ตอนที่ 1 แต่งงานอีกครั้ง (3)
อู๋ชิวอิ่งใจลอยไปไกล ไม่รู้เหตุใดนางถึงได้คิดถึงแต่สามีผู้นั้น นางกับเขาหมั้นหมายกันมาหนึ่งปีแล้วจากความเห็นชอบทั้งท่านพ่อของนางกับท่านลุงของเขา ทั้งที่มารดาของเขาไม่ชอบนางเลยสักนิด แต่ไม่อาจขัดใจท่านลุงและท่านย่าของเขาได้ มารดาของเขาจึงก้มหน้ารับสะใภ้เข้าจวนอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
จะว่าไปแล้วใช่ว่าชีวิตในสกุลหลิวจะไม่ดีเอาเสียเลย อย่างน้อยๆ พี่สาวของสามีหลิวเป่าหลิงที่เป็นม่ายและกลับมาอยู่บ้านเดิมยังนับว่าดีกับนางมาก พี่สามีคนนี้เข้าข้างนางทุกอย่างและไม่ชอบญาติผู้น้องทางฝ่ายมารดาอย่างเซี่ยหงเอ๋อสักนิด
คิดถึงหลิวเป่าหลิงแล้วนางต้องยิ้ม อีกฝ่ายเป็นคนเปิดเผยจริงใจ เพียงแต่ชีวิตแต่งงานไม่ดีนัก ถูกบ้านสามีเอาเปรียบ สามีทำร้ายตบตีไม่เว้นแต่ละวันเพราะเป็นพวกวิปริตผิดวิสัยคนทั่วไป จนหลิวเต๋อหมินทนไม่ไหว ไปบีบบังคับให้บ้านพี่เขยเขียนหนังสือหย่าให้พี่สาวและรับนางกลับมาอยู่ด้วย นับว่าหลิวเป่าหลิงจึงหลุดพ้นเคราะห์กรรมมาได้แต่ก็ต้องอยู่โดดเดี่ยว ซ้ำเจ้าตัวไม่คิดจะออกเรือนเป็นครั้งที่สองอีกด้วย
“อิ่งเอ๋อร์ เจ้าบ่าวมาแล้ว” เสียงนุ่มละมุนของมารดาดังอยู่ใกล้ๆ
อู๋ชิวอิ่งถึงได้รู้ว่าตัวเองสวมผ้าคลุมหน้าแล้ว มือนุ่มของมารดากำลังประคองนางให้ลุกขึ้น พาเดินไปหยุดหน้าประตูห้องรอเจ้าบ่าวมารับตัว นางไร้ความตื่นเต้นใดๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รอคอยเอาเสียเลย จำได้ว่าชาติที่แล้วนางตื่นเต้นจนเดินสะดุด ดีที่หลิวเต๋อหมิงมือไวตาไวประคองนางไว้และกุมมือนางไม่ยอมปล่อยอีกเลย
“คารวะน้องหญิง เต๋อหมิงมารับน้องหญิงแล้ว” เสียงนุ่มทุ้มไม่เคยเปลี่ยนพาให้หัวใจอู๋ชิวอิ่งเต้นรัวเร็วขึ้นมาเล็กน้อย ครั้งก่อนเขาก็พูดเช่นนี้เหมือนกัน
จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงพี่ชายคนโต “พี่จะแบกเจ้าออกไป ระวังด้วย” ว่าแล้วก็ก้มตัวลงแบกเจ้าสาวขึ้นหลังและค่อยๆ เดินออกไป “ดูแลตัวเองด้วย ออกเรือนไปไกลก็จงเข้มแข็ง มีเรื่องใดส่งข่าวมาบอกพี่ใหญ่สักคำ”
อู๋ชิวอิ่งกดปลายนิ้วที่วางอยู่บนบ่าพี่ชายมากขึ้น นางรับรู้แล้วว่าพี่ชายห่วงนางมาก ทำให้นางอดน้ำตาซึมไม่ได้ นางไม่ได้พูดอะไร พี่ชายก็ยังกระซิบกับนางเบาๆ ไปจนถึงหน้าประตูจวน จนกระทั่งวางนางลง จากนั้นมือใหญ่ปลายนิ้วด้านเล็กน้อยของหลิวเต๋อหมิงก็ยื่นออกมาจับมือนาง ประคองนางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว
ประทัดดังสนั่นอีกครั้ง เกี้ยวเจ้าสาวถูกยกขึ้นและเคลื่อนไปช้าๆ พร้อมกับเสียงแสดงความยินดี พิธีการยิบย่อยมากมาย ทั้งวันต้องเหน็ดเหนื่อยแล้วจริงๆ ตอนที่ถูกประคองเข้าห้องหอนางถึงกับผ่อนลมหายใจหนักๆ ออกมาครั้งหนึ่ง
หลังเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ดื่มสุรามงคลแล้วก็ได้รับรอยยิ้มอบอุ่นของสามีและเขาก็นั่งอยู่ที่ขอบเตียงข้างนาง “ข้าต้องออกไปดื่มกับแขกข้างนอกอีกสักพัก น้องหญิงพักผ่อนก่อนก็ได้”
อู๋ชิวอิ่งตั้งท่าจะขยับปาก แต่เหมือนจะฉุกคิดได้ ริมฝีปากสีชาดจึงคลี่ยิ้มอ่อนหวาน “ข้าจะรอท่านพี่”
แล้วก็จริง หลิวเต๋อหมิงชมชอบความอ่อนหวานนุ่มละมุนของสตรี เขาหอมแก้มนางครั้งหนึ่ง ปลายนิ้วไล้ใบหน้าของนางเบาๆ แล้วเปลี่ยนมากุมมือนางไว้ “เช่นนั้นข้าจะรีบกลับมา”
อู๋ชิวอิ่งยิ้มเอียงอาย ท่าทางน่ารักน่าทะนุถนอมยิ่งจนเจ้าบ่าวอดใจไม่ไหวต้องก้มหน้าลงประทับริมฝีปากจุมพิตนางครั้งหนึ่ง ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดผิวแก้มนาง ริมฝีปากทั้งสองประทับกันแนบแน่นพักหนึ่งเขาจึงผละออก เขายิ้มอวดฟันขาวเรียงตัวเป็นระเบียบจากนั้นจึงลุกขึ้นยืน ตอนปล่อยมือนางทำท่าทางอาลัยอาวรณ์อยู่สักหน่อย สตรนำโชคอาวุโสเร่งมาแล้ว เขาจึงตัดใจออกจากห้องหอไป
อู๋ชิวอิ่งมองตามเงาหลังเขาไปจนลับสายตา รอยยิ้มถูกเก็บกลับ “ในเมื่อข้าได้เกิดใหม่ ข้าจะแก้ไขชีวิตให้ดีขึ้น ท่านพี่ ท่านย่อมต้องเป็นสิ่งที่ข้าต้องแก้ไขตั้งแต่แรกเริ่ม สตรีขี้อายไม่ชอบแสดงความรักลึกซึ้งอะไรนั่นจะไม่มีอีกแล้ว จะมีอู๋ชิวอิ่งที่เป็นหญิงคณิกายามอยู่บนเตียง จะเป็นแม่ศรีเรือนที่ดีพร้อมดูแลสกุลหลิวไม่ยอมปล่อยมือให้ใครอีก ท่านรอดูเถอะ”
จากนั้นนางก็นั่งรออย่างสงบเสงี่ยมอยู่ในห้องหอ พวกสาวใช้ทั้งสี่ของนางนั่งอยู่เป็นเพื่อนคุย ส่งของว่างและน้ำชาให้นางรองท้องขณะรอเจ้าบ่าวไปด้วย จนกระทั่งผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม นางได้ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จเจ้าบ่าวถึงถูกปล่อยตัวกลับมา เขารีบสาวเท้าเข้าห้อง สาวใช้ทั้งสี่รีบลุกขึ้นคำนับและถอยจากไปและดึงประตูปิดให้อย่างเบามือ ภายในห้องหอจึงเหลือแต่เจ้าบ่าวที่ใบหน้าแดงก่ำพระสุราเล็กน้อย กับเจ้าสาวผู้งดงามเลอโฉมที่ยิ้มน้อยๆ ชวนมองยิ่ง
หลิวเต๋อหมิงนั่งลงขอบเตียงข้างกายนาง “สองปีแล้วที่ข้าไม่อยู่ในเมืองหลวง แทบจะไม่ได้ยินข่าวน้องหญิงเลย เจ้าคงสบายดีกระมัง”
“ข้าสบายดียิ่ง” นางยื่นมือไปเริ่มปลดชุดเจ้าบ่าวออก “ดึกแล้ว พักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ”
หลิวเต๋อหมิงมวนท้องน้อยขึ้นมาทันที กลางหว่างขาเริ่มขยับขยายเคลื่อนไหวแล้วตั้งเป็นกระโจมขึ้นมาทันใด เขาช่วยนางถอดเสื้อผ้าจนทั้งสองเหลือแต่ชุดตัวใน กระทั่งถูกนางผลักลงนอนบนเตียงเขาก็ไม่อาจละสายตาจากใบหน้างดงามชวนเคลิ้มลอยนั้นไปได้อีก เห็นนางค่อยๆ ดึงเชือก แหวกสาบเสื้อ เนื้อผ้าเนียนนุ่มเลื่อนไหลลงไปทางไหล่กลมมนเล็กขาวผ่องนวลเนียนตา ลำแขนเรียวสวยค่อยๆ เผยออก หน้าอกอวบอิ่มพุ่งดันเสื้อเอี๊ยมสีแดงปักลายนกยวนยางเล่นน้ำคู่หนึ่ง ปลายยอดอกเห็นรำไรชวนหลงใหล จากนั้นปลดมวยผมดกดำออก ผมงามเงาดำขลับทิ้งตัวอ่อนนุ่มส่งกลิ่นหอมรวยรินติดปลายจมูก เสื้อผ้านางค่อยๆ หายไปทีละชิ้น จนกระทั่งเปล่าเปลือยเผยให้เห็นผิวกายขาวดุดหิมะ ปลายยอดอกสีชมพูระเรื่อ คล้ายเชิญชวนจนหลิวเต๋อหมิงไม่อาจถอนสายตาแล้ว เขายื่นมือไปลูบไล้เอวคอดกิ่วเนียนมือ หัวใจเต้นรัวเร็ว ความกระสันเริ่มก่อตัว ดวงตาดอกท้อ[3] พราวระยับจับตา
.
.
.
[3] ดวงตาดอกท้อ หมายถึงดวงตาที่มีเสน่ห์เย้ายวนชวนมอง มักพรรณนาถึงนิสัยเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม
