บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 จวนตระกูลฟู่

จวนตระกูลฟู่ นับเป็นจวนตระกูลใหญ่ของแคว้นฉี นายท่านใหญ่ของจวนตระกูลฟู่ดำรงตำแหน่งอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายแห่งแคว้น จวนแห่งนี้ปกตินับเป็นจวนที่เงียบสงบแต่บัดนี้ภายในจวนกลับสับสนวุ่นวาย เนื่องจากมีสารแจ้งข่าวร้ายจากชายแดน แม่ทัพฟู่ซานหลางและรองแม่ทัพตู้ซื่อผู้เป็นภรรยาต่างสิ้นชีพทั้งคู่พร้อมกันที่ชายแดนแคว้นเว่ย

บรรยากาศภายในจวนตระกูลฟู่จึงดูวุ่นวายเนื่องจากเร่งจัดเตรียมจัดงานศพ มีการแขวนผ้าขาวเพื่อไว้ทุกข์ ผู้คนในจวนต่างคนต่างรีบเร่งทำงานด้วยสีหน้าเศร้าโศก เนื่องจากแม่ทัพฟู่ซานหลาง คือนายท่านสามของจวนแห่งนี้ เขาเป็นบุตรชายสายตรงคนที่สามของฮูหยินผู้เฒ่าฟู่

ส่วนสะใภ้สามตระกูลฟู่ตู้ซื่อ มีนามว่าตู้ซิวซยา ฮูหยินสามผู้นี้นับได้ว่านางเป็นลูกสะใภ้คนโปรดที่นำความภาคภูมิใจให้แก่ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลฟู่เป็นอย่างมาก เมื่อข่าวร้ายนี้ถูกส่งมาถึงจวนตระกูลฟู่ จึงเหมือนมีใครมากระชากดวงใจแล้วของฮูหยินผู้เฒ่าบีบซ้ำเพื่อเพิ่มความเจ็บปวดซ้ำเติมมากขึ้น

ภายในเรือนฝูอันซึ่งเป็นเรือนหลักของฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลฟู่ คนในตระกูลต่างมารวมตัวกันครบทุกคน ขาดแค่เพียงคุณหนูหกของตระกูลฟู่ที่บัดนี้ยังไม่สบายนอนหมดสติ ณ ห้องข้างของเรือนหลักแห่งนี้

ภายในห้องข้างของเรือนหลัก เด็กหญิงผู้นอนอยู่บนเตียงมีรูปร่างบอบบางมีอายุเพียง 5 ปี ใบหน้าเรียวเล็กขาวซีด ริมฝีปากเขียวคล้ำ ลมหายใจแผ่วเบา ท่านหมอหลวงฉีเมื่อทำการตรวจเสร็จ ถอนหายใจด้วยความเวทนา ก่อนจะเดินออกมาเขียนใบสั่งยาเพื่อให้สาวใช้นำไปต้มเพื่อให้คุณหนูหกดื่ม

ฮูหยินผู้เฒ่าที่นั่งรอฟังข่าวด้วยจิตใจไม่สงบ ให้สาวใช้ประคองเดินไปถามอาการของหลานสาวกับท่านหมอด้วยความร้อนใจ “ท่านหมอหลวงฉี หลานสาวของข้า นางเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงแห่บพร่าของฮูกยินผู้เฒ่าเอ่ยถามอย่างกังวลใจ

“ฮูหยินผู้เฒ่า ข้าขอกล่าวตามตรง อาการของคุณหนูหกร้ายแรงมากนัก เดิมนางร่างกายอ่อนแอ ป่วยไข้ง่ายอยู่แล้ว ครั้งนี้มีเรื่องกระทบจิตใจรุนแรง ทำให้เลือดลมพร่อง แต่กลับมีไข้สูง ข้าทำได้เพียงให้ยาลดไข้ และยาสงบใจ ต้องรอให้นางฟื้นแล้วค่อยเพิ่มแรงใจ ให้เด็กน้อยอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ข้าคงทำให้ได้เพียงแค่นี้” หมอหลวงฉีกล่าวจบ ลุกขึ้นคำนับด้วยความลำบากใจ ฮูหยินผู้เฒ่ารีบหลบรับการคำนับแค่เพียงครึ่งแล้วเอ่ยตอบด้วยความเกรงใจ

“มิกล้าๆ ข้ารู้ว่าท่านหมอรักษาเต็มที่แล้ว ข้าขอบคุณท่านหมอฉียิ่งนัก ที่ยินยอมลำบาก มารักษาให้หลานสาวข้า”

“ฮูหยินผู้เฒ่า เกรงใจเกินไปแล้ว อีกอย่างอาการคุณหนูหกข้าก็เป็นผู้รักษามาโดยตลอด จึงเห็นนางเป็นดั่งหลานสาวข้าเสียแล้ว ท่านอย่าได้เกรงใจข้าเกินไปเลย” หมอหลวงฉีเอ่ยอย่างจริงใจ

เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าฟังจบดวงตาก็ปรากฏความซาบซึ้งขึ้นมา ควรจะรู้ว่าท่านหมอหลวงฉี มีความสามารถทางการแพทย์เป็นเลิศ เป็นหมอหลวงอาวุโส ที่รักษาแต่เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงที่สำคัญในวังหลวงเท่านั้น ยากนักที่เขาจะออกมารักษาให้ครอบครัวขุนนางนอกวังแบบนี้

อีกทั้งในยามนี้เป็นเวลาย่ำค่ำ เมื่อได้รับคำเชิญแบบเร่งด่วน ท่านหมอฉีกลับไม่บ่ายเบี่ยงและรีบเดินทางมารักษาคนที่จวนตระกูลฟู่ในทันที ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบตามองหลีมามา ซึ่งหลีมามาก็รีบเดินออกไปเชิญนายท่านใหญ่ให้มารับรองท่านหมอฉี เพื่อเป็นการให้เกียรติ ก่อนที่นายท่านใหญ่จะเดินไปส่งท่านหมอหลวงฉีขึ้นรถม้ากลับด้วยตัวนายท่านใหญ่เอง

ฮูหยินผู้เฒ่า มีสาวใช้ประคองมานั่งข้างเตียงของเด็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือลูบใบหน้าเรียวเล็กอย่างแผ่วเบา แล้วเอื้อมดึงมือเย็นเฉียบของหลานสาวมากุมมือเอาไว้ เพื่อให้มือของเด็กน้อยอบอุ่น

“หลีมามา..ยาที่เอาไปต้มให้นังหนูหกได้หรือยัง ข้าจะรอป้อนยาให้นางด้วยตัวเอง”

“ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะนี่ก็เริ่มจะดึกแล้วท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถิดนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวบ่าวจะคอยอยู่ป้อนยา และคอยเฝ้าดูแลคุณหนูหกแทนฮูหยินผู้เฒ่าเองเจ้าค่ะ” หลีมามาเอ่ยเกลี้ยกล่อมฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลฟู่อีกครั้ง

“ไม่ต้องหรอก ข้าจะทำเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง เจ้าเดินไปบอกคนในห้องโถง ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกลับไปพักผ่อนได้แล้ว”

หลีมามา อยู่รับใช้ฮูหยินผู้เฒ่ามานานเกินครึ่งชีวิตของนาง จึงรู้ใจของฮูหยินผู้เฒ่าดีกว่ามากใคร จึงไม่เอ่ยถ้อยคำโต้แย้งอีก ก่อนจะสั่งบ่าวคนอื่นให้คอยปรนนิบัติรับใช้เจ้านายในห้องนี้ให้ดี แล้วจึงเดินไปที่ห้องโถงกลางของเรือนฝูอัน

ภายในเรือนฝูอัน คนตระกูลฟู่ทั้งหมดกำลังนั่งรอฟังข่าวอย่างครบครัน ประกอบไปด้วยบ้านใหญ่ซึ่งขาดเพียงนายท่านใหญ่ที่ไปส่งท่านหมอหลวงฉี บ้านรอง และบ้านสามที่เหลือเพียงคุณชายสี่ฟู่อวิ๋นเชอร์เพียงคนเดียวแล้ว

คุณชายสี่ฟู่อวิ๋นเชอร์ในปีนี้มีอายุเพียง 8 ปีเท่านั้น เขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของคุณหนูหก ฟู่เสียนเย่ว์

หลีมามาเมื่อคิดถึงเคราะห์ร้ายของนายท่านสามและฮูหยินสาม นางก็แอบน้ำตาซึมด้วยความรู้สึกปวดใจ นางสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อสะกัดกั้นความเสียใจ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ แล้วเอ่ยถ่ายทอดคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลฟู่ให้ทุกคนฟัง

“บ่าวคำนับฮูหยินใหญ่ นายท่านรอง ฮูหยินรอง เหล่าคุณชายและคุณหนูทุกท่าน เจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้บ่าวมาบอกให้พวกท่านแยกกันไปพักผ่อนได้แล้วเจ้าค่ะ”

“หลีมามา ยัยหนูหกเสียนเย่ว์ เป็นอย่างไรบ้าง” นายท่านรองเอ่ยถามแทนทุกคนในห้องโถง

“คุณหนูหก บัดนี้ยังมีไข้สูงอยู่ หากได้ดื่มยาไข้น่าจะลดลงเจ้าค่ะ ท่านหมอฉีกล่าวว่าขอเพียงในคืนนี้คุณหนูหกมีไข้ลดลงก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแล้วเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้น พวกเจ้ากลับไปพักที่เรือนกันก่อน ถ้าหากมีข่าวอันใดข้าจะให้บ่าวไปแจ้งพวกเจ้า” นายท่านรองกล่าวกับทุกคนในห้องโถง

“น้องรอง เจ้าไปเกลี้ยกล่อมให้ท่านแม่ไปพักผ่อนเถิด ประเดี๋ยวข้าและน้องสะใภ้รองจะช่วยกันดูแลเย่ว์เอ๋อร์เอง เพราะสุขภาพท่านแม่ตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก” ฮูหยินใหญ่ เจียงซื่อเอ่ยขึ้นกับนายท่านรองฟู่อีหลางอย่างไม่สบายใจ

“ข้าเห็นด้วยกับพี่สะใภ้ใหญ่เจ้าค่ะ ท่านพี่เดินไปเกลี้ยกล่อมท่านแม่ให้ไปพักผ่อนเถิดนะเจ้าคะ ให้พี่สะใภ้ใหญ่ไปดูท่านแม่ดีกว่า ส่วนเย่ว์เย่ว์ ข้าจะอาสาดูแลนางเอง”

สะใภ้รองซ่งซื่อ รีบเอ่ยเพราะนางกลัวว่าฮูหยินผู้เฒ่าสะเทือนใจ พักผ่อนน้อยจนโรคเก่าจะกำเริบขึ้นมาอีก มิสู้ให้สะใภ้ใหญ่ซึ่งฮูหยินผู้เฒ่าค่อนข้างรักและวางใจไปดูแลปรนนิบัติน่าจะดีกว่า ส่วนตัวนางไปจะไปดูแลหลานสาวคนเล็กเอง เดิมทีนางรู้สึกรักใคร่เอ็นดูและสงสารฟู่เสียนเย่ว์มากอยู่แล้ว นางจึงอยากดูแลเด็กน้อยด้วยตัวเอง

นายท่านรองฟู่อีหลาง เห็นด้วยกับคำพูดของภรรยาตน แต่เขาก็ยังต้องมองดูสีหน้าของพี่สะใภ้ก่อน เพื่อรอการตัดสินใจของนางเป็นการให้เกียรติแก่ผู้มีอาวุโสกว่า

“ขอบใจน้องสะใภ้รองมากที่เอ่ยเตือนข้า เช่นนั้นให้ข้าไปดูแลปรนนิบัตรท่านแม่ดีกว่า แต่ต้องให้น้องรองช่วยข้าเกลี้ยกล่อมท่านแม่ให้ไปพักผ่อนด้วย ส่วนอวิ๋นเชอร์ เจ้าไปนอนที่เรือนใหญ่กับพี่ชายใหญ่ของเจ้าก่อนนะ อวิ๋นชิง อวิ๋นเฟิง พวกเจ้าช่วยกันดูแลน้องชายของพวกเจ้าด้วย”

“ขอรับท่านแม่ ข้าจะดูแลน้องสี่เอง”

คุณชายชายใหญ่ ฟู่อวิ๋นชิง รับคำมารดาตน ก่อนจะคำนับลาผู้อาวุโสแล้วจับจูงมือคุณชายสี่ฟู่อวิ๋นชิงเดินกลับไปพักเรือนใหญ่ของตน

คุณชายรองฟู่อวิ๋นเฟิงจึงรีบคำนับลาก่อนรีบวิ่งตามพี่ชายและญาติผู้น้องของตนไปทันที คุณชายสามคุณหนูสี่และคุณหนูห้าของบ้านรองก็คำนับลาพร้อมกัน ก่อนที่มามาคนสนิทของเจียงซื่อจะพาเด็กบ้านรองเดินกลับเรือนรองพร้อมกันอย่างเรียบร้อยเป็นระเบียบ เหลือเพียงคุณหนูรองฟู่เสียนโหย่วและคุณหนูสามฟู่หลี่ม่าน ของบ้านใหญ่ที่มองสบตากันด้วยความเป็นอริ

“ท่านแม่ ท่านอารอง ท่านอาสะใภ้เจ้าคะ ข้าขอคอยเฝ้าไข้น้องหกกับอาสะใภ้รองนะเจ้าคะ น้องหกสนิทสนมกับข้ามากที่สุด ถ้าหากนางฟื้นขึ้นมาเห็นข้า นางจะได้รู้สึกอบอุ่นใจเจ้าค่ะ” คุณหนูรองฟู่เสียนโหย่วเอ่ยคำขอร้อง

เมื่อทุกคนได้ฟังก็รู้สึกว่าคุณหนูรองช่างมีจิตใจเมตตา และรักพี่รักน้องยิ่งนัก ฮูหยินรองซ่งซื่อจึงยิ้มแล้วตอบรับคำขอร้องของคุณหนูรองด้วยความยินดี

คุณหนูสามหลี่ม่านรู้สึกว่าตนช้ากว่าพี่หญิงรองอีกแล้ว จึงแอบรู้สึกหงุดหงิดในใจ แต่สีหน้ากลับทำหน้าตาอ่อนโยนและเอ่ยคำขอเช่นกัน

“ท่านแม่ใหญ่ ท่านอารองท่านอาสะใภ้รอง ข้าเองก็อยากจะอยู่เฝ้าไข้น้องหกเช่นกันเจ้าค่ะ” ฟู่หลี่ม่านก้มหน้าอละเอ่ยคำขอร้องเช่นเดียวกับคุณหนูรองฟู่เสียนโหย่ว

เมื่อจบคำพูดของคุณหนูสาม ทุกคนในห้องโถงใหญ่ต่างเงียบพร้อมทั้งทำหน้าประหลาด ไม่มีใครตอบรับคำขอร้องของเด้กสาวผู้นี้

ทันใดนั้นนายท่านใหญ่เดินเข้ามาในห้องโถงทันได้ยินคำขอร้องจากบุตรสาวทั้งสองคนของตนพอดี นายท่านใหญ่จึงเดินมานั่งที่เก้าอี้ประธานกลางห้องก่อนมองหน้าคุณหนูสามด้วยสายตาเย็นชา

“ข้ารบกวน น้องรองพาพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าและฮูหยินของเจ้าไปเอ่ยเกลี้ยกล่อมท่านแม่เพื่อขอท่านแม่ให้ไปพักผ่อนก่อนถิด ข้าคงจะต้องขอรบกวนน้องสะใภ้รองให้ช่วยดูแลเสียนเย่ว์แล้ว เสียนโหย่ว...เจ้าเองก็อยู่ช่วยอาสะใภ้รองของเจ้าด้วย ส่วนหลี่ม่านเจ้าจงนั่งอยู่พูดคุยกับข้าก่อน” นายท่านใหญ่พูดขึ้นด้วยเสียงเคร่งขรึม

ทุกคนเมื่อได้ฟังนายท่านใหญ่กล่าวก็รู้ว่านายท่านใหญ่ผู้สุขุม มีอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนจึงเดินจากไปอย่างเงียบๆ เมื่อภายในห้องโถงเหลือแต่บ่าวรับใช้เพียงไม่กี่คน นายท่านใหญ่ยกน้ำชาขึ้นมาจิบเพื่อคลายอารมณ์ ก่อนจะมองใบหน้าลูกสาวของตนที่เกิดจากหลี่อี๋เหนี๋ยง

“ฟู่หลี่ม่าน เจ้าช่างทำได้ดีนัก” นายท่านใหญ่ตบโต๊ะแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา คุณหนูสามเมื่อได้ยินเสียงเย็นชาของผู้เป็นบิดาในใจก็รู้สึกกระวนกระวาย แล้วรีบนั่งคุกเข่าลงบนพิ้นก้มหน้าพูดเสียงเบาด้วยท่าทางน่าสงสาร

“ท่านพ่อ ลูกทำอะไรผิดหรือเจ้าคะ มีใครกล่าวหาว่าร้ายลูกกับท่านพ่ออีกแล้วใช่ไหมเจ้าคะ”

“เจ้าอธิบายมาสิ ท่านย่าของเจ้าบอกกล่าวกับทุกคนแล้ว ว่าไม่ให้ใครบอกข่าวร้ายของอาสามกับอาสะใภ้สามให้เย่ว์เอ๋อรู้ แล้วเจ้าบอกกับนางทำไม”

“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้บอกอะไรน้องหกเลยนะเจ้าคะ วันนี้ข้าก็ได้ไปเยี่ยมไข้ของน้องสาวตามปกติเหมือนคนอื่นๆ มีคนใส่ร้ายลูกหรือเจ้าค่ะ” ฟู่หลี่ม่านรีบกล่าวแก้ตัวด้วยเสียงร้อนรน

“วันนี้ ในจวนยุ่งวุ่นวายมีแค่เจ้ากับโหย่วเอ๋อที่ไปเยี่มเย่ว์เอ๋อร์ พวกบ่าวคนอื่นๆ ไม่ได้เข้าไปห้องปีกข้างของเรือนด้วยซ้ำไป” นายท่านใหญ่จ้องหน้าฟู่หลี่ม่านอย่างจับผิด “และวันนี้เหลียนฮวาและเถาฮวาอยู่กับเสียนเย่ว์มาโดยตลอด มีแต่ในยามที่เจ้ามาเยี่ยมเย่ว์เอ๋อร์แล้ว จึงใช้นางทั้งสองคนไปยกของว่างกับน้ำชาเท่านั้น ที่พวกนางไม่ได้อยู่เฝ้า แล้วหลังนั้นเสียนเย่ว์ก็ซึมเศร้าไม่กินไม่ดื่ม มีไข้ขึ้นสูง จนหมดสติ”

“ลูกไม่ได้บอกอะไรเย่ว์เอ๋อทั้งนั้น แค่นั่งเฝ้านางเงียบๆ ท่านพ่อก็รู้ว่าน้องหกพูดไม่ได้นี่เจ้าคะ ท่านพ่อ ฮือๆ ลูกขอสาบานลูกไม่ได้บอกอะไรแก่น้องหกแน่นอนเจ้าค่ะ” ฟู่หลี่ม่าน ร้องไห้ราวกลับไม่ได้รับความเป็นธรรม เสียจนนายท่านใหญ่เริ่มลังเลใจ ฟู่หลี่ม่านภายนอกร่ำร้องไห้เสียใจ แต่ภายในใจกลับตรงข้ามเพราะนางรู้ดีว่าถ้าไม่มีหลักฐานคนอย่างนายท่านใหญ่คงไม่ฟังแค่คำพูดของบ่าวแล้วมาลงโทษตนเองอย่างแน่นอน

นายท่านใหญ่ถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม หลานสาวของตนบัดนี้อายุ5 ปี แล้วแต่กลับไม่ยอมพูดเหมือนเด็กคนอื่นๆ ประกอบกับเจ็บไข้บ่อยๆ คนทั้งจวนจึงรู้สึกเอ็นดูและสงสารเด็กน้อยผู้นี้มาก

เขาเหลือบสายตาไปมองฟู่หลี่ม่าน นางเป็นลูกอนุเพียงคนเดียวในจวนแห่งนี้ อายุยังน้อยแต่มีใบหน้างดงามเหมือนกับอี๋เหนียงของนาง ทว่าด้วยเหตุนี้นางจึงเข้ากับผู้คนในจวนนี้ไม่ได้เลย โดยเฉพาะบรรดาพี่น้องในตระกูล

ส่วนเถาฮวาและเหลียนฮวาเป็นสาวใช้จากจวนจงอู่โหว คนตระกูลตู้เป็นคนส่งมาเพื่อดูแลหลานสาวผู้เดียวที่เกิดจากบุตรสาวคนเดียวของจงอู่โหว ตู้ซิวซยา ที่ต้องติดตามฟู่ซานหลางไปออกรบชายแดน พวกเขามีบุตรชายและบุตรสาวอย่างล่ะหนึ่ง

เมื่อคนเป็นแม่ไม่ค่อยได้อยู่ที่จวน ทางจวนจงอู่โหวไม่วางใจจึงหาสาวใช้ที่ไว้ใจอย่างมากมาดูแล ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่สาวใช้สองคนนั้นต้องใส่ร้ายฟู่หลี่ม่าน แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานและใจลึกๆ นายท่านใหญ่ ก็ยังเข้าข้างบุตรสาวของตนว่าคงไม่ใจร้ายกับญาติผู้น้องของตนอย่างนั้น

เขายิ่งรู้สึกอึดอัดใจเมื่อยิ่งได้ยินบุตรสาวของตนร้องให้ ใจที่มีโทสะพลันอ่อนลง แต่ตนต้องทำอะไรบ้างเพราะเรื่องนี้จวนจงอู่โหวต้องรู้เรื่อง เขาไม่อยากให้ตู้ซิวเหยียน ซื่อจื่อของจวนจงอู่โหวมาคิดบัญชีด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงจำใจต้องลงโทษบุตรสาวของตนแล้ว

“ในเมื่อไม่มีหลักฐาน ข้าก็ไม่อาจลงโทษว่าเจ้าผิด แต่จากคำพูดสาวใช้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับน้องหกของเจ้าข้าคงต้องกักบริเวณเจ้า จนกว่านางจะฟื้น”

“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดจริงๆ นะเจ้าคะ ใจจริงข้าอยากจะอาสาดูแลน้องหกด้วยซ้ำ แต่เพื่อความสบายใจของท่านพ่อข้ายินดีรับโทษเจ้าค่ะ” ฟู่หลี่ม่านร้องไห้ด้วยความน่าสงสาร นายท่านใหญ่จึง กักสั่งกักบริเวรให้นางอยู่แต่ในเรือนตน เมื่อเห็นบุตรสาวไม่ต่อต้านจึงให้บ่าวพานางกลับเรือนของนาง

ขณะเดินกลับเรือน ฟู่หลี่ม่านยิ้มเยาะในใจ ฟื้นขึ้นมาก็พูดไม่ได้เสียหน่อย ถึงบอกคนอื่นได้ขอแค่ยืนยันว่าไม่ได้พูด อย่างไรก็ไม่มีหลักฐาน “ข้าไม่กลัวหรอกหากเจ้าฟื้น กลัวแต่เจ้าไม่อาจฟื้น” เสี่ยวชุ่ย สาวใช้คนสนิทของฟู่หลี่ม่านได้ยินถึงกลับตัวสั่นเดินตามหลังของนายตนไปอย่างหวาดกลัว

นายท่านใหญ่ฟู่ต้าหลาง นั่งสงบสติอารมณ์ก่อนจะเดินไปดูอาการหลานสาวของตนที่ห้องข้าง เมื่อมองเห็นหลานสาวนอนซีดเซียวอยู่บนเตียง ใจที่หนักอึ้งของเขาพลันคิดถึงน้องชายของตนที่จากไป ความปวดร้าวเกิดขึ้นภายในใจ ดวงตานิ่งสงบของเขาเกิดริ้วรอยแดงก่ำพาดผ่าน แต่นายท่านใหญ่ต้องพยายามกดข่มความปวดร้าวนี้เอาไว้ เพราะเขาคือเสาหลักของจวนตระกูลฟู่แห่งนี้….

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel