บทที่ 2 คลังสวรรค์ไร้ขอบเขต
บทที่ 2
คลังสวรรค์ไร้ขอบเขต
เซี่ยหยู่ไม่รอช้ารีบตรวจสอบของที่สะสมในคลังสวรรค์ไร้ขอบเขตในทันที
หมุนกำไลเบาๆ หนึ่งครั้ง ร่างทั้งร่างก็หายเข้ามาอยู่ในมิติ
เซี่ยหยู่สูดหายใจเอากลิ่นอายบริสุทธิ์เข้ามาเต็มปอด กลิ่นสดชื่นของอากาศในมิติแผ่ซ่านไปทั่วร่าง อาการปวดหัวและเหนื่อยล้าของเจ้าของร่างเดิมก็หายสิ้น
เดิมที มิติสวรรค์แห่งนี้เป็นเพียงพื้นที่ว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียว บนสุดคือท้องฟ้าสีครามอันไร้ขอบเขต ถัดมาคือทะเลสาบใสกระจ่างส่องประกายระยิบระยับ
กลางมิติยังมีบ่อน้ำพุใสแวววาว เหนือผิวน้ำก็คือไอวิญญาณ
เซี่ยหยู่มองสวนสมุนไพร สวนผัก สวนผลไม้และทุ่งข้าวนานาชนิดที่นางเคยกวาดเข้ามิติ ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย…ดีมาก
ภายในโกดังเก็บของก็มีอาหารสด อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยาเม็ด สมุนไพรสด สมุนไพรตากแห้ง เมล็ดพันธุ์ผักและผลไม้ ข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวโพด ข้าวฟ่าง เกลือ น้ำตาลและอื่นๆ
เมื่อเห็นว่าของในมิติติดตามมาด้วย เซี่ยหยู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเดินมายังหอคอยสูงตระหง่านสีขาวหลายชั้นที่ตั้งอยู่กลางมิติ
หอคอยนี้เก็บความลับฟ้าดินมากมาย ในแต่ละชั้นจะมีกุญแจล็อคอย่างแน่นหนา การปลดล็อคแต่ละชั้นต้องมีเงินในคลังครบตามเป้า
ในชาติก่อน เซี่ยหยู่กวาดทรัพยากรและรวบรวมเงินทองที่ตนมีทั้งหมดเข้ามามิติ แม้ไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่ก็สามารถปลดล็อคชั้น 1 ได้แล้ว
ชั้น 1 เป็นสถานที่เก็บตำราพื้นฐาน หากเรียนรู้ครั้งหนึ่ง ศักยภาพทางร่างกายก็จะเพิ่มขึ้นและติดตัวตลอดชีวิต
เซี่ยหยู่เพิ่มค่าพลังชีวิต ความทนทาน ความคล่องตัว พลังปราณ รวมถึงวิชาตัวเบา
หลังจากตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางก็เดินออกมาจากมิติ พร้อมกับมุมปากที่กระตุกเป็นรอยยิ้ม
“ไหนๆ ก็จะถูกขับไล่ออกจากวังนี้แล้ว งั้นก็ขอเก็บกวาดต้นทุนมาอัพเกรดมิติหน่อยเถอะ!”
เซี่ยหยู่อดคิดเล่นๆ ไม่ได้ว่า หากอัพเกรดมิติสวรรค์จนถึงชั้นสูงสุด นางจะกลายเป็นเทพเจ้าเลยหรือไม่
..
..
ตอนที่เซี่ยหยู่ตั้งท่าลุกจากเตียง เสียงของหญิงคนหนึ่งกลับดังขึ้น
“อะ องค์หญิง ท่านฟื้นแล้วหรือ!”
สิ้นเสียงตื่นเต้นดีใจนั้น ร่างของนางกำนัลคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า ในอกของนางคือห่อผ้าใบใหญ่
ท่ามกลางความมืดสลัว เซี่ยหยู่เพ่งตามองนางกำนัลตรงหน้าพร้อมกับค้นหาความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม
นางกำนัลคนนี้จะมีชื่อว่า ‘ลี่ถิง’ เดิมทีเป็นนางกำนัลในตำหนักของหวงกุ้ยเฟย ภายหลังถูกส่งมาให้รับใช้องค์หญิงเซี่ยหยู่
เนื้อแท้ขององค์หญิงเซี่ยหยู่นั้นถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอมและตามใจ นิสัยของนางจึงไม่ค่อยน่ารักสักเท่าไร วันนี้...วันที่นางตกต่ำ เหล่านางกำนัลและขันทีที่เคยรับใช้ข้างกายพร้อมใจกันเก็บของหนีอย่างไม่ลังเล เหลือเพียงลี่ถิงคนเดียวที่ยังซื่อสัตย์
ครั้นเห็นองค์หญิงเซี่ยหยู่ฟื้นจากอาการสลบไสลที่ยาวนาน ทั้งสีหน้ายังกลับมาสงบเยือกเย็น ความกลัดกลุ้มของลี่ถิงก็ค่อยผ่อนคลายลง
หญิงสาววางห่อผ้า ก่อนจะทรุดลงนั่งแทบเท้าขององค์หญิงแล้วปล่อยโฮอย่างสุดจะกลั้นออกมา
“ฮื่อ…หม่อมฉันคิดว่าองค์หญิงจะไม่ฟื้นแล้ว ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณสวรรค์…ฮื่อๆๆ”
หลังจากองค์หญิงหมดสติและไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที หมอหลวงหลายคนผลัดกันเข้ามาตรวจดูอาการ ต่างก็วินิจฉัยตรงกันว่าอาการนี้ไม่ได้เกิดจากร่างกายที่ป่วย แต่สาเหตุมาจากจิตใจที่ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจึงไม่อาจรักษาได้ องค์หญิงจะฟื้นขึ้นมาหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้าตัว
ถึงอย่างนั้น ราชโองการส่งองค์หญิงไปชายแดนหาได้เปลี่ยนแปลงไม่
ลี่ถิงนั้นทางหนึ่งก็เฝ้าองค์หญิง ทางหนึ่งก็เก็บของเตรียมออกเดินทาง ใครบ้างที่แอบหยิบของล้ำค่าขององค์หญิงไปนางเองก็จับไม่ได้
เซี่ยหยู่ไม่มีเวลามาปลอบลี่ถิง นางเพียงเหลือบตามองห่อผ้าแล้วเอ่ยถาม “ห่อผ้าอะไรน่ะ”
ลี่ถิงปาดน้ำตาที่ร่วงเป็นสาย สะอึกสะอื้นพร้อมกับตอบว่า “ฮึก...ตอนที่องค์หญิงหมดสติ ขันทีจากตำหนักของหวงกุ้ยเฟยแอบใช้ประตูลับเอาห่อผ้านี้ออกมาให้เพคะ ในนี้เป็นของมีค่าที่หวงกุ้ยเฟยรวบรวมมาได้ เอาไว้ให้องค์หญิงกับองค์ชายใช้ระหว่างเดินทาง แล้วก็…ของใช้อย่างอื่น จวนท่านโหวจะนำมาให้ตอนที่รถม้าออกจากเมืองหลวงแล้วเพคะ”
หวงกุ้ยเฟยคือมารดาของร่างนี้ ส่วนจวนท่านโหวก็คือบ้านของท่านตาแท้ๆ
นอกจากจักรพรรดิหน้าเหม็น ครอบครัวฝ่ายมารดาไม่ได้ทอดทิ้งเด็กทั้งสอง ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวนับว่าดี
“หากท่านโหวอยู่ที่เมืองหลวงละก็ องค์หญิงกับองค์ชายก็คงไม่…”
“ช่างมันเถอะ”
เซี่ยหยู่ขัดจังหวะ ไม่เสียเวลาเอ่ยวาจาให้ฟุ่มเฟือย สั่งเพียงแค่ให้ลี่ถิงรักษาห่อผ้านั้นให้ดี จากนั้นก็ก้าวอาดๆ ออกจากตำหนักด้วยท่วงท่าสง่างาม
ลี่ถิงเผลอขยี้ตามองตามแผ่นแผ่นหลังที่ทอดไกลออกไปทีละก้าว ใจพลันสั่นสะท้าน
ไม่อยากจะเชื่อ!
องค์หญิงราวกับไม่ใช่คนเดิม ท่าทางองอาจนั้นเหมือนแม่ทัพหญิงที่ทำให้ผู้คนอดยำเกรงไม่ได้
บางที สายเลือดตระกูลซินอาจจะเข้มข้นกว่าพระโลหิตขององค์จักรพรรดิก็เป็นได้
ว่าแต่...
องค์หญิงจะออกไปที่ใดกันหรือ!?
