไปไม่ได้ แต่ก็ขอให้ได้แย้ง
“แต่ถ้าทำงานอยู่ในวงการเดียวกันมันคงดีกว่านะครับ”
“อ้าว... ทีแกยังเลือกยายภามาเป็นเมีย ทำไมแกไม่เลือกเอาที่เก่งงาน ทำธุรกิจเหมือนแกมาเป็นเมียล่ะ เมียเก่งกว่าผัว มันก็น่ากลัว ทำงานคนละแบบละแนวแบบนี้ จะได้มีเวลาให้กันได้”
“แต่ปรึกษาอะไรก็ไม่ได้”
“แน่ใจหรือว่าปรึกษาไม่ได้ แกมันเผด็จการมากกว่า เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ จะมานั่งคอยรับคำปรึกษาจากใครเขาได้ ฮึ... ฉันถามแกเหอะ” คุณวิศาลเริ่มโมโห
คุณกมลอ้าปากจะเถียง คุณปู่วิศาลยกนิ้วขึ้นมาชี้ไปที่ตรงหน้าของเขา
“อย่ามาเถียง แกรู้อยู่แก่ใจของแกดี ตัวเองไม่รู้ตัวเองว่าเป็นคนยังไงก็แปลกล่ะ”
“โธ่... คุณพ่อ วันนี้ตั้งใจจะมากินข้าวกัน หรือว่าคุณพ่อตั้งใจจะมาหาเรื่องผมกันแน่ครับ” คุณกมลโอดครวญสีหน้าไม่พอใจ
คุณปู่วิศาลยักไหล่ ท่านรู้จักลูกชายตัวเองดี ถ้าตอบมาแบบนี้แสดงว่าเถียงไม่ขึ้น เพราะเป็นเรื่องจริงล้วน ๆ
“กมล...แกต้องคิดถึงหัวอกหัวใจของคนอื่นเขาบ้างนะ อย่าเอาแต่ใจแกมากมายนัก อีกอย่างที่เจ้ามาร์ชมันยอมแต่งงานกับหนูมุก เพราะเจ้ามาร์ชมันรักและพอใจหนูมุกมาก ทั้งสองคนรักกัน”
“พ่อไปนั่งอยู่ในใจของมันหรือไง” ยังคงเถียงไม่ลดละ
คุณปู่หัวเราะ
“ก็เหมือนที่ฉันรู้เรื่องแก เหมือนฉันนั่งอยู่ในหัวใจของแกน่ะแหละ ฉันรู้นะว่าแกไม่ได้ชอบหรืออยากได้หนูมุกมาเป็นลูกสะใภ้”
“ถ้าคุณพ่อรู้แบบนี้แล้ว คุณพ่อยังจะทำแบบนี้ทำไมครับ”
“ก็ฉันบอกแกแล้วไง เจ้ามาร์ชมันรักหนูมุก” ทั้งคู่ตั้งท่าจะเถียงกันแล้ว
“คุณปู่คะ คุณพ่อคะ จัดโต๊ะอาหารเสร็จแล้วค่ะ” ทั้งสองต้องหยุดเถียงกัน เพราะภูริตาส่งเสียงมาเบรก พร้อมกับยิ้มบานแฉ่ง
“ไม่เห็นจะต้องมีพิธีรีตองอะไรเลย รีบ ๆ กิน รีบ ๆ กลับ” คุณกมลพูดทิ้งท้าย เดินนำหน้าทุกคนออกไปจากห้อง ไม่สบอารมณ์ที่คุณวิศาลพูดแทงหัวใจ
“พ่อแกนี่ ร้อยวันพันปีผ่านไปยังไง มันคงไม่ปรับเปลี่ยนนิสัยซะเลย ถามจริง ๆ เถอะยายหมี่ แม่แกทนอยู่กับพ่อแกได้ยังไง”
“เพราะรักมั้งคะ” ภูริตาหัวเราะ
“อ๋อเหรอ อือ... รักลงไปได้ยังไงนะ” ปู่วิศาลส่ายหน้า
“คุณปู่อะ ตลกละ เมื่อไหร่จะเลิกเป็นไม้เบื่อไม้เมากันกับคุณพ่อคะ” หลานสาวชินตาแล้วกับการพบเจอกันทีไรของพ่อลูกคู่นี้ มีเรื่องได้ปะทะคารมกันให้ทุกที ภูริตาประคองคุณปู่เดินออกไปด้วยกัน
“แล้วเจ้ามาร์ชกับหนูมุกมาแล้วหรือยัง”
“มาแล้วค่ะ คงอยู่กับคุณแม่ในครัวแล้ว”
กิริยาที่ธาวินเทกแคร์และดูแลมุกเรียงขัดสายตาของคุณกมลเป็นที่สุด เขาเอาแต่จ้องมุกเรียงแล้วยิ้มมุมปาก สิ่งที่เขาคาดหวังอยู่ข้างใน เธอคงปฏิเสธออกมาว่า ไม่อยากแต่งงานกับธาวินแน่ ๆ เพราะเขาเชื่อมั่นว่า คนที่มีความมั่นใจในตัวเองแบบหญิงสาว คงทนไม่ได้ที่ พ่อสามีประกาศปาว ๆ ว่าไม่ต้องการเธอมาเป็นลูกสะใภ้ ถ้าเลือกได้ เธอคงไม่เลือกทางที่เต็มไปด้วยปัญหา
เขายังยกมือรับไหว้เธอแบบแกน ๆ สีหน้าและแววตาบ่งชัดว่าไม่ได้ยินดีต้อนรับ และถ้าเป็นไปได้คุณกมลแทบไม่อยากจะนั่งโต๊ะร่วมวงกินข้าวด้วยเลย ถ้าไม่ติดที่คุณวิศาลพ่อของเขา
“สวยจังเลยหลานสะใภ้ปู่” ปู่วิศาลเอ่ยทักทายคนที่มีอายุน้อยกว่ากล่าวสวัสดีทักทาย มุกเรียงหันมายกมือไหว้ท่าน
