บทที่2.คัดเลือก 5/7
เขาไม่สามารถหลับนอนกับผู้หญิงคนอื่นได้เลย...เพราะทิพยอาภาจะเป็นตัวแทรกทำลายความรู้สึกกำหนัดที่เกิดขึ้น...
จนตัวเองคิดว่า...เขาน่าจะใกล้เคียงกับคนเป็นโรค ‘กามตายด้าน’ ลูกชายเขาไม่แข็งขัน มันหดหู่ หัวห้อย...ไม่เคลื่อนไหวใดเลย หากกลิ่นของบนตัวคู่นอน ไม่ใช่กลิ่นที่เขาเคยสูดดมจากเรือนกายอวบอุ่นของผู้หญิงที่ชื่อ ทิพยอาภา!!
ปึกๆ
แมทธิวกระแทกสันมือกับพวงมาลัย...เขากลายเป็นคนฉุนเฉียวง่าย...นับตั้งแต่หล่อนปรากฏกายตรงหน้าเมื่อหนึ่งปีก่อน
เวร!!
ชีวิตแสนสุขของเขาผกผันก็เพราะผู้หญิงคนเดียว...
เอี๊ยด!! ปัง!! ปึกๆ
เสียงแรกคือเสียงห้ามล้อ...เมื่อชายหนุ่มกระทืบเบรกเต็มแรงจนรถยนต์จอดสนิทหน้าโถงทางเดิน ปัง!! เสียงต่อมาคือการระบายอารมณ์ของแมทธิว เขากระโจนลงจารถยนต์กระแทกประตูปิดเสียงดังๆ ปึกๆ ส้นรองเท้าหนังมันวับกระแทกลงบนหินอ่อนที่ปูเป็นพื้นทั่วคฤหาสน์หลังใหญ่
บ้าน...เป็นที่สุดท้ายที่แมทธิวนึกถึง...การกลับมานอนใต้ชายคาคฤหาสน์ดีแลน แมทธิวจะกลับมาก็ต่อเมื่อมาดามจูเลียอยู่ด้วย
แมทธิวไม่อยากเป็นส่วนเกิน...เมื่ออยู่ต่อหน้าบิดา...เขาเหมือนไร้ตัวตน เพราะท่านใส่ใจแค่ภรรยาคนใหม่...มันเป็นรอยบาดหมางในหัวใจของเขา ที่ไม่มีใครรู้... ภายใต้สีหน้าเย็นชา...แมทธิวโหยหาอ้อมกอดของท่านเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่เพราะถูกฝึกมาตั้งแต่เด็ก เพื่อเป็นผู้นำตระกูลในอนาคต เขาจึงฉาบหน้าไว้ด้วยความว่างเปล่า ซ่อนหัวใจโหยหาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ!!
ปีกซ้ายของคฤหาสน์ดีแลน...
ปีกขวาคือพื้นที่ส่วนตัวของมาดามจูเลียกับแมทธิว ดังนั้นปีกซ้ายทั้งแถบจึงเป็นพื้นที่ของอาเธอร์กับมาดามแพชี่ และเวลานี้อีกส่วนหนึ่งถูกกันเป็นของหลานสาวคนใหม่ของมาดามแพชี่...แองเจลิน่า
ทิพยอาภาเริ่มงานอย่างแข็งขัน เธอไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยสักทีที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับบุตรสาวยี่สิบสี่ชั่วโมงคือความสุขของเธอ แม้จะแค่เพียงนั่งมองเงียบๆ
“พักกินข้าวบ้างเถอะ เดี๋ยวจะเป็นลมไป” สวีตตี้เดินเข้ามากระซิบบอกด้วยความหวังดี หล่อนชะเง้อมองคุณหนูตัวน้อยที่หลับสนิทอยู่บนแปลนอนยิ้มๆ
หญิงสาวพยักหน้ารับ...เธอเอื้อมมือดึงผ้าโปร่งๆ คลุมแปลไว้อีกชั้น เพื่อป้องกันแมลงตัวเล็กๆ มากวนการนอนหลับของบุตรสาว เป็นความใส่ใจที่สวีตตี้แอบทึ่ง
ในครัว...สถานที่พักผ่อนของสาวใช้…
ทิพยอาภาก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานเงียบๆ เธอฟังเสียงคนอื่นคุย แต่ไม่ได้คิดจะไปร่วมวงสนทนา เมื่อต้องเก็บตัวป้องกันความผิดพลาด...
“คุณแมทกลับมาเมื่อสักครู่...เธอเห็นเขายัง” สาวใช้วัยรุ่นรูปร่างอวบอัดกระซิบบอกเพื่อนวัยเดียวกัน
หล่อนผู้นั้นทำตาโต “จริงเหรอ? ...ดีจัง” แววตาหมายหมาดลุกโชน ทิพยอาภาก้มหน้าลง หัวใจเธอปวดแปลบ เพียงแค่เขาปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ เธอก็แทบจะกลืนข้าวไม่ลงคอ หญิงสาวตัดใจ เธอวางช้อน ผุดลุกขึ้นยืน เทอาหารเหลือทิ้งในถังขยะและล้างทำความสะอาดจานที่เธอใช้เงียบๆ
มีสายตาหลายคู่มองตาม...มีทั้งมิตรและศัตรู เพราะทิพยอาภาเป็นคนใหม่
“เธอๆ ชื่ออะไรอะ?”
น้ำเสียงฟังแล้วเป็นมิตร หญิงสาวยิ้มอ่อน “อริสจ้ะ” นามสมมุติที่ไทรีสตั้งให้ เธอท่องจำจนขึ้นใจ
“สวีตตี้นะ เราดูแลคุณหนูด้วยกัน ต้องรู้จักกันไว้” สวีตตี้ยิ้มแป้น เธอไม่ต้องทำงานบ้านเพราะต้องดูแลคุณหนูนี่แหละ เพียงแต่เธอไม่มีความชำนาญมาดามแพชี่จึงต้องเปิดรับคน
“ลูกกาฝาก...ต้องมีพี่เลี้ยงด้วยเหรอว้า” เสียงแขวะลอยตามลมมา จากกลุ่มสาวๆ ที่ซุบซิบกันก่อนหน้านี้
“ไม่รู้อย่าปากมากน่าไวโอเล็ต!! คุณหนูไม่ใช่ลูกกาฝาก คุณหนูเป็นลูกสาวคุณแมทธิว!!”
สวีตตี้หันไปตวาดแว๊ด!! หล่อนจิกตามองสาวกลุ่มนั้นแบบไม่กลัวเกรง
“อย่าคิดว่าเป็นคนโปรดของมาดามแพชี่แล้วฉันจะกลัวหล่อนนะยะ!!” เสียงผู้หญิงสวยคมคนนั้นตอบกลับมาแบบไม่กริ่งเกรงเช่นกัน ทิพยอาภารีบจดบันทึกลงไปในสมอง ผู้หญิงชื่อไวโอเล็ตคนนี้ เธอควรอยู่ให้ห่างๆ เมื่อหล่อนทำท่ากร่าง พร้อมที่จะหาเรื่องคนอื่น
“โธ่!! ฉันไม่เคยลำพองนะ เพราะยังไงเสียเรามันก็ขี้ข้า...แต่คนอื่นสิ!! ทำเป็นผยอง...เพราะต่อให้คุณแมทเอาเธอจริง...มันก็จะเป็นแค่ครั้งเดียวที่เธอได้นอนถ่างขาให้เขา...หลังจากนั้น หล่อนก็จะโดนเขี่ยทิ้ง” สวีตตี้ยืนจังก้า เธอลอยหน้าลอยตาพูดตอบกลับ เพราะฝ่ายตรงข้ามหวังสูง หล่อนตั้งใจอ่อย!! แมทธิว...หวังจะถีบตัวเองให้พ้นจากสถานภาพต่ำต้อย โดยไม่คิดประมาณตน!!
“อี...อีๆ ...” ไวโอเล็ตโกรธจนหน้าแดงก่ำ เมื่อสวีตตี้ขุดเอาความคิดของเธอขึ้นมาแฉ และมันเป็นเรื่องที่เธอแอบหวังไว้เสียด้วย
ทิพยอาภาเลี่ยงหลบออกมาจากสถานการณ์เลวร้ายนั่น เธอกดยิ้มหยันๆ มุมปาก คิดสมเพชตัวเองในใจ
เธอนี่ไง...คนที่ถูกเขี่ยทิ้ง!!
