CHAPTER 6 คนในความลับ
คฤหาสน์หลังใหญ่เต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้สดที่ประดับไว้รอบบ้านอย่างประณีต พรพระพายก้าวลงจากรถด้วยหัวใจที่เต้นแรง ไม่ใช่เพราะความร้อนจากแดด แต่เป็นเพราะความรู้สึกประหม่าเมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีจะต้องเผชิญหน้ากับแม่ของว่าที่เจ้าบ่าว
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกรวบรวมความกล้า ก่อนเดินเข้าไปในห้องรับรองของบ้านหลังนั้น
อัญญากำลังนั่งจิบชารออยู่บนโซฟาไม้สัก แววตาเฉียบคมแต่นิ่งสงบพรพระพายเดินเข้าไปหา ก่อนจะยกมือไหว้อย่างสุภาพ
“สวัสดีค่ะคุณป้าพายขอโทษด้วยนะคะที่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้มาด้วย” พรพระพายส่งยิ้มให้แม่ของเขา ซึ่งแววตาของอีกฝ่ายนั้นดูอ่อนโยนมาก ซึ่งแตกต่างกับไทเกอร์
อัญญารับไหว้ด้วยรอยยิ้มบางๆ ใบหน้าหญิงสูงวัยดูเคร่งขรึมในตอนแรก แต่แววตาไม่ได้แฝงความรังเกียจแม้แต่น้อย
“ไม่เป็นไรลูกเรียกแม่ว่าคุณแม่ก็ได้ ถ้าไม่รังเกียจ”
“ค่ะคุณแม่” พรพระพายยิ้มเก้อ ๆ นิดหน่อย แต่ก็พยักหน้า
เสียงฝีเท้าเล็กๆ ดังมาจากด้านหลัง ก่อนหญิงสาววัยรุ่นร่างโปร่งจะวิ่งเข้ามาแล้วโผเข้ากอดแม่อัญญาอย่างสนิทสนม
“ขอโทษค่ะเอวาไปเปลี่ยนเสื้อช้านิดหน่อย พี่เอวาค่ะยินดีที่ได้รู้จักว่าที่พี่สะใภ้”
พรพระพายหันไปมองยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า เอวารินทร์หน้าตาจิ้มลิ้ม มีรอยยิ้มสดใสเหมือนไม่มีพิษภัย เธอกลัวว่าจะเจอเขาในวันนี้
“มองหาพี่ไทเกอร์เหรอคะ รายนั้นไม่ค่อยกลับบ้านหรอกไปนอนกกสาวที่กาสิโน”
“เอวาลูก” อัญญาห้ามปรามลูกสาว
“น้องพายเจอกับพี่ไทเกอร์บ้างหรือยัง” เอวารินทร์พูดคุยอย่างเป็นกันเอง
“เจอแล้วค่ะ”
“เสียดายคุณพ่อของพี่ติดงานไม่งั้นคงได้เจอกัน”
“เจอกันครั้งแรกพี่ไทเกอร์พูดอะไรบ้างคะ ทั้งสวยทั้งน่ารัก พี่ไทเกอร์ตกตะลึงตาค้างแน่ๆ เลย” เอวารินทร์หันไปพูดกับแม่แล้วขำ
“แบบนี้พี่ไทเกอร์ต้องรักหัวปักหัวปำแน่ๆ”
“แม่จองร้านลองชุดแต่งงานไว้ หนูพายว่างวันไหนบ้างจ๊ะ” อัญญาคิดถึงเรื่องเมื่อวานแล้วยิ้ม ไทเกอร์จะเริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้ว
“ทำไมต้องลองชุดไวขนาดนั้นคะ” เธอแปลกใจเพราะยังไม่ได้คุยเรื่องแต่งงานแบบจริงจัง
เมื่อวานตอนเย็น
ไทเกอร์เดินเข้าบ้านโดยไม่สนใจคนรับใช้ที่กำลังก้มหน้ายกของ พลางก้าวขึ้นบันไดอย่างเร็ว จนคนที่นั่งจิบชาอยู่บนโซฟาชั้นล่างถึงกับขมวดคิ้ว
“ไทเกอร์ กลับมาเร็วนะวันนี้ลมอะไรหอบมา” อัญญาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบหรู
“คุณแม่ครับ” ชายหนุ่มหยุดเท้า หันกลับมาหาแม่ของตนด้วยสีหน้าจริงจัง
“ว่ามาสิลูก” อัญญาวางถ้วยชา ดวงตาเริ่มจับสังเกตได้ว่าลูกชายของเธอกำลังคิดการใหญ่ ไทเกอร์เดินมาหยุดตรงหน้าแม่
“ผมจะแต่งงานกับพรพระพาย”
อัญญาชะงักไปเพียงครู่ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้าประหลาดใจแวบผ่านวูบหนึ่ง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ไทเกอร์พูดต่อด้วยเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม
“แต่ผมจะเลื่อนให้เร็วขึ้นกว่ากำหนด”
“ทำไมต้องรีบขนาดนั้น?” เรื่องที่จะให้ลูกชายแต่งงาน ยังไม่คุยเรื่องกำหนดวันแต่งงานด้วยซ้ำ
“...” ไทเกอร์ไม่ตอบในทันที เขาหลุบตาลงต่ำเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะพูดเรียบๆ
“คุณพ่ออยากให้แต่งผมก็จะแต่ง”
“แต่เรื่องนี้เรายังไม่พูดกันแบบจริงจังเลยนะลูก”
“สุดท้ายคุณพ่อก็ต้องช่วยฝั่งนั้นอยู่ดี เงินห้าร้อยล้านให้ตายก็หาไม่ทันหรอกครับ”
“พูดเหมือนวางแผนมาแล้ว?” อัญญาจ้องหน้าลูกชาย ไทเกอร์พอโตขึ้นกลับเจ้าเล่ห์มากกว่าคนเป็นพ่อเสียอีก แต่เธอดีใจที่ลูกชายพูดแบบนี้
“คุณแม่จัดงานให้แล้วกันครับ 2 สัปดาห์ ขอจัดแบบไม่ต้องเชิญใคร ผมไม่อยากให้คนรู้”
“ทำไมละลูกน้องน่ารักมากเลยนะ”
“คุณแม่เลือกเอาแล้วกันจะจัดงานแบบเงียบๆ หรือจะไม่จัดแต่จดทะเบียนสมรสเลย” เขายื่นข้อเสนอแบบจริงจัง เขาจะไม่เอาชีวิตมาผูกไว้กับพรพระพาย
“ทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกันเลยเหมือนไม่ให้เกียรติอีกฝ่าย” อัญญาหนักใจไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นจะยอมหรือไม่
“เขาไม่มีเกียรติตั้งแต่ขายลูกใช้หนี้แล้วครับ” เขายืนยันด้วยความเอาแต่ใจ และเดินขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องส่วนตัว ทำให้คนเป็นแม่หนักใจว่าจะทำอย่างไรต่อ
“ก็พี่ไทเกอร์รับมาก สงสัยคงหวงน้องพายมั้ง” เอวารินทร์เป็นฝ่ายตอบเพราะเมื่อวานเธอก็ได้ยินที่พี่ชายพูด
พรพระพายคิดหนักหากมีข่าวว่าเธอแต่งงาน งานโฆษณาคงเงียบหายไปหมด แล้วแบบนี้จะช่วยครอบครัวหาเงินมาใช้หนี้ได้ยังไง
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงไทเกอร์ก็กลับมาถึงบ้าน แต่แทนที่จะเข้าไปรอด้านใน เขากลับเลือกจะยืนพิงรถอยู่ที่เดิม รอจนกว่าพรพระพายจะออกมา
ชายหนุ่มใส่แว่นกันแดดทรงเข้ม เสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนขึ้นถึงข้อศอก เผยท่อนแขนแข็งแรง และปลดกระดุมเม็ดบนเผยช่วงคออย่างไม่แยแส เขายังคีบบุหรี่ไว้ในมือหนาปลายนิ้วปล่อยควันลอยคลุ้งในอากาศอย่างเฉื่อยชา
“ฉันจะแต่งงานกับเธอเพราะหน้าที่ และเพื่อช่วยเธอใช้หนี้” เขาสบตาเธอตรง ๆ ดวงตาแข็งกร้าวไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย
“พายทราบค่ะ” ไม่เห็นต้องย้ำกันเลย
“ไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง และห้ามบอกเรื่องนี้กับใครโดยเฉพาะสื่อหรือคนในวงการ” เขาเน้นย้ำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“ไม่ต้องห่วงค่ะ พายไม่อยากให้ใครรู้เหมือนกัน”
“ปากเก่งแบบนี้ให้ได้ตลอดอย่าหลงรักฉันก็พอ วันแต่งงานจะมีแค่พ่อกับแม่เอเท่านั้น และจดทะเบียนสมรสครบ 1 ปีเราจะหย่ากัน”
พรพระพายชะงักหัวใจเหมือนโดนบีบแรงๆ ใบหน้าที่พยายามวางเฉยเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย เธอเป็นที่รักของเพื่อนของครอบครัว ทำไมถึงต้องยอมให้ผู้ชายที่ไหนไม่รู้มากดขี่เหยียบย่ำศักดิ์ศรี
“และอีกเรื่องหวังว่าเธอจะใจกว้างพอ ที่จะรับรู้ไว้ว่าฉันจะมีผู้หญิงคนอื่นเข้าใจไหม ผู้ชายแบบฉันหยุดที่ผู้หญิงคนเดียวไม่ได้หรอก”
“ถ้าคุณมีคนอื่นได้พายก็มีได้เหมือนกันใช่ไหมคะ?”
“ไม่ได้! เกิดว่าใครรู้เข้าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” เขารู้สึกไม่พอใจ เมื่อคิดถึงตอนที่พรพระพายมีคนอื่นซึ่งเขารับไม่ได้
“เห็นแก่ตัวผู้หญิงหรือผู้ชายก็มีสิทธิ์เท่าเทียมกันนั่นแหละ”
“เท่าเทียมงั้นเหรอ? แค่ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วต้องลุกให้ผู้หญิงนั่งตรงไหนที่เรียกว่าเท่าเทียม อีกอย่างฉันเป็นผู้ชายไม่เสียหายสักหน่อย” เขาหัวเราะเยาะอย่างไม่แยแส
“หยุดพูดสักที!” พรพระพายตวาดลั่น ดวงตาแดงก่ำทั้งโกรธทั้งเจ็บ
“หรือรักศักดิ์ศรีมาก ฉันจะบอกให้ศักดิ์ศรีของเธอมันหมดไปตั้งแต่วันที่พ่อแม่เธอยัดเยียดเธอมาให้ฉันแล้ว” เขาเลื่อนสายตากระแทกใส่เธอเหมือนคมมีด
เพี้ยะ!
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังทำเอาทั้งบริเวณเงียบกริบ พรพระพายตบหน้าไทเกอร์เต็มแรงจนใบหน้าของเขาหันไปตามแรงปะทะ ท่ามกลางสายตาของลูกน้องที่ยืนอยู่รอบด้าน ทุกคนพร้อมใจกันก้มหน้าหลบสายตา ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจแรง
“นี่เธอ!” เขาลูบแก้มตัวเองเบาๆ แววตาขุ่นเคืองที่โดนคนตัวเล็กตบหน้าต่อหน้าลูกน้อง
“คนอย่างคุณน่ะไม่สมควรจะมีใครรักด้วยซ้ำ! หล่อแต่หน้าถ้าคุณไม่มีเงินไม่มีอำนาจแม้แต่หมามันก็ไม่มองหรอก” เธอกัดฟันกรอด เสียงสั่นพร่าด้วยความเจ็บปวดและโกรธจัด
พูดจบหญิงสาวก็หมุนตัวเดินไปขึ้นรถ ปิดประตูเสียงดังปัง ทิ้งไทเกอร์ไว้กลางแดดร้อนจัด เขายืนนิ่งใช้หลังมือเช็ดมุมปากตัวเองที่มีเลือดซึมเล็กน้อย ดวงตาคมกริบลุกวาบด้วยความโกรธแต่กลับไม่ขยับเข้าไปหาเธอแม้ครึ่งก้าว
ไทเกอร์ไม่เคยยอมให้ใครมาทำแบบนี้แต่กับผู้หญิงตรงหน้าเขากลับไม่คิดจะตอบโต้ ไม่ใช่เพราะเขาอ่อนแอแต่เพราะเขาไม่เคยลงมือกับผู้หญิง
“หึ ปากดีให้ได้แบบนี้ตลอด” ไทเกอร์ยิ้มเหี้ยมทั้งที่แววตานั้นแทบจะแผดเผาโลก มองหน้าลูกน้องแล้วเดินขึ้นรถตามพรพระพายไปติดๆ
สุดท้ายเธอก็หนีเขาไม่พ้นหรอกจากที่คิดว่าหนึ่งปีจะหย่า แต่เห็นความอวดดีของหญิงสาวแล้วเขาอยากทรมานเธอเล่นๆ เขาเชื่อว่ายังไงแล้วผู้หญิงรักเงินมากกว่าศักดิ์ศรี
