บท
ตั้งค่า

ตอนที่5 จะตั้งใจทำหน้าที่ภรรยา

“แม่รู้ว่าหนูคงจะยังไม่ได้รักคิริน แต่การชีวิตคู่ผัวเมียของเราสองคน แม่ขอให้อยู่ด้วยกันอย่างเห็นอกเห็นใจแล้วก็สงสารกันได้ไหม ดูแลกันและกันเข้าอกเข้าใจกันแม้ในวันที่ลูกแม่ไม่น่ารักได้ไหม”

“ค่ะคุณแม่ ชมพูตกลงที่จะแต่งงานเอง ชมพูจะทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุดค่ะ”

“ระหว่างที่อยู่กับพี่เค้า หนูชมพูไม่ต้องห่วงทางนี้ แม่จะดูแลแม่ของหนุชมพูให้ดีที่สุดอย่างที่สัญญาเอาไว้”

“ขอบคุณนะคะที่ดีกับครอบครัวชมพู”

“จะ แม่ไม่กวนแล้ว พักผ่อนเถอะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” ตอนนี้เธอยังบอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องของคิรินกับชมพูนุชไม่ได้ทั้งหมด แต่หากว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอรับปากว่าจะทำตามที่ขอได้แค่นี้เธอก็สบายใจไปเปราะหนึ่งแล้ว

หลังจากสร้อยฟ้าออกจากห้องไป ชมพูนุชก็เดินไปดูชุดเจ้าสาวที่เธอจะต้องใส่ในวันพรุ่งนี้ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเมื่อไล่มองชุดเดรสเกาะอกสีขาวเรียบ ไม่หวือหวา แม้เธอไม่ได้เป็นคนเลือกแบบเองแต่ก็ยอมรับว่า ว่าที่แม่สามีเลือกได้ถูกใจเธอพอสมควร

ตอนนี้ชมพูนุชไม่ได้ตื่นเต้นหรือรู้สึกดีใจมากเช่นเจ้าสาวคนอื่นที่จะได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก แต่มีแอบตื่นเต้นเล็กน้อยที่พรุ่งนี้จะต้องปั้นหน้ารับแขกในงานแต่งที่เธอไม่ได้คิดได้ฝันว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองได้เร็วขนาดนี้

เช้านี้ชมพูนุชถูกทีมช่างแต่งหน้าทำผมจับมาแต่งเนื้อแต่งตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ตอนนี้หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสเกาะอกสีขาวเรียบร้อยแล้ว ผมยาวสลวยของเธอถูกรวบเก็บม้วนเป็นโดนัทเหน็บด้วยเวลซีทรูสีขาวผืนยาว ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มเครื่องสำอางจนดูผุดผ่องเพิ่มความสวยหวานให้ใบหน้าของชมพูนุชไปหลายเท่า

“ลูกสาวแม่สวยที่สุดเลยนะวันนี้” ราตรีมองลูกสาวคนเดียวของเธอด้วยสายตาปลาบปลื้ม รู้ตัวว่าลูกสาวจะต้องห่างอกไปมีครอบครัวก็เริ่มน้ำตารื้นแต่ก็ต้องสกัดกั้นอารมณ์เอาไว้ เพราะไม่อยากให้ลูกไม่สบายใจ

“แกสวยมากเลยชมพู สวยจนฉันขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย” กันยาทำท่ายกมือลูบแขน

“จริง หวานหยาดเยิ้มขนาดนี้เจ้าบ่าวเห็นจะปลื้มขนาดไหนนะ” ดารินทร์ฉีกยิ้มหน้าระรื่น

“ชมกันอยู่นั่นแหละ ฉันเขินหมดแล้ว” ชมพูนุชมองไปยังเพื่อนทั้งสองไม่กี่วินาทีก็ก้มหน้างุด จะรู้สึกประหม่ามากๆ ก็ตรงที่ถูกเอ่ยชมนี่แหละ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ทั้งสี่สายตามองไปยังหน้าประตูห้องกันเป็นตาเดียว เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มรูปหล่อร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีขาวเดินเข้ามาทุกคนต่างก็เปรยยิ้มให้เป็นมารยาท

“ผมขอคุยกับเจ้าสาวของผมหน่อยได้ไหมครับ”

“ตามสบายนะคะคุณคิน ไปรอที่หน้างานกันเถอะลูก” ราตรีลุกขึ้นเสร็จก็รีบเรียกกันยาและดารินทร์ออกไปข้างนอก เพราะอยากจะให้ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้พูดคุยกันตามลำพัง

“คุณชมพูสวยมากเลยนะครับ” ชายหนุ่มในชุดเจ้าบ่าวเข้ามานั่งตรงข้ามกับชมพูนุชก่อนจะเอ่ยปากชมเธอจากใจจริง

“ขอบคุณค่ะ ชมพูคิดว่าจะได้เจอคุณคินที่หน้างานซะอีกนะคะ” หญิงสาวอมยิ้มแอบเขินกับคำชมเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ประหม่าจนไม่กล้าคุยกับเขา

“ขอโทษด้วยนะครับ ที่ก่อนหน้านี้ไม่มาเจอหน้าคุณเลย ไม่โกรธใช่ไหมครับ”

“ชมพูเข้าใจค่ะว่าคุณคินอาจจะยุ่งกับงาน มาหาชมพูมีอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่าจะมารับให้ออกไปที่งานคะ”

“ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณครับ” น้ำเสียงของชายหนุ่มเริ่มมีความจริงจังขึ้นมาพอสมควร

“อะไรเหรอคะ”

“ผมขอบคุณมาก ที่คุณยอมตกลงที่จะแต่งงานกับผมทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้เจอแล้วก็พูดคุยกันมาก่อน หลังจากแต่งงานหวังว่าคุณจะเปิดใจทำความรู้จักนิสัยใจคอของผม ไม่ว่าจะเป็นนิสัยที่ดีหรือไม่ดี” ถึงตรงนี้ชายหนุ่มเริ่มก้มหน้าลงและเงียบไป

ชมพูนุชก็ยังคงเงียบและยังไม่คิดจะพูดอะไรแทรก ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเจ้าบ่าวของเธอก็เริ่มเงยหน้าขึ้นมาพูดต่อ

“ถ้าวันนึงคุณเห็นข้อเสียของผม ผมไม่อยากให้คุณรีบปล่อยมือผม อยากให้คุณใช้ความอ่อนโยนของคุณขัดเกลาให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้นจะได้หรือเปล่าครับ”

ชมพูนุชเริ่มอมยิ้มอ่อนให้เขาอีกครั้ง “ชมพูจะตั้งใจทำหน้าที่ภรรยาให้ดี ให้สมกับที่คุณกับคุณแม่เอ็นดูชมพูนะคะ ส่วนเรื่องข้อดีข้อเสียทุกคนล้วนมีในตัวทั้งนั้น ชมพูเข้าใจตรงนี้ดีค่ะ”

“ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ เราไปที่หน้างานกันดีกว่าครับ แขกเริ่มมากันเยอะแล้ว”

“ค่ะ” ชมพูนุชลุกยืนขึ้นตามเจ้าบ่าวของเธอ จากนั้นจึงเดินคล้องแขนของเขาออกจากห้องไปยังชั้นที่จัดงานแต่ง

ตอนนี้เธอเริ่มตงิดใจกับคำพูดของสร้อยฟ้าและคิรินที่พูดเหมือนกับว่าเธอจะต้องเจออะไรไม่ดีหลังจากแต่งงาน ทว่าอีกใจก็คิดไปว่าทั้งสองแม่ลูกก็คงจะพูดเพื่อให้เธออดทนต่อการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิมหลังแต่งงาน เพราะเห็นว่าเธอเพิ่งก้าวย่างเข้าสู่การมีครอบครัวเท่านั้น

เธอไม่ได้กังวลใจที่จะเจอเรื่องอะไรไม่ดีหลังแต่งงาน เพราะเจ้าบ่าวของเธอก็เป็นคนเลือกที่จะให้เธอเป็นภรรยาของเขาเอง อีกทั้งเขาก็ยังดูสุภาพและเป็นสุภาพบุรุษไม่น้อย

แถมเธอก็พอจะรู้จักนิสัยใจคอของทั้งพ่อและแม่ของคิริน เชื่อว่าคนที่อ่อนโยนและจิตใจดีทั้งสองคนจะเลี้ยงลูกให้จิตใจดีเหมือนกับตัวเองแน่นอน

“คุณคินมีฝาแฝดไม่ใช่เหรอ ทำไมฉันไม่เห็นเค้าเลยล่ะ” ดารินทร์สะกิดถามกันยา เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าสุดพยายามมองซ้ายมองขวามาพักใหญ่แล้วแต่ก็ไม่ยักจะเห็นฝาแฝดของคิริน

“นั่นสิ ฉันก็มองหาอยู่เหมือนกัน”

เมื่อเห็นกันยาท่าจะไม่เห็นคนที่อยากเห็นเหมือนตัวเองจึงหันมาถามราตรี “แม่คะ แฝดคุณคินเค้าอยู่ไหนเหรอคะ พวกหนูไม่เห็นเลย จะดูซะหน่อยว่าหน้าเหมือนกันแค่ไหน”

“อ๋อ...เห็นคุณสร้อยบอกว่าคุณภูต้องไปต่างประเทศด่วนเมื่อวานนี้เอง”

“อ๋อ...เลยอดเห็นเลย” ดารินทร์บุ้ยปาก เพราะเธอได้ยินมาว่าแฝดสองคนนี้เหมือนกันจนแยกไม่ออก ต่างจากฝาแฝดคนอื่นๆ เธอจึงอยากจะเห็นว่าจะแยกไม่ออกขนาดไหนเชียว อย่างน้อยก็น่าจะตัดผมกันคนละทรงบ้างนั่นแหละ

“คุณป้าทำยังไงครับคนไข้ของผมถึงได้ยอมกินยา แล้วก็ยอมรับเจ้าสาวคนนี้ด้วย” ธนากรหันมาคุยกับสร้อยฟ้าขณะที่บ่าวสาวกำลังเดินถ่ายรูปขอบคุณแขกเหรื่อที่มาในงาน

สร้อยฟ้ายกยิ้มมุมปาก “อืม...ฟ้าเจรจาอะไรด้วยนิดหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าการที่คินรู้ว่ามีคนอยากจะใช้ชีวิตอยู่ด้วย มันทำให้คินอยากเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น” ในวันที่เธอเดินทางไปที่เกาะแล้วเจอคิรินกำลังอาละวาด เธอปล่อยให้ลูกชายหมดฤทธิ์และยอมสงบลงจึงได้เข้าไปคุยอะไรบางอย่างด้วย

เหตุการณ์วันนั้น

“ที่คุณแม่พาผมมาอยู่ที่นี่เพราะคุณแม่ไม่รักผมไม่อยากดูแลผมใช่ไหมครับ คนอย่างผมมันไม่มีใครรักไม่มีใครอยากให้ไปอยู่ในครอบครัวด้วยใช่ไหม” ชายหนุ่มที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนซูบผมหนวดเคราเฟิ้มนั่งกอดเข่าก้มหน้าก้มตาอยู่ในห้อง เมื่อเห็นหน้าคนเป็นแม่ก็เริ่มน้ำตารื้นพรั่งพรูความน้อยใจอย่างไม่คิดปิดบังความรู้สึก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel