ตอนที่สอง เถ้าแก่เนี้ย (NC กรุบกริบ)
หวังเหม่ยฟางถามขึ้นเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มอีกคนตื่นแล้ว
“คุณหนูท่านจะให้ข้าลองหรือขอรับ”
“ย่อมให้ พวกเจ้าทั้งสองคนล้วนเป็นคนใกล้ชิดของข้า หากไม่ลองกับพวกเจ้าจะไปลองกับผู้ใด”
“เช่นนั้น ข้าขอลองนะขอรับ”
หวังฉีรีบถอดเสื้อผ้าเข้าซุกไซ้ร่างงาม
แต่เขาก็เป็นอีกคนที่ไม่เคยร่วมรักอีกทั้งยังใจไม่กล้าพอ
กว่าจะสอดแท่งเนื้อเข้าไปได้หวังเหม่ยฟางก็แทบจะจับยัดจนเหนื่อยใจแล้ว
สุดท้ายพวกเขาจึงทำกันเพียงไม่นานด้วยสองหนุ่มหลั่งน้ำออกมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากครั้งนั้น เมื่อสบโอกาสที่บิดาไม่อยู่บ้าน พวกเขาสามคนจึงมักศึกษาการร่วมรักไปด้วยกันจนเริ่มเชี่ยวชาญ แต่หวังเหม่ยฟางก็ยังไม่ชอบใจด้วยชายหนุ่มทั้งสองแม้เป็นผู้ฝึกการต่อสู้มาแล้วกลับอ่อนแรงอย่างง่ายดาย เพียงหลั่งน้ำคราสองคราก็นอนหลับคอพับไปเสียแล้ว
ยิ่งการเล้าโลมยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขาทำได้เพียงลูบๆคลำๆขยำขยี้จนเต้าหู้ของนางบิดเบี้ยวเท่านั้น อีกทั้งยังคำนวณแรงไม่ถูกจนบางครั้งเจ็บมากเกินไป
จากการร่วมรักทีละคน หวังเหม่ยฟางจึงสั่งให้พวกเขารุมนางพร้อมกัน แต่นั่นก็ยังไม่สาแก่ใจด้วยพวกเขาเกรงอกเกรงใจไม่กล้าทำรุนแรงกับนาง
จนเมื่อบิดาของนางเสียชีวิต นี่เป็นคืนแรกที่พวกเขาทั้งสามสามารถร่วมรักกันได้โดยไม่ต้องหลบซ่อนอีก แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ทำให้หวังเหม่ยฟางมีความสุขจนพอใจ
เช้าวันที่สี่หลังจากที่บิดาเสียชีวิตลง หวังเหม่ยฟางตัดสินใจเปิดโรงสุราตามปกติเพื่อหารายได้
จะยังมัวทุกข์เศร้าอยู่ไม่ได้ อย่างไรท้องก็ต้องหิว เงินก็ต้องหา
หญิงสาวเรียกประชุมคนงานในร้านทุกคนเพื่อบอกกล่าวการเปลี่ยนแปลง
“นับจากนี้ไปให้พวกเจ้าเรียกข้าว่า’เถ้าแก่เนี้ย’ บิดาของข้าไม่อยู่แล้ว ดังนั้นโรงสุรานี้จึงเป็นของข้าแต่ผู้เดียว เรื่องการจัดการ ให้อาฟูดูแลเหมือนเดิม เรื่องการเงินให้อาฉีจัดการทำบัญชีแล้วมารายงานข้า พวกเจ้าทำงานที่รับผิดชอบกันเช่นเดิม เรื่องการหมักสุราข้าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง หากมีเรื่องเร่งด่วนอันใดให้รีบมารายงาน เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจขอรับ” เสียงประสานกันดังก้องบ่งบอกความเข้าใจ
หวังเหม่ยฟางมองหน้าลูกน้องในร้านนอกเหนือจากหวังฟูและหวังฉีแล้ว พวกเขามีกันอยู่3-4คน ล้วนเป็นเสี่ยวเอ้อคอยวิ่งรับส่งสุราและกับแกล้ม มีพ่อครัวเก่าแก่อีกคนที่คอยทำกับแกล้มง่ายๆอยู่ด้านหลัง
นับตั้งแต่วันนี้ นางซึ่งเป็นเพียงหญิงสาวตัวคนเดียวต้องดูแลเหล่าชายหนุ่มพวกนี้และกิจการของบิดา
แม้ในใจจะประหวั่นวิตกอยู่บ้าง แต่ความเข้มแข็งที่ถูกสั่งสอนมาทำให้หวังเหม่ยฟางพยายามแสดงตนเป็นผู้นำโดยไม่ปล่อยให้คนในปกครองต้องตื่นกลัว
นางต้องทำให้กิจการโรงสุราเหม่ยซานจิ่วมีชื่อเสียงโด่งดังและมีรายได้มั่นคงให้ได้ อีกทั้งยังต้องหาสามีหลายๆคนและมีบุตรมาสืบทอดวิชาหมักสุราอีกด้วย
วันแรกๆกิจการโรงสุรายังเงียบเหงาด้วยผู้คนที่รู้ข่าวว่าหวังหย่งคังเสียชีวิตแล้ว จึงไม่ได้แวะเวียนมา ผ่านไปไม่กี่วันความคึกคักจึงเริ่มกลับมาจนสุราที่หมักไว้ลดน้อยลง
“อืม...สุรารสชาติเลิศเช่นนี้มีหวังหย่งคังเพียงผู้เดียวที่หมักได้ เขาไม่อยู่แล้วพวกเราจะไปหาดื่มจากที่ใดได้”
“ข้าได้ยินว่าเขาถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้บุตรสาวเพียงคนเดียว นางน่าจะหมักได้กระมัง”
“นางเป็นเพียงสตรีเยาว์วัย จะเข้าใจรสชาติสุราได้อย่างไร”
“นางเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียว ย่อมไว้วางใจได้”
“เช่นนั้นพวกเราคงต้องมาลองคราวหน้า หากไม่เหมือนเดิมข้าคงไม่กลับมาอีก”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น”
“ข้าเคยเห็นหญิงสาวนางนั้น นางงดงามมาก ผู้ใดจะได้ครอบครองนางกัน”
“เจ้าอยากครอบครองนางหรือวิชาหมักสุราสูตรลับของนางกันแน่”
“ย่อมอยากได้ทั้งสองอย่าง”
“ละโมบเช่นนี้ระวังจะไม่ตายดี”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
หวังเหม่ยฟางฟังเสียงพูดคุยเย้าหยอกของลูกค้าซึ่งมึนเมาไปด้วยฤทธิ์สุราอย่างกังวลใจ ใช่ว่านางจะไม่มั่นใจในฝีมือการหมักสุราของตนเอง นางช่วยบิดามาตั้งแต่เพิ่งรู้ความ ไม่ว่าสุรารสใดนางล้วนลองลิ้มชิมรสมาแล้วทั้งนั้น
เพียงแต่สุราเอกซึ่งเป็นรสเฉพาะของที่นี่จำเป็นต้องมีสมุนไพรหลายอย่างผสมอยู่ด้วย
นางคงต้องขึ้นเขาไปหาสมุนไพรโดยเร็วเพื่อนำมาหมักให้ทันเวลา เรื่องนี้ย่อมไม่สามารถใช้งานผู้อื่นได้ ด้วยสูตรลับก็ยังคงต้องเป็นความลับอยู่อย่างนั้น
“เถ้าแก่เนี้ยจะไปเพียงผู้เดียวหรือขอรับ” หวังฉีเอ่ยถามด้วยสายตาเป็นกังวล
“ใช่”
“ให้ข้าไปด้วยเถิดขอรับ” หวังฟูเสนอด้วยความห่วงใย
“เจ้าอยู่ดูแลร้านเถอะ ข้าไปคนเดียวคล่องตัวกว่า อีกอย่างพวกเจ้าก็รู้ดีว่าความลับเรื่องสมุนไพรนี้ไม่เคยปล่อยให้ผู้อื่นล่วงรู้”
“แต่...”
“ไม่ต้องพูดมากแล้ว ข้ามีวิชาการต่อสู้มากกว่าพวกเจ้า ไม่ต้องห่วง อีกไม่กี่วันข้าก็กลับมาแล้ว ดูแลร้านให้ดีด้วย”
หวังเหม่ยฟางเอ่ยตัดบทก่อนจะเตรียมตัวออกเดินทาง นางฝึกวิชาการต่อสู้จนป้องกันตัวเองได้อย่างดี อีกทั้งยังเตรียมอาวุธติดตัวไปหลายอย่าง หากพบพานโจรกระจอกคงพอเอาตัวรอดได้ แต่หากเป็นโจรร้ายนางก็เพียงวิ่งหนีให้เร็ว
ที่ผ่านมาสองพ่อลูกไม่เคยเจอโจรในป่ามาก่อน มีเพียงสัตว์ป่าไม่กี่ตัวซึ่งต่างฝ่ายต่างไม่ยุ่งกัน หญิงสาวจึงไม่กังวลมากไป
