ตอนที่ 2 ยัยตัวยุ่ง
2
ยัยตัวยุ่ง
เมื่อเดินเข้าไปภายในคอนโดมิเนียมสุดหรู ลินดามองไปรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ ชีวิตของเธอไม่เคยได้มาอยู่ในสถานที่หรูหราแบบนี้เลยสักครั้ง นี่นะหรือคอนโดมิเนียมของคนกรุงมันใหญ่โตขนาดนี้เชียวหรือ
"ว้าวสวยจังค่ะ กว้างขนาดนี้ไม่น่าเชื่อว่าพี่หนุ่มจะอยู่คนเดียวได้นะคะ"
"ฉันชอบสันโดษน่ะ ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว" อยากถามดีนักเลยโดนแขวะเข้าให้
"หนูก็แค่คิดถึงบ้านที่หนูอยู่มาตั้งแต่เกิด บ้านเท่ารังหนูเล็กและแคบกว่าที่นี่เยอะ มันแตกต่างจากที่นี่ลิบลับเลยนะคะ" ลินดาเดินสำรวจทุกซอกทุกมุมยกเว้นห้องนอนซึ่งน่าจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา ดังที่เขากล่าวไว้ถ้าเธอต้องการทำตามความฝัน ต้องการเงินต้องการทำให้พ่อกับแม่มีความเป็นอยู่สุขสบายมากยิ่งขึ้น ไม่คิดจะหาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนแล้วต้องระเห็จกลับไปบ้านมือเปล่า
"นั่นคือห้องของเธอ" ภัทรพลชี้ไปยังห้องด้านใน ลินดาเดินตรงไปทันทีเปิดประตูและเพียงแค่ผลักเข้าไป เธอก็ต้องอ้าปากหวอ "หนูจะได้นอนที่นี่จริงๆหรอคะ ห้องนี้กว้างเท่าบ้านทั้งหลังของหนูเลยนะคะ"
"แล้วจะนอนไหม" ภัทรพลทำเสียงละเหี่ยใจ
"นอนค่ะนอน พี่ก็รู้ว่าหนูไม่มีที่ไป"
"งั้นก็ไม่ต้องถามให้มากเรื่อง จะอยู่กับฉันทำตัวให้สงบเสงี่ยมอย่าพูดมาก ฉันเป็นคนขี้รำคาญ จำไว้" ลินดากลอกตามองบน ดูเหมือนว่าเธอจะทำอะไรก็ผิดไปหมดในสายตาของเขา แต่ในเมื่อเธอเลือกที่จะเดินเส้นทางนี้ เธอก็ต้องยอมรับในทุกสิ่งที่จะพุ่งชนเข้าหาอย่างคนเข้มแข็ง
หลังจากที่นอนกระสับกระส่ายมาตลอดเกือบทั้งคืน ลินดาก็ทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมาหาอะไรใส่ท้อง แน่นอนเธอเดินไปในห้องครัวเล็กๆ ซึ่งมีเพียงเคาน์เตอร์และอุปกรณ์ทำอาหารวางอยู่เพียงเล็กน้อย เธอเปิดตู้เย็นหาไข่เพราะสิ่งที่เธอทำเป็นในตอนที่อยู่บ้านหรือจะเรียกว่าความถนัดเลยก็ได้คือการทอดไข่ไม่ไหม้นั่นเอง
"แป๊กๆ" เสียงติดเตาแก๊สดังขึ้นกลายทีก่อนจะมีเสียง "ฟู่" ตามมา
"กรี๊ดดดด" ลินดากรีดร้องอย่างตกใจเมื่อเปลวไฟกำลังจะลุกท่วมกระทะ ภัทรพลได้ยินเสียงกรีดร้องจึงดีดตัวลุกขึ้นวิ่งออกมาดูหน้าตาตื่นตูมเพราะเห็นไฟกำลังลุกไหม้กระทะและรีบพุ่งตัวไปปิดหัวเตาและถังแก๊ส ก่อนจะหันมาต่อว่าเธอหน้าตาขึงขังดุดัน
"นี่เธอทำอะไรเด็กบ้าเธอจะเผาห้องฉันหรือไง"
"ขอโทษค่ะหนู...หนู...ไม่ได้..."
"แค่คืนแรกเธอก็เกือบจะเผาห้องฉันทิ้งซะแล้ว กลับบ้านไปเลยนะ เอาเงินไปนั่งรถทัวร์กลับบ้านเธอไปเลย กลับไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่ ที่นี่คงไม่เหมาะสำหรับเธอแล้วล่ะลินดา"
"หนูขอโทษ หนูไม่คิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หนูไม่ได้ตั้งใจ"
"แล้วเธอตั้งใจอะไรมั่งฮึลินดา ไอ้นู่นก็ขอโทษไอ้นี่ก็ไม่ได้ตั้งใจ เดี๋ยวก็ทำหน้าหงิกเดี๋ยวก็ทำหน้างอ เดี๋ยวก็เป็นบ้าเป็นหลังร้องไห้ฟูมฟาย หยุดเลยนะหยุดเลย เธอไม่ต้องร้องไห้ให้ฉันเห็นเลย น่ารำคาญชะมัด! กลับบ้านของเธอไปเลย กลับไปเลย ไปอยู่กับพ่อกับแม่ของเธอโน่น"
"ฮือๆๆๆ" ลินดาขาแข้งอ่อนร้องไห้ทั้งที่เขาสั่งห้าม เธอทั้งกลัวทั้งตกใจขวัญหนีดีฝ่อ ทำไมเขาต้องดุด่าว่ากล่าวโดยไม่ฟังเธอเลย ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันหรอก
ภัทรพลนึกอ่อนใจ ร่างสูงเท้าสะเอวเดินจงกลมไปมา และในที่สุดเสียงร้องไห้น่ารำคาญของลินดาก็ทำให้เขาใจอ่อน
"เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับชีวิตกูวะเนี่ย" ภัทรพลนั่งยองๆ สองมือจับต้นแขนของลินดาพยุงเธอให้ลุกขึ้น ในขณะที่หญิงสาวยังขาอ่อนด้วยความตกใจกลัวไม่หาย ร่างของเธอจึงเซแซ่ดๆ พิงพังพาบไปกับร่างสูงใหญ่อย่างแนบชิด “หยุดร้อง”
น้ำเสียงทุ้มนั้นไร้วี่แววขุ่นเคือง อีกทั้งตอนนี้เธอยังอยู่ในวงแขนของเขาชนิดเบียดชิดหน้าอกหน้าใจแทบบี้แบน เธอพยายามกลั้นสะอื้น แต่เพราะความที่ตกใจกลัวจึงยังตัวสั่นงันงก ฝ่ามือใหญ่ลูบแผ่นหลังบอบบางไปมามันให้ความอบอุ่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ไม่เป็นไรนะเด็กบ้า หยุดร้องได้แล้ว”
ทั้งที่เขาว่ากล่าวแต่ลินดากลับรู้สึกเหมือนกำลังโดนปลอบใจมากกว่า ใจของเธออุ่นขึ้น ร่างน้อยๆ คลายสั่นคลอน เสียงสะอื้นก็เบาลง
“หนูขอโทษนะคะ หนูไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่าแก๊สจะพุ่งแรงขนาดนั้น พังหมดเลย”
ภัทรพลมองข้ามศีรษะหอมไปยังกระทะสีดำเพราะการเผาไหม้
“ทุกอย่างยังใช้งานได้ ยกเว้นกระทะ”
ลินดาลุกขึ้นยืนขยับแว่นตาให้เข้าที่ก่อนจะพนมมือไหว้ชายหนุ่มซ้ำๆ ภัทรพลแค่นยิ้มอยากเขกกะโหลกให้กับความ... ความอะไรดีนะ ยัยเด็กนี่เกินความคาดหมายจริงๆ
แต่ในขณะที่เขาฉุดเธอให้ลุกขึ้นยืน สายตาของภัทรพลก็โฟกัสเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่มันชูชันดันเสื้อยืดสีขาวออกมา สิ่งนั้นมันมีสีน้ำตาลอ่อนละมุน มีเม็ดเล็กๆ ที่แข็งตัวอยู่ตรงกลางและสีเข้มกว่านิดหน่อย หนำซ้ำสิ่งที่เขาเห็นจะๆ ก็คงไม่พ้นก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นสองก้อนที่มีขนาดใหญ่พอดีมือ
‘สวย’
เผลอชื่นชมแถมยังละสายตาไปจากความงามตรงหน้าไม่ได้ กระทั่ง...
“พี่กำลังมองนมหนูเหรอ”
ภัทรพลแทบหงายหลังผึ่งเมื่อถูกจับได้ เขาทำหน้าประหลาดยิ้มเก้อนิดๆ พร้อมกับยกมือเกาหัวแกรกๆ
“ทำไมไม่ใส่เสื้อใน” เขาถามแก้เก้อ
“หนูไม่ชอบใส่เสื้อในนอน มันอึดอัด แต่ถ้าพี่ไม่พอใจหนูใส่ก็ได้นะ”
ชายหนุ่มมองหน้านิ่งที่แอบซ่อนยิ้มไว้ในใจมิดเชียว เห็นเธอหน้านิ่งเขาจึงส่ายหน้า
“ถ้างั้นก็หาเสื้อคลุมก่อนออกมาจากห้องนอนด้วย” เขาตัดบท แล้วหันหลังเตรียมจะเดินหนีบางสิ่งบางอย่างที่กำลังกระพืออยู่ในใจจนเหงื่อผุดบนหน้าผาก
“หนูหิว” ลินดาบอก แล้วสะกิดต้นแขนคนตัวสูงยิกๆ “ทำอะไรให้กินหน่อยสิคะ” น้ำเสียงเธออ้อนวอน
คนตัวโตโคลงศีรษะแต่ก็เดินไปเอากระทะแช่น้ำแล้ววางหม้อด้ามไว้บนเตาแก๊สแทน เขาหยิบไข่ไก่ในตู้เย็น 3 ฟองใส่ลงไปในหม้อที่ถูกเติมน้ำลงไปพอประมาณ เสียงติดเตาทำให้หญิงสาวสะดุ้งเผลอตะปบมือบนท่อนแขนกำยำของเขา
“ถ้ากลัวแบบนี้ งานที่ให้ทำจะไปรอดไหม”
“ให้หนูทำงานอื่นแทนได้ไหมคะ” เสียงของเธอสั่นนิดๆ
“คนอย่างเธอจะทำอะไรได้อีกล่ะ นอกจากยั่วโมโหฉันได้ตลอดเวลา”
ลินดาหน้าง้ำ แต่พอตวัดสายตาขึ้นสบตาเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้ เธอวิ่งเข้าไปในห้องนอนแล้วมองดูตัวเองในกระจก เธอเห็นในสิ่งที่ชินตาแต่ไม่เคยรู้เลยว่ามันอาจจะไม่ชินตาคนอื่น ร่างเล็กแต่ไม่ผอมบางมีหน้าอกหน้าใจล้นหลามที่แม่ให้มา เอว 25 นิ้ว สะโพก 36 นิ้ว หุ่นของเธอเป็นแบบนี้มาตลอดซึ่งเธอเองไม่เคยยินดียินร้ายกับมันกระทั่งตอนนี้
‘เอ็งจะไปกรุงเทพฯ จะไปขายตัวหรือไงวะ’ แม่ถามก่อนที่จะยอมให้เธอมา
‘บ้าสิแม่ หนูจะไปทำงานหาเงินมาช่วยพ่อกับแม่ไง ไม่ดีเหรอ’
‘คนบ้านนอกไปทำงานกรุงเทพฯ ส่วนมากก็ไปได้ผัว ไม่น้อยเลยก็ไปขายตัวทั้งถูกหลอก ทั้งยอมเพื่อแลกกับเงิน’
‘หนูไม่เคยคิดขายตัวหรอกแม่ หนูอยากเป็นนักร้อง’
‘โอ๊ย! เอ็งนี่นะจะไปเป็นนักร้อง ฝันลมๆ แล้งๆ นังลินเอ๊ย’
‘เชื่อเถอะแม่ เชื่อหนูสักครั้ง หนูจะทำทุกอย่างเพื่อได้เป็นนักร้อง’
‘เออ... อย่าเอาเต้าไปไต่แล้วกันโว้ยยย’
ลินดาคิดถึงคำพูดของแม่ก่อนถลกเสื้อยืดขึ้นมองหน้าอกตัวเอง มันสวยทีเดียว เพิ่งจะรู้ก็ตอนนี้ มิน่าล่ะใครบางคนถึงจ้องตาไม่กะพริบ ความคิดซุกซนแบบเด็กๆ ผุดขึ้นมาโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบ หญิงสาวดึงชายเสื้อลงแล้วเดินไปยังครัวฝรั่งเล็กๆ เห็นเจ้าของร่างสูงยังคงยืนอิงสะโพกกับเคาน์เตอร์หน้ามุ่ยก็ระบายยิ้มหวาน
“ยังไม่นอนอีกเหรอคะ”
“ก็ต้มไข่ให้อยู่นี่ไง”
“เดี๋ยวหนูดับแก๊สเองค่ะ พี่หนุ่มไปนอนเถอะ” ลินดาไล่และเดินไปเมียงมองอยู่หน้าเตา แอบคิดว่าเขาจะไปอย่างที่ถูกไล่หรือเปล่า
ภัทรพลเดินกลับห้องเธอจึงหันไปมองอย่างเสียดาย แล้วรอจนน้ำแห้งเหลือครึ่งฟองไข่ก็ดับแก๊ส ตักข้าวในหม้อข้าวใส่จานเอาหม้อไข่รินน้ำออกแล้วเปิดน้ำใส่เททิ้งไปหนึ่งรอบแล้วใส่น้ำให้เกือบเต็มหม้อ มือเล็กปลอกไข่ในน้ำหนึ่งฟองใส่จานข้าว อีกสองฟองที่เหลือเอาใส่ถ้วยวางไว้ จัดการใช้ช้อนขยี้ไข่แล้วใส่น้ำปลามองหาพริกป่นอยู่นานก็ไม่เจอ จึงทำใจเอาข้าวไปกินที่โต๊ะเล็กๆ หน้าทีวี
ลินดาไม่รอขออนุญาตเปิดทีวีค้นหาช่องที่ต้องการจนเจอ เวลาดึกๆ ช่องเคเบิ้ลทีวีมักจะมีภาพยนตร์ต่างประเทศที่ได้รับรางวัลต่างๆ นานา และมีบางเรื่องที่ถูกแบนจากบางประเทศ เรื่องที่ลินดาดูเป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติกระหว่างผู้ชายอายุคราวพ่อกับเด็กสาววัยใสใส่กระโปรงนักเรียนสั้นๆ ปกติเธอไม่ได้ดูหนังแนวนี้เพราะที่บ้านไม่มีฉาย ภัทรพลก็คงซื้อแพ็คเกจเสริมจึงมีให้ดู แต่ก็ได้แค่ดูอย่างไม่รู้เรื่อง ไม่มีแม้แต่บรรยายภาษาไทย ทว่า... ลินดาก็อยากดู
“ดูรู้เรื่องเหรอ” คนที่คิดว่านอนแล้ว ตอนนี้ยืนกอดอกมองเธอนิ่งๆ
“ดูแต่ภาพค่ะ ฟังไม่ออกหรอก” เธอบอกทั้งที่ปากยังเคี้ยวตุ้ยๆ “พี่หนุ่มพอจะมีพริกป่นไหมคะ”
“ไม่มีอะ ฉันไม่กินเผ็ด”
“อ้อ...” ลินดาถึงบางอ้อแล้วตบที่นั่งด้านข้างเรียกเขาราวกับเป็นบ้านของตัวเอง “ถ้านอนไม่หลับก็มานั่งด้วยกันสิคะ”
แม้คำชวนนั้นจะทำให้ความคิดเรื่องงานสะดุดกึกภัทรพลก็ยังพาตัวเองไปนั่งข้างๆ หญิงสาว เมื่อเห็นเธอกินข้าวราวกับทนหิวมาเป็นชาติ เขาก็เกิดความอยากสูบบุหรี่ขึ้นมาบ้าง พอมองหาบุหรี่แล้วไม่เจอก็พลันคิดว่าคงอยู่ในห้องนอน แต่กลับไม่อยากลุกขึ้นไปหยิบเสียอย่างนั้น
“เรามาหาอะไรทำกันดีมั้ย”
ลินดาวางช้อนพอดีก็มองเขาที่จู่ๆ เชิญชวนแปลกๆ
“ว่าอะไรนะคะ”
“คุณคิดว่านี่เป็นวิธีจีบหญิงของผู้ชายสูงวัยเหรอ”
“เอ๋?” ลินดาเริ่มงง
“ฉันกำลังบรรยายหนังให้เธอฟัง จะได้ดูรู้เรื่อง” ภัทรพลตอบแล้วตวัดตามองคนที่เพิ่งอิ่มท้องด้วยแววตาแปลกๆ
“อ้อ... อยากดื่มอะไรไหมคะ เดี๋ยวหนูไปเอาให้”
“ขอเบียร์เย็นๆ สักขวดก็พอ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ทิ้งตัวพิงโซฟาด้วยท่าทางสบายใจ
ลินดาคว้าจานข้าวลุกขึ้นยืน กางเกงขาสั้นผ้านิ่มเนื้อบางม้วนถลกขึ้นไปโชว์แก้มก้นขาวๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ ภัทรพลจ้องเขม็งก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก คาดโทษเธออยู่ในใจพร้อมกับใช้ความพยายามเมินหน้าหนี แต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่ได้ ร่างยวนตาจึงกลายเป็นเป้าสายตาให้เฝ้ามอง
หญิงสาวเห็นขวดน้ำผลไม้สีม่วงน่ากินก็รินใส่แก้ว กลิ่นของมันหอมยั่วลิ้นจนท้องไส้ปั่นป่วน เธอวางขวดเบียร์วุ้นให้เขา และถือแก้วเครื่องดื่มสีม่วงลงนั่งที่เดิม
“อย่า... “ ภัทรพลกำลังจะเอ่ยปากห้ามก็ไม่ทันเสียแล้ว ลินดายกแก้วน้ำสีสวยขึ้นจิบ เพียงอึกแรกลำคอของเธอก็ร้อนวาบ แต่รสหวานอมเปรี้ยวกำลังทำให้เธอติดลม แก้วน้ำสีสวยจึงถูกกระดกเทเข้าปากทีเดียวจนหมด “ให้ตายเถอะ เด็กอย่างเธอดื่มไวน์ด้วยเหรอ”
หญิงสาวหน้าเหวอวางแก้วไวน์แล้วมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม กระนั้นแก้มของเธอก็ร้อนผ่าว ขนบนกายลุกเกรียวเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนเหมือนจะเป็นไข้
“หนูเป็นอะไรอะพี่”
“กูว่าแล้ว...” ชายหนุ่มพึมพำเอามือลูบหน้าแล้วใช้นิ้วจิ้มขมับเธอ “ไวน์น่ะ ไม่เคยดื่มสิท่ายัยเด็กบ๊อง”
“ไวน์!!!!” ลินดาร้องลั่น “นี่หนูดื่มไวน์งั้นเหรอ” เธอถามอย่างตกใจ “เอิ้ก” แล้วเรอตามออกมา
“เธอนี่มันนังตัวยุ่งชัดๆ” ภัทรพลแย่งแก้วไปจากมือเล็ก เห็นสีหน้าของเธอแล้วไม่อ้วกแตกถือว่าเป็นบุญหัว ไม่งั้นล่ะก็...
“หนูจะ...” ลินดาลุกขึ้นยืนซวนเซ สะบัดหัวไปมายังไงพื้นห้องก็โงนเงน “กลับ...” ขาเร็วสวยก้าวอ้อมโต๊ะกระจกไปได้แค่นั้น ร่างนุ่มก็ทรุดฮวบ
“เฮ้!!!” นักแต่งเพลงหนุ่มปล่อยแก้วแล้วรับร่างนุ่มเอาไว้ แต่กลับกลายเป็นว่าพอดึงเธอเข้าสู่อ้อมแขน ขาของเธอก็ปัดมากันขาเขาเข้า ร่างสูงจึงล้มทับร่างนุ่มอย่างไม่ทันตั้งตัว
เวลานี้เขาได้กลิ่นไวน์องุ่นราคาแพงที่เตมินทร์ให้มาชัดเจนเพราะปลายจมูกโด่งเป็นสันแนบติดกับปลายจมูกเล็กๆ ของคนดื้อรั้น ดวงตาทั้งคู่สบกันอย่างไม่มีใครยอมหลบ
“เบียร์...” ลินดาเอ่ยออกมาเท่านั้น ปากนุ่มๆ ของเธอก็ถูกปากร้อนรุ่มบดเคล้า สัมผัสแปลกใหม่เริ่มต้นขึ้นแบบไม่มีใครคาดคิด หญิงสาวหลับตาพริ้มแล้วโอบรอบคอของเขาพร้อมกับจูบตอบ เหมือนเคยมาแล้วแต่จริงๆ นี่คือครั้งแรก จูบแรกที่เขาคือคนได้ไป
ไม่รู้ว่าเพราะเมากับเบียร์อึกเดียวหรือเพราะอะไรกันแน่ ภัทรพลถึงทำอย่างนี้ทั้งที่เขาไม่ใช่สมภารกินไก่วัด และลินดาก็ไม่ใช่ไก่วัดเสียด้วย ปากคล้ำดูดดื่มไวน์จากริมฝีปากเธอ ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดแลกรัดกันจนแทบลืมหายใจ มือใหญ่เลื่อนต่ำลงช้าๆ พุ่งเป้าไปหาหน้าอกนุ่มหยุ่นทั้งสองข้าง เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสกับติ่งเล็กๆ กลางป้านถันมันก็แข็งเป็นไตสู้มือ
“ตื่นตัวไวดีนี่นาเด็กน้อย”
แม้เขาจะกระซิบชิดเรียวปากหวาน แต่จูบที่ตามไล่ขึ้นมาของลินดาก็ทำให้ชายหนุ่มบดขยี้กลีบปากไร้เดียงสาอย่างเมามัน เต้าถันเบ่งบานดุจดอกบัวในอุ้งมือใหญ่ ชายหนุ่มคลึงเคล้นไปมารู้สึกดีกับเนื้อหนังมังสาที่ไร้ซิลิโคน
“ร้อน... หนูร้อน...”
ไวน์น่าจะออกฤทธิ์เกินความคาดหมาย ลินดาถลกชายเสื้อขึ้นบิดผ้าไปมา ภัทรพลสอดมือเข้าไปฟอนเฟ้นอยู่ได้ไม่นาน เธอก็ปัดมือเขาออกแล้วถอดเสื้อออกเสียเอง เวลานี้ลินดานอนกระสับกระส่ายอยู่บนพรมนุ่มไร้เสื้อปกปิดส่วนบน ทรวงอกของเธอยั่วตายั่วใจชายชวนน้ำลายสอ อึดใจต่อมาริมฝีปากสีเข้มก็กดลงรวบกลืนยอดอกเม็ดเล็กเข้าปาก
“อ๊า!” หญิงสาวครางโหยแอ่นหยัดเต้าเต่งใส่ริมฝีปากที่กำลังดูดจ๊วบๆ แถมปลายลิ้นสากๆ ของเขาก็ลากเลียปัดป่ายไปมาอย่างไม่ยอมหยุด “เสียวววว”
ภัทรพลบีบขยำกับงับยอดทรวงอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะวกริมฝีปากไต่ขึ้นไปที่ลำคอระหงสูดดมแป้งเด็กหอมละมุน กลิ่นแป้งเด็กหาได้ทำให้เขาฉุกคิดว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่กลับกลายเป็นแรงกระตุ้นให้อ้าปากงับปลายคางเรียวอย่างหยอกเย้า
“อื้อออ” ลินดาครางไม่หยุด ส่ายหน้าไปมาราวกับต้องการจะหนี ทว่าฝ่ามือเล็กๆ กลับเลื้อยเข้าไปในขอบกางเกงนอนขายาวของเขาซะงั้น
“ซน” ภัทรพลว่าให้ ก่อนจะผุดยิ้มพรายบนใบหน้า ผงกศีรษะทอดสายตาจับจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตที่ตอนนี้หรี่ปรือแทบจะปิด “รู้มั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่” เขาถามก่อนจะกดริมฝีปากจูบยอดอกซ้ายขวาซ้ำๆ
“ไม่” ลินดาตอบสั้นๆ ส่ายหน้าไปมาจนผมกระจาย
ภัทรพลได้ยินก็ชะงักแล้วทำท่าจะผละห่าง แต่มือเล็กก็เหนี่ยวลำคอหนาแถมยังกดใบหน้าของเขาให้แนบลงกับหน้าท้องแบนราบ
“ไม่ไป หนูไม่ให้ไป อย่าทิ้งหนูนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นร่างสูงก็ทาบทับลงมาอีกหน ลำคอของเขาแห้งผากจนต้องพึ่งน้ำหวานจากริมฝีปากเธอ มันหวานจนไม่อยากเชื่อ ลิ้นเล็กๆ นุ่มๆ เกี่ยวกระหวัดเหมือนมีประสบการณ์ แต่มือเล็กที่ป่ายสะเปะสะปะและทำท่าจะล้วงเข้าไปในกางเกงกลับทำให้เขาฉุกคิด ไหนจะเสียงครางกระเส่า ร่างน้อยที่สั่นไปทั้งตัว บอกให้เขาแน่ใจว่าเธอคนนี้ไม่เคยต้องมือชายมาก่อน
ทำไมถึงแน่ใจ?
ก็เพราะประสบการณ์ที่สะสมมานานกับผู้หญิงแทบทุกวัยยังไงเล่า
