บทย่อ
เธอเป็นเนื้อคู่ของเขา การได้เธอมาเป็นภรรยา ทำให้เขาได้ค้นพบความรักที่แท้จริง ได้ค้นพบถึงการเอาใจใส่และการดูแลกันและกันอย่างลึกซึ้ง
1
อาชานั่งมองหญิงสาวที่เป็นว่าที่คู่หมั้นของเขาแล้วต้องเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“พริ้งไม่ดื่มน้ำเปล่าค่ะ พริ้งดื่มน้ำแร่”
“ของทอดๆ มันๆ แบบนี้ พริ้งไม่กินค่ะ อ้วน ลงพุง เสียสุขภาพ อมโรค คอเลสเตอรอลสูง”
“ผักปลอดสารพิษหรือเปล่าคะ พริ้งไม่กินผักที่มียาฆ่าแมลงปนเปื้อนนะคะ เสี่ยงต่อการตายก่อนวัยอันควรค่ะ”
อาชาอยากจะตะโกนให้ลั่น ผู้หญิงบ้าอะไรเรื่องเยอะขนาดนี้ มีให้กินก็ดีถมเถไปแล้ว ดีนะที่ยังไม่แต่งงานกัน ถ้าแต่งงานกันเขาสาบานได้เลยว่า... ได้บีบคอหล่อนตายคาเตียงแน่ๆ
เขาชวนไปเที่ยว เธอตอบกลับมาว่า…
“พริ้งไม่ชอบเที่ยวกลางคืนค่ะ การนอนดึกทำให้เสียสุขภาพ ขอบตาดำ แก่เร็วแล้วก็โทรมด้วยค่ะ เรานอนพักผ่อนให้เพียงพอ ช่วงเวลา 4 ทุ่มถึง ตี 2 เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการนอนพักผ่อนมากที่สุดค่ะ ยิ่งนอนหลับสนิทในช่วงนั้นยิ่งดีมากๆ ค่ะ”
อาชาแทบหัวเราะให้ลั่น คนเราใช้ชีวิตมันต้องสุดๆ ไปเลย เจ้าหล่อนติโน่นตินี่สารพัด
แล้วจะเอายังไงกันล่ะนี่?
“ดื่มเหล้าไม่ดีนะคะ ทำให้เสียสุขภาพ เราควรดื่มกินอะไรที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย พอป่วยขึ้นมามันทรมาน ดังนั้นก่อนจะเอาอะไรเข้าปาก เราต้องคิดก่อนเสมอค่ะว่าต่อไปจะส่งผลเสียต่อร่างกายหรือไม่”
“การกินด้วยความประมาท เป็นบ่อเกิดของการโรคภัยไข้เจ็บค่ะ”
เขาต้องไปออกเดทกับหล่อนหลายวัน เพราะบิดามารดาบังคับกลายๆ จริงๆ คนแบบเขาใครก็มาบังคับไม่ได้ แต่มันมีข้อแลกเปลี่ยน หากเขากับเธอไม่คลิ๊กกัน หมายถึงเข้ากันไม่ได้ หลังจากลองศึกษาดูใจกันหลายๆ วัน ผู้ใหญ่จะไม่บังคับอีก
ไม่รู้ทำไมพ่อแม่ของเขาถึงได้ถูกตาต้องใจผู้หญิงแปลกประหลาดคนนี้นัก?
เขาล่ะงง!
“พริ้งไม่กินร้านนี้นะคะ”
เธอกวาดสายตามองอุปกรณ์ทำก๋วยเตี๋ยวของแม่ค้า ก่อนบอกว่ามันไม่สะอาด
อาชาเริ่มมีความสุขที่จะได้แกล้งเธอ พริ้งเพราใบหน้าเหยเกทุกครั้งที่เขาพาเธอมากินอาหารข้างทาง
“น้ำมันทอดไก่ร้านนี้ดำมากค่ะพี่ชา พี่กล้ากินเหรอคะ”
พริ้งเพราทำท่าทีตกอกตกใจเหมือนเขากำลังกรอกยาพิษเข้าปาก
บางทีอาชาก็ขำ บางทีก็ทำหน้าปูเลี่ยนใส่เธอ จริงๆ เขากับเธอแตกต่างกันมากๆ เธอเป็นคุณหนูที่อยู่ในสังคมชั้นสูง ผิวขาวๆ ของเธอแทบไม่เคยโดนแดดเลยด้วยซ้ำ (กระมั้ง) เธอพูดจาไพเราะเพราะเสนาะหู มีเหตุมีผล อยู่ในกรอบประเพณีอันดีงาม ทำอะไรดูเป็นระเบียบเรียบร้อยไปหมด (จนน่าแกล้ง) จะลุกจะนั่งต้องมีมารยาท เหมือนเขาไม่ใช่ว่าที่คู่หมั้นของเธอ แต่เป็นโจรบ้ากาม แอบสะกดรอยตามเธอเสียอย่างนั้น
ตอนที่เขาไปหาเธอวันแรก เจอกันที่สวนหลังบ้าน เธอนั่งร้อยมาลัย!
แม่เจ้า!
เขาเป็นชาวไร่ชาวสวนทำงานสมบุกสมบัน ชอบทำอะไรลุยๆ อยู่บ้านป่าเมืองเถื่อน เขาคิดว่าเธอไม่เหมาะกับเขาเลยสักนิด
เอาเป็นว่าเขาเป็นผู้ชาย...
คงต้องบอกว่าเขาเองไม่เหมาะกับเธอน่าจะดูดีกว่าไปบอกว่าเธอไม่เหมาะกับเขา
“พี่หิวครับ กินร้านนี้แล้วกัน”
แม้จะเป็นคนห่ามๆ แต่ไม่พูดจาหยาบคายกับผู้หญิง
อาชาเริ่มเหนื่อยกับการแกล้งคุณหนูอย่างเธอ ถ้าบิดามารดาของเธอไม่ใช่เพื่อนของบิดามารดาเขา เธอคงจะไปออกเดทกับหนุ่มหล่อสำอางที่พร้อมจะพาเธอไปกินอะไรหรูๆ แน่นอน แต่เขาไม่ใช่หนุ่มสำอาง เขาค่อนข้างจะติดดินเสียด้วยซ้ำ
อาชาไม่สน ร่างสูงเดินเข้าไปในร้านก๋วยเตี๋ยวที่เขาเล็งเอาไว้ พริ้งเพรามองตามว่าที่คู่หมั้นตาปริบๆ เธอเดินเข้าไปอย่างเรียบร้อย มองเก้าอี้ที่มีฝุ่นติดอยู่เต็ม จึงค่อยๆ หยิบทิชชูมาเช็ดเบาๆ ก่อนจะนั่งลงไป เธอไม่แตะน้ำที่เด็กเสิร์ฟนำมาทิ้งโครมไว้ให้ เสียงโหวกเหวกโวยวายในร้านระหว่างเจ้าของร้านกับพนักงานดังลั่นไปหมด
ยังกับกำลังจะฆ่ากันหรือโกรธกันสักร้อยปีร้อยชาติ ทะเลาะกันแทบไม่มองหน้า
แต่จริงๆ มันคือเรื่องปกติของร้านอาหารตามสั่งเช่นนี้
คนที่มากินก๋วยเตี๋ยวร้านนี้เป็นประชาชนชั้นล่างที่ไม่ได้สนใจเรื่องอะไรไปมากกว่าการ... กิน กิน และกิน
“ไม่ดื่มน้ำเหรอครับ”
อาชาเอ่ยถาม บางทีเขาก็สงสารเธอ เธอมีชีวิตอยู่มาได้ยังไงตั้ง 25 ปี ไม่เคยกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางเลย
“พี่ชาอย่างเพิ่งดื่มน้ำในแก้วนั้นนะคะ”
เธอรีบห้ามปรามเขา ท่าทีตกอกตกใจ อาชากะพริบตาปริบๆ ไม่กล้าดื่มน้ำในแก้วตามที่เธอบอก
เวลาเขาจะดื่มหรือกินอะไร เธอมักทำท่าเหมือนเธอเขากำลังจะกรอกยาพิษเข้าปาก
มือบอบบางเล็กๆ น่ารักรีบนำกระดาษทิชชูในกระเป๋าสะพายของเธอออกมาเช็ดไปรอบปากแก้ว ก่อนจะยกให้เขาดู
“พี่ชาดูสิคะ คราบดำๆ ที่ปากแก้วสกปรกขนาดไหน ถ้าพี่ชาดื่มเข้าไปจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคจะไปสะสมในร่างกายของพี่ชา ทำให้พี่ชาป่วยได้นะคะ”

