บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ตอนที่ 3

“คุณซีล...คุณซีลคะ...” เสียงหวานลอยเข้าสู่โสตประสาทหูทำให้คนกำลังเหม่อกลับมาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง ชายหนุ่มกะพริบตาถี่นิดหนึ่งก่อนจะหันไปยิ้มให้กับสาวน้อยที่นั่งข้างๆ เช้านี้เขามาส่งตมิสาที่ทำงานอีกเช่นเคยหลังจากเมื่อคืนแอบหนีไปทำภารกิจ แต่โชคดี...กลับมาพบว่าหญิงสาวยังหลับสนิทอยู่ ไม่อย่างนั้นเธอต้องโกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆ ที่ปล่อยให้นอนอยู่คนเดียวตั้งค่อนคืน

“ว่าไง...ให้ขึ้นไปส่งที่ทำงานเหรอ”

“เปล่าค่ะ คือคุณจอดรถตั้งนานแล้วหอมเรียกบอกว่าจะลงไปแล้วคุณก็ไม่ได้ยิน เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“มีอะไรให้คิดนิดหน่อยน่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่ากับที่เธอไม่ยอมให้ฉันรักเมื่อคืนหรอก” เขาเย้า ทำเอาคนฟังแก้มแดงปลั่งชวนให้ยิ่งน่ามอง

“หอมขอตัวนะคะ เดี๋ยวจะเข้าทำงานสาย”

“เอาสิ...ตอนเย็นให้ตรงเวลานะฉันจะมารับ”

“ค่ะ...” เธอรับปากพร้อมส่งยิ้มน้อยๆ แต่ยังไม่กล้าสบตาคมกล้าที่มองราวกับจะกลืนกินอยู่รำไร

“อยากได้ชุดใหม่หรือเปล่า...” คนในรถยังเย้าไม่เลิก หญิงสาวทำหน้ามุ่ยเป็นคำตอบก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวออกไป

“อุ๊ย!! คนบ้านี่ที่ทำงานนะคะ” ตมิสาสะดุ้งด้วยความตกใจเพราะสัมผัสทางด้านหลัง เมื่อหันหลังหวังจะเดินเข้าสู่ตัวอาคารตึกใหญ่ไม่ทันไร คนในรถก็ถลาตัวตามมาใช้มือตะปบบีบสะโพกเธอเต็มแรง เมื่อมองกลับไปก็พบว่าเขาเอนตัวส่งยิ้มร้ายมาให้อย่างหน้าไม่อาย

“ที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ...” เขาตอบส่งท้าย คราวนี้ตมิสาหายใจยาวอย่างปลงๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าสู่บริษัทที่เธอทำงาน ขืนมัวพิรี้พิไรมีหวังกัณฑ์รพีได้จับเธอกดในรถเป็นต้องหยุดงานกลางคันเป็นแน่แท้ ผู้ชายร้ายกาจคนนี้ไว้ใจได้ที่ไหนกัน

ร่างระหงเดินลับหายไปกับเหล่าพนักงานคนอื่นๆ แล้ว สีหน้าของกัณฑ์รพีก็เปลี่ยนไปโดยฉับพลัน ความเคร่งเครียดผุดโผล่ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เขาเอื้อมมือปิดประตูที่ตมิสาเปิดค้างเอาไว้

คงเพราะด้วยความตกใจปนอายเธอจึงลืมปิดก่อนจะเดินจากชายหนุ่มหันเหตัวเองให้มาจดจ่ออยู่กับการขับรถไปยังที่ทำงานของตัวเองบ้าง แม้จะยังปิดตัวอยู่แต่การจัดแจงเตรียมพร้อมรอวันเปิดใหม่ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีปัญหาเรื่องศัตรูเข้ามาข้องแวะความยุ่งยากก็ยิ่งมีให้สะสางไม่จบสิ้น

“อธิปคนนี้ร้ายไม่ใช่เล่น...มีอิทธิพล เงิน แถมยังบริวารเป็นโขยง ถ้าประมาทเรามีแต่จะเสีย” เขาพร่ำบ่นกับตัวเองในสิ่งซึ่งกำลังประสบปัญหา

ใช่ว่าเมื่อผ่านพ้นจุดนี้ไปได้แล้วอุปสรรคข้างหน้าจะไม่มี กัณฑ์รพีรู้ดีว่าศัตรูของเขาคอยจ้องเล่นงานหวังเขี่ยให้เขากระเด็นไปจากเส้นทางคนกลางคืน

แต่ไม่มีวันหรอก กว่าจะฝ่าฟันมาถึงวันนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อแลกกับความรุ่งเรืองเกรียงไกรจนสามารถผงาดขึ้นมาในระดับแถวหน้าได้ ชีวิตเขาต้องสู้ด้วยลำแข้งตัวเองมาตลอด มันไม่มีเหตุผลให้ต้องมายอมแพ้ให้ความอยุติธรรมที่คนคนหนึ่งหยิบยื่นมาให้

นึกย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน Red Bar เป็นแค่ผับเล็กๆ ที่เปิดให้บริการนักท่องราตรี แรกเริ่มเดิมทีมันเป็นของเพื่อนรักคนหนึ่งชวนร่วมหุ้นเปิดทำด้วยกัน ตอนแรกเขาก็ไม่ได้ชอบนักด้วยตัวเองมีงานการทำเป็นหลักแหล่งแม้จะเป็นแค่นักออกแบบผลิตภัณฑ์ เป็นลูกจ้างคนอื่นเขาก็ค่อนข้างพอใจแล้ว ด้วยเงินเดือนนั้นพออยู่พอกินเลี้ยงตัวเองได้อย่างสบาย แต่เพราะเห็นว่างานกลางคืนเงินสะพัดเร็ว สร้างรายได้ให้อีกทางหนึ่งเขาจึงตกลงปลงใจ และมีหน้าที่แค่ดูอยู่ห่างๆ การบริหารนั้นตกเป็นของคิมหันต์เพื่อนคนดังกล่าวของเขาทั้งหมด

ครึ่งปีถัดมากิจการค่อนข้างไปได้สวย ร้านเติบโตคงที่และมีแนวโน้มจะพัฒนาศักยภาพไปเรื่อยๆ ผลตอบแทนที่นำมาแบ่งสันปันส่วนก็งอกเงยขึ้นทุกทีทำให้เขาสนใจจะเข้ามาศึกษาอย่างจริงจัง และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อคิมหันต์ผู้ริเริ่มก่อตั้งมาจากไปด้วยอุบัติเหตุ

นั่นเป็นจุดพลิกผันให้เขาต้องเข้ามาดูทุกอย่างด้วยตัวเองแบบเต็มตัว ผิดบ้างถูกบ้างเพราะไม่มีประสบการณ์อาศัยแค่การเรียนรู้ที่คิมหันต์เคยวางรากฐานไว้ให้ แต่เขาก็พาตัวเองรวมถึงร้านมาได้ตลอดรอดฝั่ง เป็นม้ามืดในสายตาใครๆ ที่ทำธุรกิจประเภทนี้ด้วยซ้ำ เพราะเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย กล้าลงทุนและกล้าจะเปลี่ยนแปลงระบบในรูปแบบใหม่ไม่ให้ซ้ำซากจำเจจึงเรียกลูกค้าให้เข้ามาสัมผัสใช้บริการได้อย่างล้นหลาม

ในขวบปีหลังเขาก้าวขึ้นมาอยู่ระดับแถวหน้าของบรรดาสถานเริงรมย์ยามวิกาลได้สำเร็จ และนับวันผับของเขาก็ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าภมรและผีเสื้อราตรี จนหลั่งไหลกันมาสังสรรค์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าส่วนหนึ่งมาจากแหล่งบันเทิงอื่นที่เคยครองแชมป์มาก่อนหน้า นั่นเป็นสาเหตุทำให้เกิดศึกที่เป็นคลื่นใต้น้ำอยู่เงียบๆ ตลอดมาซึ่งเขาเองก็ระวังตัวอยู่ไม่ได้วางใจ แต่แล้วก็พลาดท่าจนได้ เมื่อคืนหนึ่งขณะที่ผับเปิดให้บริการตามปกติ จู่ๆ ตำรวจหลายสิบนายก็เข้ามาล้อมแสดงหมายค้นและขอตรวจสอบสถานที่ทั้งหมด

ผลปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพบยาเสพติดจำนวนหนึ่งซุกซ่อนอยู่ด้านในพร้อมทั้งจับกุมพนักงาน นักท่องราตรีที่ตรวจพบว่ามีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย นั่นไม่ร้ายแรงเท่ามีนักเที่ยวซึ่งกำลังเมามายเพราะสารเสพติดสองสามคนให้การว่าซื้อยานรกมาจากในร้านนี้เอง คืนนั้นเป็นคืนที่ชื่อเสียงทั้งหมดของ Red Bar พังทลายลงอย่างน่าใจหาย ภาพตำรวจเข้าล้อมจับกุม ภาพนักเที่ยวที่เมามายไม่ได้สติ ถูกนำขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในวันรุ่งขึ้น กัณฑ์รพีซึ่งเป็นเจ้าของถูกดำเนินคดี

แต่ด้วยทางร้านของเขามีใบอนุญาตเปิดสถานบริการถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เคยปิดเกินเวลาอีกทั้งยังไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียใดๆ จึงมีโทษแค่ถูกปรับและปิดการให้บริการเป็นเวลาสามเดือนเพื่อเป็นการตักเตือน หากมีครั้งต่อไปจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตและสั่งปิดร้านเป็นการถาวร ชายหนุ่มไม่ปักใจเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ เขาเลยให้ลูกน้องคนสนิทตามสืบทุกช่องทางจนได้ตัวผู้ต้องสงสัยอย่างไอ้ก้านเข้า และแล้วทุกอย่างก็เปิดเผยออกมายืนยันความคิดของเขาว่าไม่มีอะไรผิดเพี้ยนเลยแม้แต่นิดเดียว

ที่เหลือตอนนี้ก็มีเพียงหาทางแก้ข้อกล่าวหาให้กับตัวเองก่อน จากนั้น...ก็ต้องมีการเอาคืนกันเล็กๆ น้อยๆ บ้าง เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายย่ามใจว่าข่มคนอื่นได้อยู่ข้างเดียว เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์มานี้ที่ตมิสาต้องทนอยู่กับความเหงาเดียวดายที่เธอแสนชังอยู่ในคอนโดหรู กัณฑ์รพีมีงานต้องทำชนิดหามรุ่งหามค่ำ กว่าจะกลับมาก็ดึกดื่นค่อนรุ่ง บางครั้งเธอก็รอจนเผลอหลับไปเสียก่อนทั้งๆ ที่กลัวจับใจเมื่อถึงยามราตรีกาลมาเยือน เธอต้องเปิดไฟให้สว่างทั้งห้องเมื่อต้องอยู่คนเดียวเช่นนี้

แม้ว่าทุกๆ วันชายหนุ่มจะยังรับส่งเธอตามปกติ แต่หญิงสาวก็รับรู้ได้ถึงความห่างเหินแปลกๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่คบหาและตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดห้าถึงหกเดือนมานี้ความโหวงเหวงเงียบเหงาจึงมาเยือนจิตใจหญิงสาวอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

บางครั้งใจก็พานคิดว่าเขาจะมีคนอื่นหรือเปล่าเพราะตั้งแต่วันที่เธอขัดใจเขาตอนที่ซื้อชุดวาบหวิวมาให้กัณฑ์รพีก็ไม่เคยแตะต้องไปมากกว่าการกอดหอมแก้มธรรมดาเลย มันเป็นเรื่องผิดปกติ

ชายหนุ่มผู้มักมาก น้อยครั้งที่จะเว้นระยะให้เธอได้ฟื้นตัวจากบทรักที่ดุเดือดของเขา จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นคนละคนไม่แตะต้องไม่หิวกระหายอย่างเคยถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าสงสัยไม่น้อย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือกัณฑ์รพีจะโกรธที่เธอไม่ยอมตอบสนองความต้องการของเขาอย่างเต็มที่ หรือ...เขากำลังเบื่อ

ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตกะพริบถี่ไล่หยาดน้ำตาให้ไหลผ่านขมับมาถึงหมอนจนเปียกชุ่มเป็นวงกว้าง เกือบเที่ยงคืนแล้วสามีโดยพฤตินัยของเธอก็ยังไม่กลับหลังจากไปรับเธอจากที่ทำงานกลับมาส่งแล้วเขาก็หายไปเลย ข้อเสียของตมิสาคือเธอไม่กล้าเซ้าซี้สามี ด้วยกลัวเขาจะรำคาญ เธอจึงต้องเก็บทุกอย่างเอาไว้คนเดียวจนกลายเป็นความเครียดนิดๆ เมื่อรู้สึกถึงช่องว่างระหว่างกัน กริ๊ก!! เสียงลูกบิดประตูดังขึ้น ตมิสารีบปาดเช็ดน้ำตาให้เหือดแห้งแล้วปิดตาที่อ่อนล้าลงแกล้งทำเป็นหลับไปเสีย เมื่อรู้แก่ใจว่าคนที่ตัวเองโหยหากำลังก้าวเข้ามาในห้องนอน เขากลับมาแล้ว... “หลับแล้วเหรอ...หอม หลับก่อนฉันทุกคืนเลยนะ ดูสิ...เปิดไฟสว่างโร่แบบนี้ยังหลับได้ลง...หึหึ” ร่างใหญ่เดินอาดตรงมานั่งข้างๆ คนแกล้งหลับทันทีที่เขากลับมาถึง เพราะงานรัดตัว เพราะผับใกล้จะเปิด เพราะต้องตามสืบเบื้องหลังคนที่จ้องเล่นงานเขาเพื่อที่จะได้เตรียมรับมือและตอบโต้ กัณฑ์รพีจึงไม่มีเวลาให้กับตมิสาเหมือนก่อนๆ หน้า เขาเองก็รู้สึกผิดที่ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวมาหลายวันทั้งที่รู้ว่าหญิงสาวไม่ชอบ แต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากหรือแสดงความไม่พอใจออกมาเขาเองก็ไม่อยากเอาเรื่องหนักอกมาเล่าให้เธอพานเครียดไปด้วยอีกคน

และอีกประการก็เพื่อให้เธอได้พักผ่อนไปในตัว ช่วงที่เขากำลังยุ่งๆ ยิ่งเห็นรูปร่างบอบบางเล็กกว่าเขาเป็นเท่าตัวนอนขดอยู่ภายใต้ผ้าห่มก็ให้นึกชังตัวเองที่ชอบเอาแต่ใจ เอาเปรียบเธอมาตลอดหลายเดือน แม้จะยอมทำตามความปรารถนาของเขาไม่เคยอิดออดแต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าสิ่งที่ตมิสาต้องการนั้นคือความอ่อนโยน นุ่มนวล หาใช่ความดิบเถื่อนรุนแรงแบบที่เขาเป็นไม่

ช่างน่าสงสารนักแม่สาวน้อยหน้าหวาน...

“เอ๋...” สายตาสะดุดกึกกับความชื้นบนหมอนที่เธอใช้หนุน กัณฑ์รพีนิ่วหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปเกลี่ยปอยผมที่ปลิวปรกหน้า ไล้นิ้วบนพวงแก้มที่เย็นเฉียบก็รับรู้ได้ว่าเธอเป็นยังไงก่อนจะหลับตานอน

“หอม...เป็นอะไร โกรธฉันเหรอ ร้องไห้ทำไม” น้ำเสียงอ่อนนุ่มเอ่ยถาม พอจะเดาออกว่าหญิงสาวแกล้งทำเป็นหลับเพราะรอยเปียกชื้นที่หมอนกับที่ขนตายังไม่แห้งเลย

“ฉันรู้นะว่าเธอยังไม่หลับ คุยกับฉันก่อนสิ” เขาก้มกระซิบประชิดพวงแก้มระเรื่อ รับรู้ถึงลมหายใจสม่ำเสมอ

“หอม...” “ปล่อยนะคะ!” ตมิสาแหวใส่ทันทีเมื่อร่างเล็กของเธอถูกรวบไปทั้งตัวด้วยวงแขนแข็งแรงของเขา เธอหลบหน้าโดยฉับพลันเมื่อถูกจับได้ว่ายังตาสว่างโร่แถมยังแดงก่ำส่อพิรุธอีกต่างหาก สองมือน้อยกระชับผ้านวมผืนใหญ่เข้าหาตัวโดยอัตโนมัติเมื่อรู้สภาพร่างกายตัวเองขณะนี้ดี

“ไหนบอกมาซิทำไมยังไม่นอน ร้องไห้ทำไม...” ชายหนุ่มถามรัวยังไม่ยอมปล่อยมือจากร่างน้อยที่ขดตัวอยู่ในผ้าห่ม

“คือ...ไม่มีอะไรค่ะ หอมอยู่คนเดียวเลยกลัว”

“โกรธฉันเหรอ ขอโทษนะที่ช่วงนี้ไม่อยู่ติดบ้านเลย ฉันมีงานสำคัญหลายอย่างต้องทำ” เขาอธิบาย ใบหน้าประชิดแก้มนวลจนลมหายใจอุ่นๆ ปะทะกับผิวเนื้อซับสีเลือดหญิงสาวยังคงก้มหน้างุดไม่สบตาเขา

“เปล่าค่ะ หอมง่วงแล้วอยากนอนค่ะ”

“เดี๋ยวสิคุยกันก่อน ช่วงนี้เราไม่มีเวลาให้กันเลยนะ” มีแต่เขานั่นแหละที่งานรัดตัวจนเวลาอยู่ด้วยกันเหลือน้อยลงทุกที

“หนาวเหรอ ห่อซะกลมเชียว” เขาเย้ามือก็พยายามแกะผ้าห่มผืนหนาออกหวังได้รวบร่างระหงมากอดแบบเต็มไม้เต็มมือ ซึ่งอีกฝ่ายมีท่าทีขัดขืนปัดป้องตลอด ยิ่งทำให้กัณฑ์รพีอยากรู้ยิ่งว่าเธอเป็นอะไรทำไมอิดออดหนักหนา

“หือ...หึหึ” เมื่อจับปลดผ้านวมออกจากตัวจนได้ชายหนุ่มก็ต้องตาลุกวาว หายใจติดขัด

“หอม...หอมหนาวนะคะ...” เจ้าของร่างเปลือยที่ถูกมองเกือบละลายเอ่ยบอกรีบดึงผ้ากลับมาปิดตัวเองพร้อมให้เหตุผลด้วยความอาย แต่ชายหนุ่มกลับรั้งมือไว้เสีย

“คิดถึงฉันเหรอ...” เขาถามแววตาพราวพร่างหยาดเยิ้ม ตมิสาคงเหงามากที่ถูกทิ้งไว้คนเดียวและแน่นอนเธอคิดถึงเขาด้วย เพราะโดยปกติหากเขาไม่อยู่ด้วยหญิงสาวไม่เคยนอนโดยไม่สวมเสื้อผ้า นั่นก็เพราะถูกบังคับให้ทำตามใจเขานั่นเอง

เธอก็ไม่เคยชอบมันเลยแต่คืนนี้ตมิสากลับนอนโดยมีเพียงผ้าห่มผืนเดียวปิดกายแสดงว่าเขาคงละเลยความรู้สึกเธอเกินไปแล้วจริงๆ

“เปล่านะคะ ปล่อยค่ะ”

“แต่ฉันคิดถึงเธอ...น้ำหอม” ชื่อเล่นแบบเต็มๆ ที่ไม่ค่อยได้เรียกบ่อยนักกับความในใจแฝงอารมณ์บางอย่างถูกเอ่ยเสียงพร่า

ตมิสาหน้าแดงก่ำเหลือบมองเขาด้วยหัวใจที่พองโตยิ่ง รู้ตัวอีกทีก็เมื่อมือใหญ่อุ่นซ่านแตะสัมผัสผิวเนื้อตรงหัวไหล่และกดเบาๆ บังคับให้เธอนอนลงแล้วร่างของเขาก็ทาบทับลงมา

“คิดถึง...ใจจะขาด” กัณฑ์รพียังเพ้อพร่ำกับคนใต้ร่าง ใช่ว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมาเขาทนยับยั้งชั่งใจได้เสียเมื่อไหร่ แต่เพราะรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวของหญิงสาวที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยามร่วมหลับนอนทำให้เขาจำใจเว้นระยะห่างให้เธอบ้าง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel