บทที่ 1
ผมอกหัก และมีเหตุให้ต้องไปเมืองไทย
“แม่ครับ พี่จินนั่งอยู่แบบนั้นนานแล้วหรือครับ” ลี่เหอถามคุณเหมยหลินผู้เป็นแม่
“ดื่มจนคอพับคออ่อน แม่ให้ป้าลู่ไปดู และให้ชวนพี่จินกลับขึ้นห้องนอน เขาก็ไม่ยอม เฮ้อ...” ผู้เป็นแม่ปิดท้ายด้วยการถอนหายใจ
“พี่จินรักพี่หลันฮวามากนะครับ”
“แล้วมันมีข้อผิดพลาดตรงไหนล่ะ รักกันมามากกว่าสามปี แม่ก็ไม่คิดนะว่า หลันฮวาจะเปลี่ยนใจไปรักและแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นปุ๊บปั๊บ”
“คนเขาอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่กัน อีกอย่างเห็นพี่จินบอกว่า พี่ หลันฮวาถูกคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอบังคับให้แต่งงานกับผู้ชายคนนั้น”
“แม่ไม่เชื่อ” ผู้เป็นแม่สั่นหน้า
“ทำไมล่ะครับแม่”
“ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ยอมแต่งงานโดยที่ไม่มีใจ เพราะอย่าลืมว่า เราเป็นผู้หญิงต้องแต่งงาน และอยู่กับผู้ชายคนนั้นไปตลอดชีวิต”
“แต่แม่ก็เคยแต่งงานมาก่อนที่จะมาอยู่กับคุณพ่อ”
เผียะ... ผู้เป็นแม่ตีมือไปที่แขนของลูกชาย
“มันเป็นความผิดพลาดของวัยเยาว์ ตอนนั้นที่แม่มีพี่บาส แม่เพิ่งอายุสิบแปด”
“ครับ ผมแค่จะอธิบายให้แม่เข้าใจ”
“เจ้าลี่ นี่แกจะเข้าข้างหลันฮวาหรือ” แม่ชี้หน้า
“เปล่าครับ ผมไม่ได้เข้าข้างใคร ถ้าคิดในอีกมุม พี่จินอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่ของพี่หลันฮวาก็ได้”
“ช่างเถอะ ยังไง หลันฮวาก็เข้าพิธีวิวาห์ไปกับพ่อหนุ่มรูปงามคนนั้นไปแล้ว เราสองคนมีหน้าที่ไปปลอบใจพี่ชายของแกก็แล้วกัน เจ้าลี่ทำยังไงก็ได้นะ ให้พาพี่ของแกขึ้นไปนอนบนห้อง” ผู้เป็นแม่ออกคำสั่ง สายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงบุตรชายของตัวเอง
ลี่เหอเดินเข้าไปหาพี่ชายที่นั่งสัปหงก ในมือถือขวดเหล้าที่ใกล้จะหมดแล้ว เขาไปถึงก็หยิบขวดเหล้าออกมาจากมือของจินเหอ
“อะไร ใคร อยากจะมีเรื่องหรือ” น้ำเสียงอ้อแอ้ แต่แววตาเอาเรื่อง หรี่ตามองหน้าลี่เหอ
“ดื่มแล้ว เมาแล้ว ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะทำให้อะไรดีขึ้น อีกอย่างพี่ หลันฮวา เธอก็ไม่มีวันกลับมาหาพี่”
“ไอ้ลี่” เขาจ้องหน้าน้องชายเขม็ง ลี่เหอพูดแทงใจดำ
“คนเราเมื่อไม่มีวาสนาต่อกัน ก็ต้องจากกันในวันหนึ่งอยู่ดี พี่ หลันฮวาไม่ใช่เนื้อคู่ของพี่”
หน้าตาที่เคร่งเครียดหัวคิ้วขมวดเกร็ง เริ่มเปลี่ยนสีหน้าเป็นโศกหนัก แล้วน้ำตาไหล
“แกไม่เคยมีแฟน แกจะไปเข้าใจอะไร แกไม่รู้หรอกว่าข้างในนี้มันทั้งเจ็บทั้งปวด เหมือนมีมีด มีหอกมาแทงตรงกลางหัวใจเป็นร้อย ๆ เล่ม มันกลัดหนอง” ทุบอกของตัวเองปึก ๆ
“สักวันมันก็จะหายพี่ เชื่อสิ”
“ไอ้ลี่” จ้องมองตาน้องชาย น้ำตากลบดวงตา
“พี่จินครับ ถ้าพี่รักพี่หลันฮวามาก พี่ทำได้ดีที่สุดในตอนนี้ แค่เอ่ยคำอวยพรให้เธอครองคู่กับสามีของเธอไปจนวันตาย”
“ฮือ... ไอ้น้องเลว แกมันไม่เข้าใจฉัน ไปให้พ้นหน้า” เกรี้ยวกราด มองน้องชายตาเขียว
เสียงลงส้นเท้าหนัก ๆ ตรงเข้ามาหาทั้งสองหนุ่ม ก่อนที่ชายสูงวัยที่มีศักดิ์เป็นพ่อของทั้งสองหนุ่มจะเอ่ยขึ้น
“แค่ผู้หญิงคนเดียวทำให้แกเป็นบ้าได้ขนาดนี้เชียวหรือ เจ้าจินแกยังไม่ตาย แกยังมีโอกาสหาใหม่ได้อีกเยอะแยะ จะเอาดีกว่ายายหลันฮวานั้นเป็นสิบ ยี่สิบคนก็ได้ เลิกทำตัวงี่เง่าปัญญาอ่อนได้แล้ว แกเสียการเสียงานมาตั้งกี่วันเหอะ” คุณกว๋อเท้าสะเอวมองบุตรชายคนโตของท่านตาขวาง
“อายุ อานามก็จะสามสิบอยู่แล้ว ยังทำตัวเป็นเด็ก ๆ ถ้าแกนิสัยดีจริง ผู้หญิงก็ต้องเอาแก หัดคิดและใช้หัวสมองเสียบ้าง เพราะแกเป็นแบบนี้ไง ไม่โตเป็นผู้ใหญ่เสียที ผู้หญิงไม่ได้ตาบอดจะได้มองไม่เห็น รู้ตัวเอาไว้เสียด้วย แล้วรีบปรับปรุงตัวเสีย อย่าให้ฉันเห็นแกเมาหัวราน้ำแบบนี้อีกนะ ฉันนี่ล่ะจะเอาไม้หน้าสามฟาดกบาลแกให้แยกออกจากกันเอง” ท่านพูดอย่างมีอารมณ์
คุณเหมยหลินรีบเข้ามายึดแขนของสามีเอาไว้
“ไปสิ เจ้าลี่ พาพี่แกขึ้นห้อง” แม่ขยิบตาให้กับลูกชายคนเล็ก
ลี่เหอพยุงและรั้งตัวของพี่ชายขึ้น
“เตี่ยจะไปเข้าใจอะไร เตี่ยมีเมียที่แสนดีแล้วนี่ จะเข้าใจหัวอกคนอย่างผมได้ยังไง” คนเมายังออกปากเถียง
“เอ๊ะ เจ้าจิน แกยังจะมาพูดมากอีก เจ้าลี่พาพี่แกขึ้นห้องไปเร็ว ๆ” ที่นางพูดแบบนั้น เพราะผู้เป็นพ่อตัวสั่นด้วยความโกรธ
“ผมลาออก ผมจะไม่ไปทำงานกับเตี่ยแล้ว” อะไรเข้าสิงเขากันนะ ทำให้จินเหอพูดออกไปแบบนั้น
“ไอ้...” คุณกว๋อแทบจะกระทืบเท้า คุณเหมยหลินลูบแขนแล้วดึงรั้งตัวของท่านเอาไว้
“อย่าไปโกรธลูกนะคะ ลูกเมา” รีบแก้ตัวให้ลูกชาย
“คุณก็เหมือนกัน นั่งดูมันกินมันดื่มอยู่ได้ เฮ้อ!” ทำเสียงดังออกมาสั้น ๆ แล้วหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้องทำงาน ผู้เป็นเมียขยับขาตามฉับ ๆ
“ลูกเพิ่งอกหัก”
“ก็ปล่อยให้มันตายไปเสีย”
“คุณ...”
ตุบ... ลี่เหอทิ้งตัวของพี่ชายลงไปนอนบนเตียง คนเมาไร้สภาพหลับฟุบลงไปในทันที
“เฮ้อ... ตัวหนักเป็นบ้า” ลี่เหอเหนื่อยหอบ เพราะจินเหอก็ตัวหนักไม่ใช่เล่น
จินเหอขยับตัวนอนในท่าที่สบายกว่าเดิม ตาของเขายังคงหลับสนิท แต่ปากก็ยังเผยอพูด
“หลันฮวา ผมรักคุณ คุณไม่น่าจะทำแบบนี้กับผมเลย ผู้หญิงใจร้าย ต่อไปผมจะเกลียดผู้หญิงทุกคน” พูดจาออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ แม้จะเมาจะหลับ
“แบบนี้มันละเมอแท้ ๆ โธ่เอ๊ย พี่คงรักหลันฮวามาก แต่เชื่อเถอะ สักวันพี่ก็จะเจอเนื้อคู่ของพี่เอง”
ลี่เหอนั่งลงใกล้ ๆ พร้อมกับตบไปที่หน้าขาของพี่ชาย แล้วบีบนวดให้
หลายวันต่อมา
จินเหอลงมาจากห้องนอนของเขาด้วยอาการเซ็ง ๆ เขาไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรทั้งนั้น คุณเหมยหลินรีบเดินเข้าไปหา พร้อมกับจับแขนลูกชายแล้วฉุดให้นั่งลงไปที่โซฟาด้วยกัน ป้าลู่แม่บ้านใหญ่รีบเดินเอาซุปไก่ และน้ำผลไม้รวมเข้ามาเสิร์ฟ
“กินอะไรสักหน่อยนะลูก เดี๋ยวจะไม่สบายไป” ผู้เป็นแม่พูดจาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย และกิริยาที่เอาใจใส่
จินเหอไม่พูดไม่จา แต่ซุกหน้าลงไปที่หัวไหล่ของแม่ พร้อมกับเสียงพ่นลมหายใจแรง ๆ ที่ออกมาจากโพรงจมูกของเขา คุณเหมยหลินโอบกอดจินเหอเอาไว้ทั้งตัว
“อย่าเสียอกเสียใจไปอีกเลย แม่มองไม่เห็นประโยชน์ของการที่ลูกทำแบบนี้ เตี่ยเขาก็เริ่มบ่นแล้วนะ”
“แม่” พูดไปใบหน้าของเขาก็ยังวางเกยอยู่ที่หัวไหล่ของแม่
“ผมแค่อับอาย”
