บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9 : ข่าวใหม่ที่ได้รับ

ตอนที่

[6]

ข่าวใหม่ที่ได้รับ

วันเวลาผันผ่านไปเพ่ยเพ่ยก็ขายน้ำเต้าหู้ได้ครบสามเดือนแล้ว แล้วก็เป็นวันที่เพ่ยเพ่ยมาอยู่ในยุคโบราณที่แปลกใหม่ได้ครบสามเดือนแล้วเช่นกัน แม้ในตอนแรกจะรู้สึกเคว้งคว้างแต่ก็โชคดีที่ได้พบกัลยาณมิตรที่ดีที่นี่ ทุกคนต่างให้โอกาสนาง ไม่มีสายตาที่แปลก ๆ ให้กันเช่นตอนที่นางมาที่นี่ครั้งแรกอีกแล้ว

ส่วนตัวนางก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ชีวิตในแต่ละวันเต็มไปด้วยความสุข ผักบุ้งที่ปลูกเอาไว้ก็เก็บขายได้หลายรอบแล้ว นอกจากจะมีรายได้จากการขายน้ำเต้าหู้นางยังขายผักได้อีก คราแรกคิดว่าตนเองเป็นคนปลูกอะไรก็ไม่รอด พอมาอยู่ที่นี่ผสานกับการมีดินที่ดี ปุ๋ยที่ดี ผักที่ได้ลงมือปลูกไม่ว่าอะไรก็ล้วนสมบูรณ์ทั้งนั้น จึงทำให้ขายง่ายมีแต่ลูกค้าจับจองอยากจะซื้อมากมาย ในแต่ละวันนับเงินจนมือแทบเป็นตะคริว เงินที่นางขโมย เอ่อ นำมาจากคนผู้นั้นนางไม่แตะอีกเลย หนำซ้ำจำนวนที่ใช้ได้ไปก็เอาคืนไว้เรียบร้อย ทำให้มันยังคงกองเป็นฟ่อน ๆ ในที่ที่ปลอดภัยเช่นเดิม พูดถึงคนผู้นั้นแล้ว ไม่รู้ว่าผ่านไปสามเดือนแล้วเขาจะลดโทสะที่มีต่อนางลงแล้วหรือยัง เพราะจู่ ๆ รู้สึกใจคอไม่ดีตั้งแต่เมื่อวานที่ขนลุกแปลก ๆ แล้ว

เพ่ยเพ่ยส่ายศีรษะให้กับความคิดฟุ้งซ่านของตนแล้วรีบเก็บของเพื่อที่จะกลับบ้านไปพักผ่อนหลังจากที่ขายของเสร็จแล้ว บัดนี้นางมีรถเข็นแล้ว สามารถเข็นออกมาตั้งร้านขายของได้อย่างสะดวก ยามเก็บร้านก็เก็บของใส่รถเข็นเพื่อขนกลับบ้านทีเดียว ไม่ต้องเสียเวลาไปมาหลายรอบ

“ท่านยายข้ากลับบ้านก่อนนะเจ้าคะ” นางหันไปบอกท่านยายจ้าวที่กำลังพูดคุยกับชาวบ้านอยู่ไม่ไกลออกไป วันนี้ขายของดีคงมีเรื่องพูดคุยกันมากมายสินะ อีกฝ่ายเมื่อได้ยินเสียงนางก็หันมาพยักหน้าให้พร้อมรอยยิ้ม ส่วนอู้หลิงนั่นคาดว่าคงกำลังไปซื้อขนมกินเป็นแน่

เพ่ยเพ่ยเข็นรถเข็นของตนเองออกไปพลางทักทายผู้คนที่ระหว่างทางที่พบเจอกันด้วยความร่าเริงโดยที่ไม่ทันได้ระวังรู้ตัวอีกทีด้านหน้าของนางก็ชนกับคนผู้หนึ่งเสียแล้ว

พลั่ก!

“ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านเป็นอันใดมากหรือไม่เจ้าคะ” เพ่ยเพ่ยรีบปล่อยมือจากรถเข็นที่จับอยู่แล้วรีบรุดไปดูคนที่อยู่ด้านหน้า ดูเหมือนว่าของของเขาจะกระจัดกระจายลงพื้นเต็มไปหมด

คนเบื้องหน้าของนางน่าจะอยู่ในวัยกลางคนท่าทางทรงภูมิ กลิ่นกายที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเขาเป็นกลิ่นเย็น ๆ คล้ายสมุนไพรบางอย่าง

“อ๊ะ!” เพ่ยเพ่ยสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อตอนที่ช่วยเขาเก็บของมือของเขาสัมผัสกับที่ข้อมือของนาง นางกระตุกมือกลับก่อนที่จะพบว่าเขาขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อย

“ขออภัยแม่นาง” จากนั้นสีหน้าของเขาก็แปลกไป จนกระทั่งเก็บของทั้งหมดใส่ถุงย่ามของเขาแล้วเสร็จ

“ข้าต้องขออภัยนะเจ้าคะ พอดีว่าข้ามัวแต่ทักทายผู้อื่นจนไม่ได้ดูทาง ท่านบาดเจ็บหรือเป็นอันใดหรือไม่เจ้าคะ”

“ข้ามิเป็นอันใด” แต่กลัวท่านจะเป็นมากกว่า

“แม่นางคือว่าข้ามีนามว่าหลงสุ่ย เป็นหมอพเนจร เมื่อครู่ที่ได้ไปสัมผัสกับแม่นางโดยไม่ตั้งใจคล้ายว่า…” หลงสุ่ยทำท่าจะพูดบางอย่างได้แต่มองซ้ายมองขวาก่อนจะที่พูดไปเรื่องอื่น จนเพ่ยเพ่ยได้แต่สงสัยในท่าทางแปลก ๆ ของเขา

“แล้วนี่สามีแม่นางอยู่ที่ใดหรือ”

เพ่ยเพ่ยขมวดคิ้ว หมอผู้นี้อะไรของเขาจู่ ๆ ก็ไปถามหาสามี สามีอะไรกันนางมีที่ใดเล่า!

“ข้าไม่มีสามีเจ้าค่ะ” ราวกับได้คำตอบที่สงสัย สีหน้าของหลงสุ่ยคล้ายกับบรรลุอะไรบางอย่างก่อนที่เขาจะชักชวนให้เพ่ยเพ่ยไปพูดคุยกันจากจุดที่ห่างจากจุดเดิมเล็กน้อย ที่ไม่ใช่กลางถนนเช่นนี้

เพ่ยเพ่ยเห็นว่าไม่น่าเป็นอะไรเพราะคนก็พลุกพล่านอยู่จึงได้ตามเขาไปช้า ๆ

“แม่นางข้าขอตรวจท่านโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่งได้หรือไม่ แค่ยื่นมือท่านมาเท่านั้น” เพ่ยเพ่ยแม้จะมีสีหน้าไม่ไว้วางใจแต่ก็ยื่นมือออกไปพลางคิดว่าหากเกิดอะไรขึ้นนางจะเตะผ่าหมากเขาทันที

“…..” หลงสุ่ย

จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย

เพ่ยเพ่ยเดินราวกับร่างไร้วิญญาณกลับบ้านรู้ตัวอีกทีนางก็เกือบจะเข็นรถเข็นเลยหน้าบ้านตนเองไปแล้วหากว่าไม่มีคนทักขึ้นเสียก่อน

เมื่อรู้สึกตัวความคิดก็ย้อนไปยังคำของท่านหมอพเนจรผู้นั้นกล่าว

‘แม่นางท่านตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว ไม่ทราบว่าท่านรู้เรื่องนี้มาก่อนหรือไม่’

‘ข้าไม่รู้…’

นางจะรู้ได้อย่างไร เพราะไม่มีอาการอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นเลยสักนิดนางยังกินอิ่มนอนหลับ นอกจากอาการแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็ไม่มีอะไรอีก จากนั้นหลงสุ่ยที่เห็นว่าหญิงสาวยังอยู่ในอาการล่องลอยจึงได้รีบเขียนวิธีการดูแลตนเองพร้อมยังมอบตำรายาบำรุงให้อีกฝ่าย ก่อนจากไปยังแฝงสายตาเป็นห่วงมอบให้หญิงสาวแปลกหน้า

นางคงตกใจมากจริง ๆ

ด้านเพ่ยเพ่ยกำลังตกอยู่ในอาการมึนงงสับสน ยาห้ามครรภ์นางก็กินแล้ว กินเยอะด้วย แต่ทำไม….

จู่ ๆ ความคิดของนางก็ปรากฏคำในโลกก่อน

คลินิกทำแท้งใกล้ฉัน

ไม่ ๆ เด็กบริสุทธิ์ เขาไม่ได้ผิดอะไร นางไม่ควรทำร้ายเขาเช่นนั้น

เพ่ยเพ่ยส่ายศีรษะให้กับความคิดไม่เข้าท่าของตนเองและเตรียมจะเข็นรถเข้าไปในรั้วบ้าน แต่แล้วก็พบว่าด้านหลังของตนมีหลายฝีเท้าคล้ายกำลังเดินมาด้วยความเร่งร้อน หนึ่งในนั้นคือท่านยายจ้าว

“ทุกคนมีอันใดหรือเจ้าคะ หน้าตาเคร่งเครียดกันเชียว”

นางจ้าวได้ยินเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงราวกับไม่ทุกข์ร้อนอันใด ตนจึงคิดว่าเด็กสาวนั้นต้องทำเพื่อพยายามปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงเป็นแน่

หญิงชราเผยสีหน้ากลัดกลุ้มพลางเข้าไปจับมือของเพ่ยเพ่ยเอาไว้

“เพ่ยเพ่ยพวกเรารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”

“นี่พวกท่านหมายถึง…”

“เรื่องที่เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ไม่เป็นไรนะ ต่อไปนี้พวกเราจะช่วยกันดูแลเจ้า เจ้าไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีพวกเราอยู่”

“……”

“ใช่ ๆ แม่หนูเพ่ยเพ่ย ไม่ต้องคิดมาก”

“เราไม่ปล่อยให้เจ้าตัวคนเดียวแน่” และอีกมากมาย

“เพ่ยเพ่ยเหตุใดเจ้าไม่พูดอันใดเลยเล่า”

ในตอนนี้เพ่ยเพ่ยกำลังตกใจที่ทุกคนรู้เรื่องของนาง หรือว่าหมอคนนั้น…

“พวกเราไปบังคับให้เขาบอกน่ะ” นางจ้าวคล้ายจะรู้ว่าหญิงสาวคิดอันใดจึงได้รีบบอกความจริง เดิมทีพวกเขาเพียงเป็นห่วงเห็นว่าหมอพเนจร

ผู้นั้นกำลังตรวจร่างกายเพ่ยเพ่ย จึงคิดว่าเด็กสาวจะเป็นอันใดไป จึงได้พากันไปถามหมอพเนจรผู้นั้น แต่เขาก็เอาแต่อ้ำอึ้งและพยายามบ่ายเยี่ยง ทว่าสุดสุดท้ายเมื่อหลายคนกดดันและบอกว่าพวกเขาหวังดีต่อเพ่ยเพ่ยมิได้คิดร้าย หมอผู้นั้นจึงยอมบอกในที่สุด

“คือว่าข้า…” เพ่ยเพ่ยนอกจากการตั้งตัวไม่ถูกนางก็ไม่ได้รู้สึกคิดอันใดมากกว่านั้น แต่ไม่คาดคิดว่าผู้อื่นนอกจากจะไม่รังเกียจที่นางทำตัวผิดทำนองคลองธรรมทว่ายังเป็นห่วงนางมากถึงเพียงนี้

“ข้าขอบคุณทุกคนมากนะเจ้าคะ”

“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ พวกเราจะช่วยเลี้ยงหลานเอง เขาจะต้องน่ารักเป็นแน่ เจ้างดงามถึงเพียงนี้”

“ใช่ ๆ ข้าจะไม่ให้ผู้ใดมารังแกเขาได้” เพ่ยเพ่ยส่งสายตาขอบคุณไปให้ทุกคน พวกเขาไม่แม้แต่ถามนางว่าเกิดอันใดขึ้น หรือผู้ใดเป็นบิดาของเด็กในท้อง แต่กลับกล่าวว่าจะช่วยดูแลลูกของนางไปเสียอย่างนั้น

เอาละ ท้องก็ท้องเถิด ในเมื่อมีพี่เลี้ยงเยอะขนาดนี้

หลังจากนอนคิดทบทวนมาทั้งคืนเพ่ยเพ่ยก็ตัดสินใจว่าจะดูแลเด็กคนนี้ให้ดี แม้ว่าเขาจะเกิดจากความไม่ตั้งใจแต่อย่างไรเขาก็มาในตอนที่นางมาที่โลกนี้แล้ว เท่ากับว่าเขาเป็นลูกของนาง ดังนั้นนางก็จะเลี้ยงเขาให้ดี เงินนางก็ไม่ได้ขัดสนถึงเพียงนั้น แต่อาจจะต้องระมัดระวังในการยกของหนักหรือการทำของไปขายที่มากเกินไป วันนี้หลังจากที่ขายของเสร็จแล้วนางคิดจะไปให้หมอในตำบลตรวจอีกครั้งและหาซื้อยาบำรุงดี ๆ มากิน คิดแล้วก็สูดลมหายใจเข้าลึกและระบายยาวออกมา จากนั้นก็เผยรอยยิ้มกว้างเข็นรถเข็นออกไปขายของเฉกเช่นทุกวัน แต่เหมือนว่าวันนี้นางจะมีผู้ช่วยเยอะเป็นพิเศษ

และเมื่อนางกล่าวว่าจะไปที่ตำบลจิ้นจงท่านลุงเหมาก็กล่าวว่าจะพานางไปเองเพราะเขามีเกวียน ท่านยายจ้าวและอู้หลิงก็กล่าวว่าจะไปเป็นเพื่อนนางด้วยเช่นกัน นางจึงไม่ให้ท่านลุงเหมาต้องไปโดยเปล่า จึงจ้างเขาด้วยเงินจำนวนไม่น้อย แม้อีกฝ่ายจะไม่อยากรับแต่เพ่ยเพ่ยก็ยัดเงินใส่มือของเขา เดินทางไปในตำบลก็ต้องใช้เวลา จะให้ไปเปล่า ๆ ได้อย่างไร

“แม่นางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องระมัดระวัง เดี๋ยวข้าจะเขียนคำแนะนำพร้อมจัดยาบำรุงให้กับแม่นางนะขอรับ” เมื่อได้ยินคำยืนยันจากท่านหมอในตำบลเพ่ยเพ่ยก็ได้แต่พยักหน้าและยอมรับว่านางตั้งครรภ์จริง ๆ จากนี้ชีวิตของนางจะไม่เหมือนเดิมแล้วสินะ

เมื่อเสร็จธุระจากในตำบลทั้งสี่คนก็เดินทางกลับหมู่บ้านโดยทันที

.

.

.

“นายท่านจะไม่เข้าไปหาฮูหยินหรือขอรับ”

ขวับ!

“ข้าบอกแล้วนางมิใช่ฮูหยินน้อยของข้า!!” เจิ้งกวนโหวเอ่ยน้ำเสียงดุดันใส่คนสนิทของตนที่เหมือนไม่จำเลยว่าเขาเคยกล่าวว่าอย่างไร

“แหะ ๆ ขออภัยขอรับ ข้าจะไปรับโทษโบยเดี๋ยวนี้ขอรับ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เจิ้งซวี่จื่อก็ตวัดสายตาไปมองหลี่จิ้นปิงด้วยความสายตาดุดันอีกหน รับโทษโบยอันใด บัดนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่สำนักตรวจการ แต่กลับอยู่ที่เมืองซานซี ตำบลจิ้นจงต่างหาก เจ้าเด็กนี่กวนอารมณ์เขาหรือ!

หลังจากดึงสายตากลับมาจากลูกน้องสนิทเจิ้งกวนโหวก็หันกลับไปมองเกวียนลากที่กำลังเคลื่อนตัวออกไปอีกครั้งในใจเต็มไปด้วยความแปลกใจ

นั่น ใช่อันลู่เพ่ยจริง ๆ นางมาอยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย

ไม่น่าเชื่อ…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel