บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 พี่ชายข้าอายุ 8ปี

ฟู่เสียนเย่ว์ ข้าอยู่ในร่างนี้เหมือนเริ่มจะชินกับชีวิตเดิมๆ ซ้ำๆ ที่เมื่อตื่นขึ้นมาก็ได้กิน นอน ปลดทุกข์ วนเวียนแบบนี้มาได้ 3 วันแล้ว ในวันนี้เหมือนร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก นางจึงออดอ้อนขอร้องให้เหลียนฮวาและเถาฮวาประคองตนเองออกไปนั่งเล่นในสวนดอกไม้ด้านหน้าของเรือนฝูอัน

สาวใช้ทั้งสองคนไม่กล้าตัดสินใจว่าจะพานางออกไปดีหรือไม่ กลับเป็นจี๋มามาผู้มีสีหน้าเคร่งขรึม นำผ้าห่มห่อตัวข้าแล้วอุ้มข้าขึ้นมาอย่างง่ายดาย เดิมใจข้าเพียงแค่อยากนั่งมองดอกไม้ แต่จี๋มามาผู้นี้ กลับทำได้ดีเหลือเกินนางอุ้มข้าเดินไปท่ามกลางสวนดอกไม้ ทำให้ข้ารู้สึกปลอดโปร่งยิ่งนัก

การเป็นเด็กตัวเล็กสบายเสียจริงมีคนอุ้มเดิน นางอุ้มข้าอย่างสงบ ลมหายใจไม่เปลี่ยน น่าจะเป็นคนมีวรยุทธผู้หนึ่ง จี๋มามาผู้นี้เป็นคนของจวนจงอู่โหว นับแต่ท่านยายผู้นั้นของข้ากลับไป จี๋มามา ไม่เคยห่างจากข้างกายข้าเลย แต่นางเงียบขรึมไม่ค่อยพูด ข้าจึงฝึกพูดคุยกับเหลียนฮวาและเถาฮวามากกว่า

ข้าหลอกถามพูดคุยไปเรื่อยจนรู้ว่าจี๋มามาผู้นี้ เดิมเป็นมามาคนสนิทตั้งแต่ยังเด็กของ ตู้ซิวซยา ภายหลังนางคลอดบุตรสาวได้ 6 เดือน ต้องรับการแต่งตั้งเป็นรองแม่ทัพไปเฝ้าชายแดนตะวันออก จึงให้จี๋มามาร้ังอยู่ดูแลบุตรสาวของนาง สวนดอกไม้ของเรือนข้างไม่ได้กว้างมากนักเดินไปได้ไม่นานก็ครบรอบ

“คุณหนูอยากชมสวนอีกรอบไหมเจ้าคะ บ่าวจะพาเดินวนให้เจ้าค่ะ”

“เจ้าเหนื่อยหรือไม่ หากเหนื่อยพาข้าไปนั่งก็ได้ข้าอยากนั่งมองดอกไม้อีกสักครู่”

“ถ้าอย่างนั้น บ่าวเดินช้าๆ ให้คุณหนูชมดอกไม้อีกรอบ นะเจ้าคะ” จี๋มามาอุ้มพาข้าเดินวนช้าๆ ข้าเพลินกับดอกไม้หลากหลายชนิด สักครู่ต้องแปลกใจที่อยู่ๆ จี๋มามาหยุดเดิน ก่อนจะหันไปพูดกับพุ่มไม้กลุ่มหนึ่ง

“คุณชายสี่ ท่านอย่าแอบมองอยู่ตรงนั้นเลยเจ้าค่ะ พื้นดินตรงนั้นมันชื้นท่านแอบอยู่นานแล้ว ประเดี๋ยวไม่สบายนะเจ้าคะ”

พุ่มไม้เตี้ยๆ มีดอกไม้เล็กๆ ประดับกลับถูกแยกออกช้าๆ ก่อนจะมีร่างของเด็กผู้ชายหน้ามุ่ยค่อยๆ คลานออกมาจากพุ่มไม้อย่างเชื่องช้า ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนปัดแขนเสื้อไปมา ด้วยแขนขาที่สั้นป้อมบ่งบอกว่าเขาเป็นเด็กชายที่อุดมสมบูรณ์มากๆ คนหนึ่ง

“จี๋มามา รู้ได้อย่างไรเนี่ย ข้าแอบดีแล้วนะขนาดเสี่ยวชางยังหาข้าไม่เจอเลย”

“ลมหายใจของคุณชายสี่ไม่สงบ ในยามที่ข้าเดินมาใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงแล้ว”

“โอ้ ข้าพยามเก็บลมหายใจแล้วนะ แต่เมื่อจี๋มามาเดินมาใกล้ๆ ข้าตื่นเต้นจนเก็บลมหายใจเอาไว้ไม่อยู่ จี๋มามาพาน้องสาวออกมาเดินแบบนี้ หากท่านย่ารู้เข้าประเดี๋ยวก็โวยวายกับท่านอีกหรอก”

“บ่าวใช้ผ้าห่อตัวคุรหนูเอาไว้ดีแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูหกยามนี้ท่านรู้สึกว่าอากาศเย็นเกินไปบ้างไหมเจ้าคะ”

“ม่าย กำลางดี” ข้าพยายามพูดอย่างยากลำบาก พร้อมทั้งส่งยิ้มหวานไปให้เด็กชาย ที่ในยามนี้กำลังทำดวงตาพองโตมองมาที่ข้าแล้วพูดอย่างตื่นตะลึง

“น้องสาวหกพูดได้แล้วหรือ”

“อื้ม แต่ยางพูดม่ายฉัด”

ดวงตากลมโตของฟู่อวิ๋นเชอร์ หลี่ลงเหมือนกำลังอยากหัวเราะแต่กลั้นไว้

“ห้ามหัวเราะนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวคุณหนูกหกไม่ยอมพูดอีก” จี๋มามาเอ่ยปรามเด็กชายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ไม่ๆ ข้าไม่ได้หัวเราะ ข้าแค่..หุหุ. เอ่อ..ข้าแค่ดีใจ ใช่ ใช่แล้ว ข้าดีใจมากที่น้องหกพูดกับข้า”

“อ่อ..ออ.. นี่คือ...ม่ายหัวเลาะ?”

“55555 ไม่ได้หัวเราะจริงๆ หะหะ”

“อาเชอร์ เจ้าหยุดหัวเราะน้องหกเดี๋ยวนี้นะ!”

เสียงแหลมใสนำมาก่อนตัว พลันปรากฏเด็กสาวมัดจุกมวยผมสองข้าง ใบหน้ากลมมีแก้มสีแดงปลั่ง กำลังเดินจูงเด็กน้อยมัดแกะตัวกลมซอยเท้าเล็กๆ ตามพี่สาวมาอย่างน่าเอ็นดู ทางด้านหลังมีสาวใช้สองนางเดินตามเด็กน้อยสองคนนี้มาติดๆ

ฟู่เสียนเย่ว์เอียงคอด้วยท่าทางครุ่นคิด ข้าเคยเจอเด็กๆ เหล่านี้ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว เด็กผู้ชายคือฟู่อวิ๋นเชอร์ เด็กสาวตัวกลมคือฟู่เสียนหยา สองคนนี้อายุเท่ากัน คือแปดปี ส่วนเด็กน้อยตัวเล็กคือฟู่เสียนเหยียนอายุเท่ากับข้าในร่างนี้

“ถ้าหากน้องหญิงหกไม่ยอมพูดอีก ข้าจะตีเจ้าอาเชอร์!” ฟู่เสียนหยาเดินมาด้านหน้าของข้า แล้วหันหน้าไปแยกเขี้ยวยิงฟันใส่ฟู่อวิ๋นเชอร์

“หยาหยา ข้าไม่หัวเราะแล้วๆ” แต่ใบหน้าเด็กชายยังมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนใบหน้า ทำให้ฟู่เสียนหยาทำแก้มป่องด้วยความรู้สึกขัดเคืองใจ

“อย่าา ทาเลาะกานน” ข้าพยายามพูดห้ามทัพ แต่ติดตรงลิ้นแข็งทื่อของข้า ทำให้ยังพูดจาลำบากอยู่,kd

“น้องหก หากอาเชอร์รังแกเจ้า บอกข้าได้นะ ข้าจะตีเขาเอง”

“หยาหยา ข้าเป็นผู้ชายไม่รังแกผู้หญิงหรอก”

“น้องเหยียนเหยียน พี่เคยรังแกเจ้าหรือไม่” ฟู่อวิ๋นเชอร์หันหาพรรคพวกตามแบบนิสัยของเด็กน้อยทั่วไป

เด็กน้อยตัวกลมส่ายหน้าแต่กลับเดินไปแอบหลังพี่สาวสี่ราวกลับว่าตนกำลังโดนรังแก ฟู่อวิ๋นเชอร์มีสีหน้าดำมืดไปทันที ทำเอาข้าหัวเราะขบขำเบาๆ เด็กพวกนี้ช่างน่าเอ็นดูเสียจริง

จี๋มามาอดทนอยู่นานแล้ว จึงเอ่ยขัดขวางสงครามเล็กๆ ของพวกเด็กๆ ก่อนจะเชิญทุกคนไปนั่งเล่นที่ศาลาเล็กกลางสวนดอกไม้

“เสี่ยวเว่ย เสี่ยวเหมาเจ้าวิ่งไปเรือนพี่สาวรองดูว่าวันนี้ พี่สาวทำขนมบ้างไหม ถ้าหากมีขอแบ่งมาหน่อย อ่อ...ไม่สิพวกเจ้าขอแบ่งมาเยอะๆ เลยดีกว่า เพราะที่นี่มีอาเชอร์อยู่ด้วย”

ฟู่เสียนหยาสั่งสาวใช้ของนางให้ไปหาขนมกับน้ำชามา เมื่อเห็นหน้าเด็กชาย จึงตัดสินใจเพิ่มจำนวนทันที อาเชอร์ผู้กินจุทำหน้าเฉยเมย ไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดของฟู่เสียนหยาแม้แต่น้อย ก่อนที่เขาจะแสดงวิชาตัวเบาวิ่งไปนั่งรอทุกคนอยู่ที่ศาลาพักร้อนกลางสวนดอกไม้

เมื่อทุกคนนั่งลงกับพื้นที่ปูเบาะรองนั่งของศาลา แน่นอนว่าพื้นนั่งของข้ามีฟูกรองหลายชั้นรวมทั้งมีผ้าห่มพันจนตัวผอมแห้งของข้าดูกลมมากขึ้น บนโต๊ะกลมกลางวงล้อมของทุกคน มีจานขนมน่ากินมากมายหลายชนิด ที่บ่าวค่อยๆ ทะยอยยกขนมมาเพิ่ม มีกาน้ำหวาน ซึ่งสาวใช้รินใส่แก้วให้เด็กทั้งสามคน ฟู่เสียนหยา หยิบขนมจานที่นางคิดว่าอร่อยมากที่สุดนำมาป้อนข้า ข้าจึงต้องกัดขนมกินเพื่อเป็นการเอาใจ

“จี๋มามา น้องสาวข้านางกินขนมเหล่านี้ได้ไหมขอรับ” ฟู่อวิ๋นเชอร์เอ่ยถามขึ้นด้วยความไม่สบายใจ ทำให้มือน้อยๆ ที่กำลังยัดขนมเข้าปากของข้าหยุดชะงัก

“กินได้เจ้าค่ะ แค่กินมากไม่ได้ ประเดี๋ยวยามเย็นคุณหนูหกจะกินอาหารได้น้อย”

“แย่จริงๆ ข้าอยากให้น้องหกอ้วนขึ้น ไม่ต้องอ้วนแบบเหยียนเหยียน ขอแค่มีแก้มให้ข้าจับก็ยังดี” ฟู่เสียนหยา เอ่ยขึ้นพลางมองหน้าข้านำไปเทียบกับฟู่เสียนเหยียน

“ข้า อยากให้น้องหกแข็งแรงไม่เจ็บป่วยอีกจึงจะดีมากกว่า ดังนั้นน้องสาวเจ้าอดทนกินขนมน้อยๆ ไปก่อนนะ กินอาหารดีๆ เยอะๆ จะดีกว่า”

“อื้มๆ “ข้าทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับคำพูดของอีกฝ่าย เพราะขนมเต็มปาก หลังจากนั้นก็นั่งฟังเด็กทั้งสามพูดคุยกันตามประสาเด็ก ด้วยความรู้สึกเอ็นดู สีหน้าเด็กๆ เหล่านี้สดใสมากกว่าที่ข้าเห็นยามแรกมากนัก

“ขนมพี่หญิงรองทำอร่อยทุกอย่าง มีรสชาตแปลกใหม่ไม่เหมือนของผู้ใด”

“ย่อมจะแน่นอนอยู่แล้ว เพราะท่านป้าสะใภ้ใหญ่สอนพี่หญิงรองด้วยตัวเองนี่นา”

“ข้าก็อยากทำอาหารเก่งแบบพี่หญิงใหญ่และพี่หญิงรองเจ้าค่ะ”

“รอเจ้าโตขึ้น แล้วจะอยากหนีเรียนกับเหมือนข้า”

“หยาหยา เจ้าเป็นหญิงควรเรียนทำขนมเอาไว้สิ ท่านแม่ของข้า ยามออกรบนางยังทำอาหารให้ท่านพ่อของข้ากินได้นะ”

“นี่ ๆ วันนี้จวนเราปลดผ้าไว้ทุกข์หมดแล้ว ข้าดีใจยิ่งนัก”

“หยาหยา ห้ามคุยเรื่องนี้ต่อหน้าน้องหก” ฟู่อวิ๋นเชอร์เปลี่ยนสีหน้าแล้วพูดเตือนเบาๆ เหมือนผู้ใหญ่สั่งสอนเด็ก ส่วนฟู่เสียนเหยียนกระตุกชายแขนเสื้อพี่สาวพรางส่ายหน้าช้าๆ

“ชูร์...ห้ามพูด” แต่ฟู่เสียนหยา นางรู้สึกเหมือนการโดนห้าม ทำให้นางเสียงหน้า จึงทำเสียงดังโวยวาย

“ทำไมล่ะ น้องหกมีสิทธ์ได้รับรู้ว่าอาสามและอาสะใภ้ยังไม่ตาย พวกเจ้าไม่เห็นหรอกหรือว่าน้องสาวเสียใจแล้วป่วยหนักเพียงใด”

จี๋มามา พลันทำเสียงเข้มขึ้นมา “พอแล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวเว่ย เสี่ยวเหมา เชิญคุณหนูสี่ คุณหนูห้ากลับเรือนรองก่อน”

“ไม่ ข้าไม่กลับ ข้าหวังดีกับน้องหกมากที่สุด เรื่องนี้นางรู้แล้วจะได้หายเร็วขึ้น”

“พอได้แล้ว! “เสียงฟู่อวิ๋นเชอร์ตวาดเสียงสูง

“ทัมมัยล่ะ” ข้าตะลึงและตกใจกับข่าวที่รู้ พวกเขายังไม่ตายหรือ ตู้ซิวซย่า ยังไม่ตาย น้ำตาข้าเอ่อคลอด้วยความยินดี อยู่ๆ ร่างกลมๆ แต่แข็งแรงพลางกระโจนเข้ามากอดรัดข้าแน่น

“น้องสาวๆ น้องอย่าตกใจนะ พี่ชายจะอยู่กับเจ้า”

“ท่านลุงบอกไม่ให้ทุกคนพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเจ้า กลัวเจ้าป่วยหนักอีกครั้ง อีกอย่างแค่ยังไม่พบศพ เจ้าวางใจ หากพวกเขาตายจริง ยังมีข้า เจ้ายังมีข้า”

“นั่นมันคำปลอบใจอะไร อะไรคือพวกเขาตายจริง ข้าจะบอกเจ้าให้รู้ ท่านอาสะใภ้สามของข้า นางเก่งเป็นที่สุด นางไม่ตายหรอก ท่านอาสามก็จะต้องไม่ตาย”

“เจ้าห้ามพูด เจ้าห้ามพูด ท่านลุงใหญ่บอกแล้วอย่าพูดเดี๋ยวน้องสาวจะป่วยหนักอีก”

“พอแล้ว ข้าร้องไห้แล้ว ข้าร้องไห้แล้ว โดนตีแน่ๆ ท่านแม่บอกพี่สี่แล้วว่าห้ามพูด” คุณหนูห้าฟู่เสียนเหยียนอ้าปากร้องไห้ด้วยความรู้สึกเสียใจ

สีหน้าของจี๋มามาพลันเขียวคล้ำ เพราะนางรู้สึกปวดหัวกับเด็กพวกนี้เป็นอย่างยิ่ง เสี่ยวเว่ยกับเสี่ยวเหมาจึงต้องรีบกึ่งลากกึ่งจูงเด็กน้อยทั้งสองคนให้รีบเดินกลับเรือน คนหนึ่งตะโกนเถียงกับฟู่อวิ๋นเชอร์ อีกคนร้องไห้เพราะรู้สึกว่าทำผิดต้องถูกลงโทษตามความเข้าใจเด็กน้อย

ข้าเหม่อมองความวุ่นวายตรงหน้าก่อนจะทบทวนคำพูดของเด็กพวกนี้ แสดงว่ายังไม่พบศพของฟู่ซานหลาง และตู้ซิวซย่า พลันข้ารู้สึกว่าใบหน้าของข้าถูกอัดแน่นเข้าไปตรงอกของเด็กชาย เขาอดกลั้นเสียงร้องไห้เอาไว้จนตัวสั่น ใช้มือป้อมๆ ตบหลังข้าเบา พรางทำเสียงปลอบใจข้า

“เย่ว์เย่ว์ ไม่ต้องตกใจนะพี่ชายอยู่ตรงนี้แล้ว”

แล้วก็มีเสียงจี๋มามา กล่าวเตือน

“อย่ากอดแน่นเจ้าค่ะเดี๋ยวคุณหนูหายใจไม่ออก”

“อย่าตีแรงนะเจ้าคะ ดีเจ้าค่ะ อย่าตีแรงเดี๋ยวคุณหนูหกรู้สึกเจ็บ”

สวรรค์ ข้าที่เคยเป็นองค์หญิงสิบสี่มีชีวิตอยู่ในแคว้นเว่ยมานานถึงสิบห้าปีแล้ว กำลังได้รับการปลอบใจจากพี่ชายเป็นครั้งแรก นี่สินะสายสัมพันธ์การแสดงความรักจากพี่ชายและน้องสาว

แต่ทว่า พี่ชายข้า เขามีอายุแค่แปดขวบเองนะ ข้าฝืนดันตัวออกจากการกอดรัด เงยหน้าขึ้นมองฟู่อวิ๋นเชอร์ ก่อนกัดฟันพูดด้วยน้ำตาเอ่อคลอ

“รัดด แน่น ปาย แย้วว”

ฟู่อวิ๋นเชอร์ “...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel