บทที่ 5 ทาสกามเหรอ บ้าหรือเปล่า? [1]
คำพูดที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากบางเต็มไปด้วยการเสียดสี น้ำเสียงเย้ยหยันและสีหน้าของเหมือนฝันส่งผลให้อารมณ์คุกรุ่นของคีรินทร์ถูกแช่แข็งไว้
ราวกับหมัดอัปเปอร์คัตที่ชกเข้าเต็มหน้า สมองของชายหนุ่มคล้ายกับลัดวงจรไปชั่วขณะ นับตั้งแต่รู้จักกันมา แม้ว่าเขาจะทำอย่างไรเหมือนฝันก็ไม่เคยพูดจาประชดประชันหรือมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้มาก่อน
กลิ่นหอมของดอกกุหลาบที่เขาชอบมาก ยามนี้กลับทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างถึงที่สุด
บางทีอาจเป็นเพราะความรู้สึกผิดลึกๆ หรือบางทีอาจเป็นเพราะไม่พอใจที่เธอแสดงท่าทีต่อต้านขนาดนี้
ราวกับว่าเหยื่อภายใต้อาณัติกำลังจะหลุดการควบคุม
สิ่งนี้ทำให้เขาไม่มีความสุข
ท่ามกลางความเงียบในห้องแต่งตัว เหมือนฝันไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ กระทั่งสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของเขา เธอก็เริ่มรู้สึกถึงความสมดุลในหัวใจของตัวเอง
“ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ ทำแบบนี้มันไม่เหมาะ” เธอหลุบตาลงต่ำ มองแผงอกที่ขึ้นๆ ลงๆ ด้วยอารมณ์ของคีรินทร์ ขณะเดียวกันความคิดก็วิ่งเร็วจี๋เพื่อหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้
ยิ่งเห็นเธอทำเฉยชา หัวใจของคีรินทร์ก็ยิ่งถูกไฟสุม “ทำไม? เป็นเพราะสัมภาษณ์เมื่อวานนี้หรือเปล่า” เขาถามเสียงเข้ม
ความเงียบโรยตัวเข้ามาจนน่าอึดอัด เหมือนฝันค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สบเข้ากับนัยน์ตาสีเข้ม ก่อนจะยิ้มอย่างไม่ยี่หระ “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณคินทร์” เธอยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาผ่านๆ “อีกสองชั่วโมงก็ถึงเวลาถ่ายแล้ว ฉันว่าเราแยกกันไปแต่งตัวเถอะค่ะ”
ความเฉยชาของเหมือนฝันคือสิ่งที่คีรินทร์ไม่อยากเห็นมากที่สุด แต่เพราะเมื่อวานนี้เขาปากดีเอาไว้มาก ผลก็คือไม่สามารถถอยได้
ชายหนุ่มอาศัยความหน้าด้านหน้าทนตีมึนพูดว่า “น้อยใจเหรอ เราสองคนยังสนุกกันได้ต่อนี่ พี่ก็ไม่ได้ตัดสัมพันธ์กับฝันจริงๆ เสียหน่อย”
สิ้นคำพูดของชายหนุ่ม ชีพจรของเหมือนฝันก็ตีกลับ เลือดลมขึ้นหน้าจนทนไม่ไหวอีกต่อไป ดวงตาคู่สวยถลึงมองใบหน้าหนาๆ ของอีกฝ่าย ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือผู้ชายที่เธอหลงหัวปักหัวปำมาตั้งนาน “ออกไปจากห้องแต่งตัวเดี๋ยวนี้”
ทว่าคีรินทร์กลับทำตรงกันข้ามกับคำพูดของเธอ
เขาขยับตัวเข้าแนบชิดร่างบางจนไม่เหลือที่ว่าง สัมผัสความร้อนจากผิวกายผ่านเสื้อผ้าของคนทั้งคู่ ลมหายใจร้อนปัดป่ายใบหน้าสวยของหญิงสาวจนเธอร้อนวูบวาบไปทั้งตัว กระทั่งริมฝีปากได้รูปค่อยๆ เคลื่อนมาข้างแก้มใสที่ซับสีเลือด กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “น้อยใจที่ระหว่างเราไม่มีสถานะเหรอ”
“ระหว่างเราไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้สึกอะไรนี่คะ” เหมือนฝันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุ โดยเฉพาะเมื่อกลิ่นอำพันค่อยๆ กระจายไปทั่วนาสิกประสาท
สติของเธอคล้ายกับถูกฉุดให้ออกจากร่างจนต้องอาศัยผนังด้านหลังเพื่อพยุงร่างกาย
“หึ...” คีรินทร์หัวเราะในลำคอเมื่อเห็นท่าทางของเธอ เขารู้ดีว่าหญิงสาวอ่อนไหวต่อสัมผัสของเขาเป็นพิเศษ
“คุณออกไปเดี๋ยวนี้!”
เสียงหัวเราะของคีรินทร์ก็เพียงพอที่จะทำให้เหมือนฝันฉุดปรี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง เธอรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดผลักคีรินทร์ออกจากตัว แต่ดูเหมือนว่ามันจะไร้ผลเมื่อร่างสูงที่แนบชิดกลับมั่นคงราวกับเขาสูงตระหง่าน
กลายเป็นเธอที่ทั้งผลักทั้งดันจนไร้เรี่ยวแรง
ดวงตาแดงเรื่อจ้องคีรินทร์เขม็ง “คุณจะไม่ปล่อยฉันไปใช่ไหม?”
ริมฝีปากได้รูปโค้งเป็นรอยยิ้มที่คาดเดาอารมณ์ไม่ออก “ไม่ปล่อย”
“แล้วคุณจะทำอะไรกับฉันคะ?” เหมือนฝันถามอย่างหมดความอดทน
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่เคยเห็นอารมณ์เดือดดาลของเธอมาก่อน แต่การได้เห็นหญิงสาวปรี๊ดแตกแบบนี้กลับกระตุ้นให้เขาอยากเอาชนะยิ่งขึ้น ด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านก่อนหน้านี้ กอปรกับนิสัยเสียๆ ของเขาที่ชอบเอาชนะ ริมฝีปากได้รูปจึงจูบเร็วๆ ที่ริมฝีปากของเหมือนฝัน
หญิงสาวพลันตัวแข็งทื่อ เบิกตาโพลงมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
เขากำลังจะทำอะไร?
ง้อเธอ?
หรือกำลังดูถูกเธอ?
ทันใดนั้นเขาก็ฉวยโอกาสที่เหมือนฝันอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงประทับจุมพิตลงมา ก่อนจะตักตวงอย่างเผด็จการ จูบร้อนแรงผสานกลิ่นอำพันทำให้สติของเหมือนฝันกระเจิดกระเจิงในทันใด
ความหวานเหมือนน้ำผึ้งแต่กลับร้ายแรงราวกับยาพิษส่งผลให้เธอทำอะไรไม่ถูก รู้ทั้งรู้ว่าเขาตั้งใจดูแคลนเธอ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธสัมผัสที่ร่างกายโหยหาได้อย่างแท้จริง
รู้ทั้งรู้ว่ามันคือกับดักที่หลอกล่อให้เธอตกหลุมพราง แต่เมื่อปลายลิ้นแกร่งดุนดันเข้ามาในโพรงปาก เธอก็ตอบสนองเขาตามสัญชาตญาณจนหมด
ประหนึ่งขี้ผึ้งที่ถูกเปลวเพลิงแผดเผา ร่างทั้งร่างอ่อนระทวยตกสู่อ้อมแขนแกร่งอย่างน่าสังเวช จนกระทั่งฝ่ามือร้อนบีบเคล้นทรวงงามผ่านผ้าเนื้อหนาที่สวมอยู่ ดวงตาที่พร่าเลือนของเธอจึงกลับมากระจ่างชัดในที่สุด
พลันรู้สึกแสบปลายจมูก หัวตาร้อนผ่าว จูบร้อนแรงที่เขาตักตวงอย่างดุดันค่อยๆ หยุดลงเมื่อเธอไม่ตอบสนอง
และเมื่อคีรินทร์สัมผัสถึงรสชาติปะแล่มที่ปลายลิ้น เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าบอบบางของเธออาบไปด้วยน้ำตา
หัวใจของชายหนุ่มหน่วงหนึบ แต่ทิฐิในใจสั่งไม่ให้เขาพูดอะไรเพื่อปลอบโยนเธอ
มือที่นวดคลึงไปตามร่างอ่อนนุ่มของคนในอ้อมแขนค่อยๆ คลายลง เขามองใบหน้าอาบน้ำตาของเหมือนฝันด้วยความรู้สึกที่ยากบรรยาย
“เห็นไหม แค่เราจูบกัน เธอก็ถูกจุดติดเร็วขนาดนี้ วินวินทั้งคู่ไม่ใช่เหรอฝัน?”
เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยเสน่ห์ของผู้ชายดังข้างหู หากแต่เหมือนฝันไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มไปกับมัน ทุกคำพูดของเขายิ่งตอกย้ำว่าความรู้สึกของเธอไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย
ราวกับว่าความมั่นใจแต่เดิมของเธอถูกเขาพังทลายอย่างย่อยยับ
ตั้งแต่เกิดเรื่องระหว่างพี่ฟ้ากับระมิงค์ เหมือนฝันก็รู้มาตลอดว่าคีรินทร์เริ่มเปลี่ยนไป แต่เพราะเธอคิดว่าความรู้สึกระหว่างเธอกับคีรินทร์มันถูกบ่มเพาะมานานมากจนกลายเป็นสิ่งล้ำค่า แม้แต่ปัจจัยด้านครอบครัวก็ไม่ส่งผลอะไร
แต่ดูเหมือนว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้กลับถูกทำลายด้วยคำพูดไร้น้ำใจของคีรินทร์
สนุกทั้งคู่ วินวินงั้นเหรอ?
ราวกับถูกใครบางคนตบหน้าเพื่อเรียกสติ เธออยากจะหัวเราะกับความโง่เขลาของตัวเองจริงๆ
บางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่พี่ข้าวเคยบอก ผู้ชายไว้ใจไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ชายที่อยู่บนจุดสูงสุดของยอดพีระมิด
หญิงสาวหลับตาลง น้ำตาหยดสุดท้ายถูกกลืนเข้าไปในปาก รสเค็มปะแล่ม ทว่าขมปร่าไปถึงหัวใจ คล้ายตอกย้ำว่าตนเองน่าสังเวชแค่ไหน
เธอเร่าร้อนอ่อนระทวยเพราะเขา นี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาควบคุมตนเองได้ง่ายๆ
เหมือนฝันใช้มือทั้งสองข้างดันแผงอกแกร่งไว้ ดวงตาคู่สวยค่อยๆ เปิดขึ้นแล้วมองลึกเข้าไปในดวงตาคมที่มักจะล่อลวงผู้คนตรงหน้า
“ในเมื่อคุณคินทร์มองว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นแค่การแลกเปลี่ยนเพื่อความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว ฝันว่าเรามาจบมันเถอะค่ะ”
รอยยิ้มของผู้เหนือกว่าบนริมฝีปากของชายหนุ่มแข็งค้าง “เธอพูดอะไร”
