บท
ตั้งค่า

1 คมดาบจากสหายรัก

1

คมดาบจากสหายรัก

ณ แคว้นผิง

แผ่นดินที่เคยถูกแบ่งแยกออกจากกัน เมืองแต่ละเมืองตั้งตนเป็นเอกเทศ ปกครองกันเองไม่ขึ้นตรงต่อราชสำนัก เกิดสงครามระหว่างดินแดนนับครั้งไม่ถ้วน เพราะต่างฝ่ายต่างปรารถนา จะแต่งตั้งเมืองของตนแทนขึ้นเป็นเมืองหลวง

เหล่าประชาชนจำนวนมากมายล้มตายเพราะพิษสงคราม บ้างถูกบังคับไปเป็นทหาร บ้างก็อดยากเพราะถูกลิดรอนอาหารที่มีอยู่ ไปใช้เป็นเสบียงส่งให้แต่ละเหล่าทัพ

จนกระทั่งถึงยุคสมัยของฮ่องเต้ ‘หวังหย่ง’ ได้มีแม่ทัพใหญ่ผู้มากความสามารถถือกำเนิดขึ้น บุรุษแข็งแกร่งยากผู้ใดทัดเทียม เฉลียวฉลาดหาตัวจับได้ยาก วางแผนการรบกี่ครั้งไม่เคยพลาด คำว่า ‘แพ้’

มิเคยมีปรากฏให้เห็น

‘โม่โฉว’ บุตรชายเพียงคนเดียวของ ‘โม่เฉิน’ ผู้เป็นอดีตแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นผิง ดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพมาเป็นระยะเวลาร่วมแปดปี จนกระทั่งบิดาของเขาสิ้นชีพในสนามรบ โม่โฉวจึงต้องเข้ารับภาระอันหนักอึ้งนี้แทน ในวัยเพียงแค่ยี่สิบแปดปีเท่านั้น

ทันทีที่โม่โฉวได้รับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ ศึกแรกที่เขาเป็นผู้วางแผนจัดรูปขบวนทัพ คิดค้นกลวิธีสู้รบกับศัตรูด้วยตัวเอง โม่โฉวก็ได้แสดงฝีมือให้ทุกคนได้เห็น ว่าเขานี่แหละคือแม่ทัพที่สวรรค์ส่งมา เพื่อช่วยกอบกู้แคว้นผิงให้เป็นปึกแผ่นเช่นเดิม

ผ่านไปศึกแล้วศึกเล่า โม่โฉวไม่เคยทำให้ฮ่องเต้แคว้นผิงผิดหวังเลยสักครั้ง หลายเมืองถูกตีแตกก่อนส่งคืนให้ราชสำนักจัดการต่อ จนกระทั่งมาถึง ‘เมืองอันฉี’ ซึ่งเป็นเมืองสุดท้าย

เมืองอันฉีอยู่เขตแนวชายแดนติดต่อ ‘แคว้นกัง’ อีกหนึ่งแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน และเพราะรู้ว่าหายนะกำลังจะมาเยือน โม่โฉวไม่มีทางปล่อยผู้คิดคดทรยศแผ่นดินเกิด ให้มีลมหายใจต่ออย่างแน่นอน แม้จะยอมยกธงขาว คืนเมืองอันฉีให้ราชสำนักแล้วก็ตาม

‘จางหมิ่น’ ผู้เป็นเจ้าเมือง จึงเลือกไปขอความช่วยเหลือจากต่างแคว้น แทนการศิโรราบให้กับกองทัพของโม่โฉว ซึ่งกำลังตั้งค่ายประชิดอยู่บริเวณแนวเขตแดน

โดยยื่นข้อเสนอให้กับฮ่องเต้แคว้นกัง ว่าหากเมืองของตนผ่านพ้นหายนะครั้งนี้ไปได้ จางหมิ่นยินดีเป็นเมืองขึ้น ส่งส่วยและของบรรณาการต่างๆ ให้แคว้นกังทุกปี

ลำพังทหารไม่กี่ยิบมือที่แคว้นกังส่งมาช่วยเจ้าเมืองอันฉี มิอาจคณามือกองทัพที่มีโม่โฉวเป็นผู้นำได้ ทว่า...ศึกในครั้งนี้เขากลับได้พานพบกับคำว่าพ่ายแพ้ ด้วยสาเหตุที่เกิดจากความไว้เนื้อเชื่อใจ

โม่โฉวในวัยสามสิบปีบริบูรณ์ ถูก ‘หลี่เฉียง’ ซึ่งเป็นรองแม่ทัพ พ่วงด้วยตำแหน่งสหายคนสนิทหักหลัง เขาเชื่อสนิทใจว่าสหายคนนี้ ไม่มีความคิดมุ่งร้ายต่อเขาอย่างแน่นอน เพราะทั้งคู่เติบโตขึ้นมาด้วยกัน เป็นดั่งพี่น้องสายเลือดเดียวกันด้วยซ้ำ

ทว่าโม่โฉวกลับคิดผิด หลี่เฉียงอิจฉาริษยาเพื่อนสนิทของตนมาโดยตลอด เขารู้สึกแค้นเคืองอยู่ทุกชั่วลมหายใจเข้าออก เมื่อต้องอยู่ใต้เงาของโม่โฉว

หลี่เฉียงคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าตนก็มีความสามารถไม่แพ้อีกฝ่าย แต่กลับต้องใช้ชีวิตอยู่ด้านหลังของบุคคลที่เขาเกลียด จึงวางแผนล้มล้างโม่โฉวให้พ้นทาง แอบเสนอตัวช่วยเมืองอันฉี โดยมีข้อแม้ว่าจางหมิ่น ต้องแต่งตั้งเขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองคนต่อไป พร้อมทั้งยกธิดาเพียงคนเดียวให้เข้าพิธีแต่งงานกับเขาด้วย

ซึ่งแน่นอนว่าคนสิ้นไร้ไม้ตอก อยากมีลมหายใจอยู่ต่ออย่าง

จางหมิ่น ยอมรับข้อตกลงแทบจะในทันที ขอเพียงให้ศีรษะของเขายังคงอยู่บนบ่าดังเดิม ต่อให้ต้องแลกด้วยสิ่งใดคนผู้นี้ก็ยินยอมให้ได้ทุกสิ่ง

หลี่เฉียงวางแผนตลบหลังโม่โฉว โดยการปล่อยข่าวว่า

เจ้าเมืองอันฉี พาครอบครัวอพยพไปยังแคว้นกังจนหมด ส่วนทหารและชาวบ้าน ก็พากันหนีเตลิดไปคนละทิศละทาง เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยืนหยัดสู้จนตัวตาย

จากคราแรกที่เข้าใจว่าต้องใช้กำลังทัพจำนวนมาก ในการกวาดล้างผู้ซึ่งคิดต่อต้านราชสำนัก กลายเป็นว่าทุกอย่างเริ่มดูง่ายดาย แต่ความที่เป็นคนรอบคอบและระมัดระวัง โม่โฉวจึงยังคงยึดมั่นในแผนเดิม

ทว่าหลี่เฉียงกลับพยายามเป่าหูสารพัด และเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจ ส่งผลให้แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นผิง ยอมทำตามแผนของสหายสนิท อย่างไม่คิดเอะใจสงสัยสิ่งใด

โม่โฉวจัดตั้งกองกำลังทัพเพียงหนึ่งส่วนจากสิบส่วน โดยใช้ทหารฝีมือดีทั้งหมด เดินทัพเข้าไปเพื่อเก็บกวาดส่วนที่เหลือภายใน

เมืองอันฉี โดยมีเขาเป็นผู้ขี่ม้าเดินนำขบวน และหลี่เฉียงตามประกบอยู่ไม่ห่างกาย

แต่ขณะเดินผ่านสนามรบเขตชายแดนเมือง กลับถูกบุคคลซึ่ง

ขี่ม้าตามประกบอยู่ด้านหลัง ใช้ดาบสั้นขนาดพอดีมือ แทงเข้าด้านข้างบริเวณแนวซี่โครงจนมิดด้าม ก่อนกองทัพเมืองอันฉีที่แอบซุ่มอยู่แถวนั้น จะกรูกันเข้ามาเปิดศึกปะทะกับทหารของโม่โฉว

ความยาวดาบแทงทะลุจนเกือบปักเข้าหัวใจของโม่โฉว ดวงหน้าคมคายที่บัดนี้ซีดเผือด ค่อยๆ หันไปมองผู้เป็นเจ้าของการกระทำ

หลี่เฉียงแสยะยิ้มเยือกเย็นให้ ก่อนดึงดาบที่ตนเป็นผู้แทงเข้าไปออกอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่สิ่งแปลกปลอมหลุดออกจากร่างกาย สายโลหิตมากมายพวยพุ่งออกจากปากแผล ร่างสูงใหญ่กำยำค่อยๆ เอนเอียง ก่อนหล่นจากหลังอาชาลงสู่พื้นหญ้าอ่อนนุ่มด้านล่าง

โม่โฉวไม่สามารถตอบโต้อันใดกลับได้ เพราะวิถีดาบที่แทงเข้ามาโดนจุดสำคัญเต็มๆ ตัดพละกำลังในกายเขาจนหมดสิ้น มีลมหายใจอยู่ต่อได้ถึงตอนนี้ก็ถือว่าอึดมากแล้ว

โม่โฉวจึงทำได้แค่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นหญ้า ดวงตาเหม่อมองท้องฟ้าสีครามแสนสดใส หยาดน้ำตาเริ่มรินไหลออกจากหางตา เพราะรู้สึกรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านบริเวณบาดแผล

เขาพยายามยกมือขึ้นสัมผัสส่วนที่รู้สึกเจ็บ และชั่วขณะนั้น ใบหน้าสหายรักที่เปลี่ยนสถานะเป็นสหายร้าย ซึ่งเพิ่งกระโดดลงจากหลังม้า ก็ค่อยๆ เข้ามาทดแทนภาพท้องฟ้าสีคราม

หลี่เฉียงย่อตัวนั่งยองมองโม่โฉวค่อยๆ สิ้นลมหายใจ เขารู้สึกมีความสุขมาก เมื่อเห็นสหายสนิทของตนอยู่ในสภาพที่ดูไร้ค่าเช่นนี้ ก่อนเอ่ยบอกความรู้สึก ซึ่งอัดอั้นอยู่ภายในใจมาตลอดชีวิตออกมา

“คนอย่างเจ้า... ตายๆ ไปซะได้ก็ดี หึๆๆ”

เสียงหัวเราะเยือกเย็นอย่างชอบใจ เสียดแทงหัวใจโม่โฉวให้รู้สึกเจ็บแปลบ มันเจ็บยิ่งกว่าถูกคมดาบเมื่อครู่ทิ่มแทงเสียอีก เพราะไม่คาดคิดว่าสหายรักจะมีความคิดเช่นนี้กับเขา

“เจ้า... เกลียดข้า อึก! มากสินะ?”

โม่โฉวพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายแค่นเสียงถาม ทั้งๆ ที่รู้คำตอบของคำถามนั้นอยู่แก่ใจ ทว่าเขากลับไม่เข้าใจถึงสาเหตุ ที่บุคคลซึ่งเป็นดั่งพี่น้องในสายเลือด ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาโดยตลอด เหตุใดถึงได้แลดูเกลียดเขา ถึงขนาดอยากให้สิ้นชีวีถึงเพียงนี้

หลี่เฉียงยิ้มเยาะเพราะไม่คิดว่าโม่โฉว จะถามคำถามโง่เขลาเช่นนี้ออกมา ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต

ตลอดชีวิตที่ผ่านมามีเหตุผลมากมาย เป็นตัวตั้งความรู้สึกให้ใช้เกลียดโม่โฉว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุใดเขาถึงทนยิ้มแย้มใส่อีกฝ่ายได้ ทั้งๆ ที่ภายในใจ อยากแทงดาบเข้าหัวใจโม่โฉว เหมือนกับที่ทำลงไปในครั้งนี้

โม่โฉวไม่รู้สึกระแคะระคายสักนิดเลยหรือ หรือบุรุษที่ทุกคนเข้าใจว่าฉลาดหลักแหลม แท้จริงแล้วโง่เขลายิ่งกว่าคนไร้การศึกษา ถึงได้มองไม่เห็นความเกลียดชัง ซึ่งส่งผ่านทางสายตาของหลี่เฉียงมาโดยตลอด

ร่างสูงใหญ่กำยำไม่แพ้บุรุษ ที่นอนหายใจรวยระรินรอความตายอยู่บนพื้นหญ้า ค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะสายตาเย็นชาคู่นั้น ยังคงจดจ้องมองสหายรักไม่ละไปไหน

ไม่นานหลี่เฉียงจึงดึงสายตาขึ้นมองรอบๆ ที่สถานการณ์ตอนนี้ ฝั่งทหารของโม่โฉวเพลี่ยงพล้ำอย่างราบคาบ นอนสิ้นชีพเกลื่อนกลาด ในระยะที่ไม่ห่างจากผู้เป็นแม่ทัพของพวกเขาเท่าไหร่นัก ก่อนเอ่ยตอบคำถามที่ผู้ถามยังคงเฝ้ารอคอยฟัง

“ใช่! ข้าเกลียดเจ้า”

หลังจากกล่าวจบหลี่เฉียงจึงก้าวขาเดินข้ามร่างโม่โฉว ไปอย่างไม่คิดจะให้เกียรติ คนที่เคยเป็นดั่งผู้บังคับบัญชาของตน ปล่อยอดีตสหายรักนอนรอความตาย ซึ่งกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ไม่มีแม้ความเมตตา ที่จะส่งโม่โฉวไปปรภพโดยไร้ความทรมาน ช่างโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก

ขณะคนถูกทิ้งให้นอนกระอักเลือด ค่อยๆ เอียงศีรษะหันมองเพื่อนร่วมรบคนอื่นๆ ภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้โม่โฉวรู้สึกเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก ลูกน้องใต้อาณัติฝีมือดี ตำแหน่งนายทหารชั้นสูงทั้งนั้น

พวกเขาควรได้มีอนาคตที่ไกลกันมากกว่านี้ แต่โม่โฉวกลับพาทุกคนมาจบชีวิตลงที่นี่ เป็นเพราะความโง่งมของตัวเขาเองทั้งสิ้น มันเป็นความผิดของเขาทั้งหมด

โม่โฉวหลับตาลงอย่างเชื่องช้า จนดวงตาสีนิลกาลถูกเปลือกตาปิดสนิทแนบแน่น พร้อมหยดน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจ จากการถูกคนที่ไว้ใจหักหลัง ค่อยๆ หลั่งไหลออกจากหางตาทั้งสองข้าง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel