ตอนที่ 3 กลับบ้านเดิม (4)
เขาอดใจไม่ได้ถึงกับก้มลงไปจูบสะโพกขาวผ่องของนางครั้งหนึ่งและแลบลิ้นเลียบุปผาน้อยดอกนั้นสองสามครั้ง รสชาติของนางถูกปากเขามาก ถึงกับก้มลงไปดูดกลืนอีกครั้งและถึงจับท่อนเนื้อจดจ่อและสอดประสานเข้าไปจนถึงส่วนที่ลึกที่สุด
อู๋ชิวอิ่งครางเสียงแผ่ว นางกุมสองมือเข้าไว้ด้วยกัน รอรับแรงกระแทกกระทั้นจากเขาอย่างตั้งใจและรอคอย จากนั้นร่างทั้งร่างก็โยกไหวอย่างหนัก โต๊ะเล็กเคลื่อนไปข้างหน้าไม่หยุดจนนางต้องจับยึดเอาไว้มั่น กาน้ำชาก็สั่นไหวไปด้วย
ตับๆ ตับๆ ตับๆ เสียงกระแทกดังรัวเร็ว ถี่กระชั้นขึ้นมาเรื่อยๆ หลิวเต๋อหมิงเองก็รู้ว่าทำเรื่องเช่นนี้ในวันพาภรรยากลับมาเยี่ยมบ้านเดิมหลังแต่งงานมันไม่เหมาะ แต่เขาหักห้ามใจไม่ไหว ถึงกระนั้นก็ต้องเร่งรีบปลดปล่อยให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้ใครมารับรู้และตำหนิได้
เขาจึงเร่งโจนจ้วงสะโพกเข้าไปอย่างแรง ภายในของนางช่างอุ่นและเปียกแฉะ แต่เขาชอบมาก เสียงท่อนเนื้อทิ่มตำเข้าไปในร่องลึกที่มีน้ำหลากฟังแล้วก็กระสันเสียวจนเขามวนท้องเสียววาบๆ ที่หลังเอวหลายต่อหลายครั้ง
“น้องหญิง ดีหรือไม่ หืม เจ้ารัดแน่นเหลือเกิน อา” เขาเร่งเร้าอย่างหนักเสียงดังลั่นห้อง
อู๋ชิวอิ่งมัวเมากับรสสวาทจนแทบไม่ได้ยินเสียงเขาแล้ว นางรู้สึกเหมือนกำลังลอยขึ้นที่สูง รู้สึกวูบวาบจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้แล้ว สะโพกขยับวนเบาๆ รับจังหวะกระแทกของเขาไปด้วย
“เร็วๆ ข้าใกล้แล้ว อา อือ” อู๋ชิวอิ่งคล้ายละเมอ นางแหงนหน้าร้องขอด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม
“ได้เลย โอว อา” หลิวเต๋อหมิงเองก็เช่นกัน ทนไม่ไหวแล้วจึงเร่งสะโพกเสยท่อนเนื้อเข้าใส่บุปผาจนน้ำรักหลั่งรินเปื้อนต้นขานางไปแล้ว จังหวะสุดท้ายคล้ายเกิดพายุโหมกระหน่ำมาเร็วและแรงก่อนจะค่อยๆ สงบลงด้วยการทิ้งหยาดน้ำฝนมากมายไว้ น้ำกามขาวขุ่นที่เขาปลดปล่อยถึงกับหยดลงบนตั่งที่แข็งแรงกว่าที่คิดเพราะมันส่งเสียงแผ่วเบาเท่านั้นยามเขาขยับรุนแรง
หลิวเต๋อหมิงดึงนางให้ลงมานั่งอยู่บนต้นขาตน ให้นางเอนหลังพิงอกเขา สองคนเหนื่อยหอบ เหงื่อชื้นเสื้อผ้าไปหมด แต่เพราะนั่งอยู่ข้างหน้าต่างที่มีลมพัดมาตลอด เสื้อผ้าจึงแห้งด้วยความรวดเร็ว เขากอดซ้อนหลังนางอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งเขาปลดปล่อยน้ำกามเข้าไปในกายนางจนไม่เหลือแล้วถึงได้ก้มลงมองใบหน้างาม สองข้างแก้มของนางแดงเรื่อ ใบหน้าเปล่งปลั่งชวนมอง นางยังหลับตาพริ้ม ริมฝีปากอ่อนนุ่มบวมเจ่อเล็กน้อย เขามองแล้วก็อดก้มลงไปจูบมันไม่ได้
“ให้ข้าพักหน่อย” นางคิดว่าเขาจะทำอีกจึงรีบเปิดเปลือกตาขึ้นแล้วส่งเสียงออกมาพร้อมส่ายหน้า
“ได้” เขาหัวเราะเสียงต่ำ แล้วขยับกายถอนตัวออกจากกายนาง ให้นางนั่งลงบนตั่ง เขาลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วอุ้มนางไปยังเตียงนอน วางนางลงแล้วดึงผ้าห่มมาปิดเนื้ออก จากนั้นไปเรียกหาอ่างน้ำร้อนจากสาวใช้ ไม่นานก็กลับมาพร้อมอ่างน้ำและผ้าสะอาด เขานั่งลงข้างเตียง ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก เช็ดหน้าเช็ดตัวให้นางและตัวเอง จากนั้นค่อยเช็ดความเหนอะหนะด้านล่างให้นางอย่างเอาใจ เสร็จแล้วก็โยนผ้าทิ้งในอ่าง และถอดเสื้อนอกก้าวขึ้นเตียงมานอนกอดนางไว้ ตั้งใจให้นางได้นอนพักเอาแรงสักหนึ่งชั่วยามค่อยกลับสกุลหลิว ตอนนี้เขาอารมณ์ดีมาก แม้จะปิดเปลือกตาแต่ก็นอนไม่หลับ ใจยังร้อนรุ่มกระชุ่มกระชวยไม่หาย
หนึ่งชั่วยามผ่านไป สาวใช้เห็นทั้งสองยังไม่ออกมาเลยไปเรียก เพราะหากยังไม่กลับสกุลหลิวอีกจะไม่เป็นมงคลเพราะถือกันว่าวันที่พาภรรยากลับมาเยี่ยมบ้านหลังแต่งงานสามวันนั้นต้องกลับออกมาก่อนฟ้ามืด ตอนนี้ก็ใกล้เวลาแล้วด้วย
ขากลับจวนสกุลหลิวตอนเย็นอู๋ชิวอิ่งพาสาวใช้อีกสี่คนกับบ่าวชายสองคนและพ่อครัวหนึ่งคนติดตามกลับสกุลหลิวด้วย นางแค่บอกท่านแม่ สาวใช้และบ่าวชายรวมถึงพ่อครัวก็เก็บของเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว คนพวกนี้เดิมทีท่านแม่ของนางตระเตรียมไว้ให้ติดตามนางออกเรือนนานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านั้นนางบอกปัดไป ตอนนี้นางต้องการขึ้นมาก็เป็นเรื่องที่จัดการง่ายยิ่ง ท่านแม่เองก็พอใจมากที่นางยอมพาสาวใช้ไปเพิ่ม ซึ่งชาติก่อนนับว่านางทำผิดถนัด มาชาตินี้นางจะพาพวกเขาไปด้วย สาวใช้ทั้งสี่กับบ่าวชายอีกสองล้วนเป็นวรยุทธ์ เป็นคนที่พี่ใหญ่กับพี่รองเลือกมาให้นางอีกที หกคนนี้หากไม่บอกก็ย่อมไม่มีใครคิดถึงเพราะทั้งหกคนแต่งกายเรียบง่าย หน้าตาธรรมดายิ่งเหมือนสาวใช้บ่าวชายทำงานหยาบธรรมดา
เมื่อทั้งสองกลับถึงสกุลหลิวก็แวะไปทักทายฮูหยินผู้เฒ่าก่อนแล้วค่อยกลับเรือน อู๋ชิวอิ่งอยากพักผ่อนเต็มที นางอ่อนระโหยโรยแรงจนแทบยกขาเดินไม่ขึ้นแล้ว เมื่อผ่านประตูเข้าลานเรือนมาก็รู้สึกตัวเบาหวิวเพราะถูกหลิวเต๋อหมิงอุ้ม
“หมดแรงแล้วหรือ?”
“วันนี้เปลืองแรงยิ่ง” นางอดจะค้อนใส่เขาไม่ได้
“วันนี้จะให้พักก่อนเพราะรุ่งเช้าต้องออกเดินทางไปเสียนหยางกันแล้ว หากคืนนี้ยังทำเรื่องเสียแรงกันอีก เกรงว่าน้องหญิงคงต้องนอนไปในรถม้าแล้ว”
ยามเขาหยอกเย้านางหรือยามเขาพูดเล่นกับนางหรือแม้กระทั่งตอนที่ทำเรื่องแนบชิดกัน เขามักจะเรียกนางว่าน้องหญิง ฟังแล้วคล้ายถูกบุรุษเจ้าชู้กรุ้มกริ่มกำลังเกี้ยวพาอยู่ก็ไม่ปาน แต่จะว่าไปแล้วลึกๆ บุรุษทุกคนย่อมมีความเจ้าชู้อยู่บ้าง เพียงแต่ใครจะเก็บไว้หรือใครจะเปิดเผยก็เท่านั้น สำหรับหลิวเต๋อหมิงแล้วเขาเจ้าชู้จริงๆ แต่อู๋ชิวอิ่งคิดว่าตัวเองสามารถทำให้เขายอมจำนนกับนางได้เพราะนางค้นพบจุดที่สามารถเปลี่ยนแปลงชาติก่อนได้หลายจุด อย่างเช่นเรื่องบนเตียง นางต้องตามใจเขา ต้องร่วมมือกับเขาให้มาก เขาชอบให้นางชมว่าเก่ง แรงมาก ยิ่งเขาเห็นน้ำตานางยามร่วมรัก ยิ่งนางส่งเสียงครางอ้อนให้เขาปล่อยให้นางพักผ่อนเขาจะยิ่งเป็นวัวบ้า ต้องแกล้งนางต่อจนพอใจถึงจะยอมเลิกรา ทั้งยังมีเรื่องที่ชอบให้นางแต่งตัว ชอบเห็นเครื่องประดับสวยๆ อยู่บนศีรษะนาง ชอบแอบลูบเอวนางก็หลายครั้ง เอาเป็นว่าเรื่องทั้งหมดนี้อยู่ที่ว่าเขาล้วนลุ่มหลงในหน้าตาและร่างกายของนาง เพราะฉะนั้นนางจึงต้องใช้ความงามนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุดแล้ว
