บทที่ 4 เข้าป่า
เซี่ยซูเหยาอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ นับจากวันที่ได้คุยกับบิดา วันนี้ก็เข้าวันที่สิบแล้ว อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนหรือไม่หนาวจนเกินไป เซี่ยห้าวไห่จึงบอกให้ลูกชายและลูกสาวเตรียมตัว เพราะจะไปด้วยกันทั้งหมด
เซี่ยห้าวไห่ไม่ค่อยเป็นห่วงเซี่ยซูเหยียนเพราะไปด้วยกันทุกวัน จะเป็นห่วงก็แต่ลูกสาวอีกสองคน คนโตไม่เท่าไรเพราะเขาเชื่อว่านางเอาตัวรอดได้ ต่างจากอาเหยาที่เป็นครั้งแรกของการเข้าป่า
วันนี้เซี่ยห้าวไห่จะพาไปก็จริงทว่าเขาตั้งใจจะให้อยู่เพียงตีนป่าเท่านั้น ป่าลึกข้างในมันอันตราย เขาไม่สามารถช่วยลูกๆ ได้ทั้งหมดหากเกิดอะไรขึ้นมา ลำพังพาลูกชายไปด้วยทุกวันก็ยังเป็นห่วง
“พี่สาวห่อข้าวไปด้วยหรือ”
เซี่ยซูเหยาเอียงคอถามจนเซี่ยซูเจี๋ยเอื้อมมือมาบีบแก้มน้องสาว น้องสาวของนางเดิมทีก็น่ารักอยู่แล้ว พอทำท่าทางแบบนี้แล้วยิ่งน่ารักไปใหญ่
“แก้มอาเหยา!” เซี่ยซูเหยาพองแก้มพลางท้าวเอวจ้องอย่างเคืองๆ
“ฮ่า ฮ่า วันนี้ท่านพ่อให้พี่สาวทำอาหารไปเผื่อด้วย” เซี่ยซูเจี๋ยตอบ
ปกติเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนไม่ได้ห่อข้าวไปด้วย เพราะทั้งสองจะกลับมารับประทานอาหารเช้าที่บ้าน จะมีก็แต่ยามขึ้นเขาไปล่าสัตว์เท่านั้นที่เซี่ยห้าวไห่จะให้ลูกสาวทำอาหารสำหรับพกไปกินด้วย
“อ๋อ”
เซี่ยซูเหยาพยักหน้าอย่างเข้าใจ คงจะเป็นเพราะมีนางไปด้วย ท่านพ่อจึงให้พี่สาวทำอาหารไปเผื่อนางหิว ก็ทุกครั้งท่านพ่อไม่ได้เอาอะไรไปด้วยนี่
วันนี้เซี่ยห้าวไห่ตัดสินใจเข้าป่าช้ากว่าเวลาเดิม มีลูกสาวไปด้วยเขาไม่กล้าที่จะไปล่าสัตว์เพื่อไปขาย จากที่เคยเข้าป่ายามอิ๋น7 วันนี้เซี่ยห้าวไห่พาลูกๆ เข้าป่ากลางยามเหม่า8
พวกผักป่าบริเวณชายป่ายามนี้ชาวบ้านเข้ามาเก็บหมดแล้ว เซี่ยห้าวไห่จึงตัดสินใจพาลูกเข้าไปลึกกว่าเดิมแต่ก็ไม่ได้ลึกมาก เขารู้ว่าบริเวณไหนปลอดภัยจึงกล้าพาเข้ามา
เซี่ยซูเหยาหันมองรอบตัว ภายในป่าเต็มไปด้วยต้นไม้แต่ก็ไม่ได้รก บริเวณนี้ชาวบ้านคงเข้ามาบ่อย กล่าวได้ว่าแม้แต่หญ้าก็ถูกเหยียบจนไม่ได้เกิด
“เดินระวังกันด้วยนะ” เซี่ยห้าวไห่หันมาบอกลูกสาว ส่วนลูกชายขอแยกไปดูกับดักที่วางไว้บริเวณนี้เมื่อวาน
“เจ้าค่ะ”
ปากตอบรับแต่สายตาของเซี่ยซูเหยาไม่ได้มองดูทาง นางมองไปรอบตัวเผื่อจะมีของป่าเอากลับไปใช้ทำอาหารเย็นวันนี้
จนปลายยามเฉิน9 ครอบครัวสกุลเซี่ยหาได้เพียงแค่หน่อไม้ที่เซี่ยซูเหยียนเอากลับมาด้วยเพียงไม่กี่หน่อ เซี่ยห้าวไห่กลัวลูกจะเหนื่อยจึงพามาพักใกล้ลำธาร อากาศบริเวณนี้เย็นสบาย และเผื่อจะได้ของติดมือกลับไปอีกด้วย
“กุ้ง!”
เซี่ยซูเหยาที่นั่งพักสะดุ้งพลางชี้นิ้วให้เซี่ยห้าวไห่ที่กำลังจับปลาดู นางเห็นกุ้งแม่น้ำหลายตัวลอยอยู่ตามโขดหิน มีจำนวนหลายตัวที่เหมาะสำหรับจับไปทำอาหารมาก
“อาเหยาจะกินกุ้งหรือ”
กุ้งเป็นสัตว์น้ำที่ไม่ค่อยมีใครนิยมจับมากิน มันเร็วมากเมื่ออยู่ใต้น้ำ และไม่มีใครรู้ขั้นตอนการจัดการตัวกุ้งไม่ให้มันคาว เซี่ยห้าวไห่เคยมาจับไปแล้วหลายครั้งทว่าก็จับไม่ค่อยได้ สุดท้ายจึงล้มเลิกการจับกุ้งไป อีกทั้งมันยังมีกลิ่นคาวด้วย
“เจ้าค่ะ”
ของอร่อยใครมองข้ามก็ช่างพวกเขา ทว่านางไม่มองข้ามของอร่อยหรอก นางรู้ว่าเซี่ยซูเจี๋ยไม่เคยทำและดับกลิ่นคาวของกุ้งไม่เป็น แต่นางทำเป็น กุ้งเป็นวัตถุดิบหลักของร้านอาหารที่บ้าน นางจึงชอบนำมาดัดแปลงรสชาติและให้อาป๊านำไปขายที่ร้าน
“มันจับยากมากเลยนะ อีกทั้งยังมีกลิ่นคาว” เซี่ยห้าวไห่ตอบลูกสาว
ถึงจะบอกว่าจับยากเซี่ยห้าวไห่ก็เดินไปจับกุ้งให้ลูกสาวอยู่ดี แต่ครั้งนี้น่าแปลกที่เขาจับกุ้งได้และมันก็ไม่ว่ายหนี
เซี่ยซูเหยาที่เห็นว่าบิดาอยู่ใกล้ฝั่งจึงนำตะกร้าเล็กที่มีไปให้เซี่ยห้าวไห่จับกุ้งใส่ ถึงจะมีเพียงไม่กี่ตัวที่จับได้ทว่านางก็จะเอา
“อาเหยาอยากจับ” ถ้านางลงไปจับเองก่อนจะขออนุญาต เกรงว่าทุกคนคงจะหัวใจวายกันก่อน
“เดี๋ยวพ่อจับให้”
เซี่ยซูเหยาถอนหายใจ จากนั้นก็เรียกพี่ชายมาช่วยบิดาจับกุ้ง ได้กลับบ้านสักยี่สิบตัวก็จะดีมาก แต่ระหว่างที่ทั้งสองกำลังจับกุ้งและพี่สาวคอยเอากุ้งใส่ตะกร้า เซี่ยซูเหยาก็ขอตัวไปปลดทุกข์
ยังไม่ลืมหยิบตะกร้าเล็กกับเสียมติดตัวไปด้วย ยังดีที่ของทั้งสองมันไม่ได้หนัก ไม่เช่นนั้นก็เอาไปลำบาก
เซี่ยซูเหยาไม่ได้ไปปลดทุกข์ตามที่บอกกับทุกคน นางอาศัยช่วงที่ทุกคนมัวแต่สนใจกุ้งมายืนข้างลำธารที่มีต้นไม้บัง พร้อมทั้งขุดดินที่ชื้นบริเวณลำธาร
“มานี่ซะดีๆ”
เซี่ยซูเหยาจับไส้เดือนที่ขุดขึ้นมา โชคดีที่ดินมันชื้นและไม่มีใครมาขุด พอนางขุดไม่กี่ครั้งก็เจอกับไส้เดือนตัวอวบอ้วนแล้ว
ใช่แล้ว เซี่ยซูเหยามาขุดไส้เดือน นางจะเอาไปโปรยลงหลุมที่เซี่ยซูเหยียนขุดมันเอาไว้ก่อนจะไปจับกุ้ง นางได้วิธีนี้มาจากชาวบ้านที่นางไปฝึกโครงงาน
นางไม่ได้จับไส้เดือนมาเยอะ จับมาเพียงสิบตัวก็รีบกลับเพราะกลัวทุกคนเป็นห่วง ทว่าพอกลับมาทุกคนยังจับกุ้งกันอยู่เลยรีบเอาไส้เดือนไปโปรยลงหลุมดักปลาที่ยังไม่มีปลา อย่างน้อยได้กลับไปสักตัวสองตัวก็ยังดี นางเบื่อไก่ตุ๋นแล้ว
ของที่ได้กลับบ้านวันนี้บิดาของนางกล่าวว่าจะไม่นำไปขาย เซี่ยซูเหยาเลยต้องพยายามหาของกลับไปเยอะๆ ไม่รู้ว่าวันไหนที่จะได้มีโอกาสมาอีก
“อาเหยากลับมาแล้วหรือ”
“เจ้าค่ะ”
เซี่ยซูเหยาตอบเซี่ยซูเจี๋ยที่กำลังยกเอาตะกร้าเล็กที่ใส่กุ้งมาเทใส่ตะกร้าใหญ่ พอชะเง้อมองกุ้งในตะกร้านางกลับพบว่ามันเยอะมาก! อย่างต่ำก็ไม่น้อยกว่าสี่สิบตัวแน่นอน
อาหารวันนี้นางคงไม่ต้องกินไก่แล้ว ที่บ้านเหลือไก่ป่าอีกหนึ่งตัว ทว่ายังไม่ได้ฆ่าเพราะเกรงว่าจะเน่าเสียก่อน ซึ่งคงจะฆ่าในวันพรุ่งนี้
เซี่ยซูเหยากลับไปดูหลุมดักปลาอีกครั้งเมื่อผ่านไปแล้วหนึ่งเค่อ พบว่ามีปลาตัวใหญ่มากกว่าห้าตัวว่ายอยู่ในหลุมดักปลา ถือว่าเกินความคาดหมายมากสำหรับเซี่ยซูเหยาที่ลองทำจริงครั้งแรก
กลางยามอู่10 เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนก็ขึ้นจากน้ำ ทั้งคู่ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกมาผิงไฟที่ก่อขึ้นเมื่อครู่ เพราะตกลงกันว่าจะลงไปจับกุ้งอีกหน่อยค่อยพากันกลับ อีกทั้งเซี่ยซูเหยาขออยู่ต่ออีกหน่อย
“ท่านพ่อ! ได้ปลาเยอะมาก!”
เซี่ยซูเหยียนที่ขอตัวไปดูหลุมดักปลาถึงกับตะโกนเรียกบิดาเสียงดัง ปลาในหลุมมีมากกว่าสิบตัว เซี่ยซูเหยียนจึงตกใจ เขาเคยมาดักปลาแบบนี้ทว่าทุกครั้งได้มากกว่าสองตัวก็ดีมากแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะได้หลายตัวในเวลาไม่ถึงชั่วยาม11
เซี่ยห้าวไห่ที่ตากเสื้อตัวนอกเสร็จก็รีบวิ่งไปหาลูกชายทันที นอกจากลงไปจับปลาในลำธารก็แทบจะไม่เคยได้ปลามากขนาดนี้เลย
“ฮ่า ฮ่า อาเหยียน เจ้าเก่งมาก!”
วันนี้คงได้ดื่มน้ำแกงปลาเสียแล้ว อีกทั้งปลาในหลุมยังไม่ตายสักตัว เนื้อคงอร่อยมากแน่
“อาเหยียนไปเอาตะกร้าใหญ่มา! พ่อจะเอามาใส่ปลาไว้ เดี๋ยวมันจะตายเสียก่อน”
“ขอรับ!”
ตะกร้าที่นำมามีหกตะกร้า ตะกร้าใบใหญ่ทั้งสองจะเป็นของเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียน ส่วนที่เล็กลงมาจะเป็นตะกร้าของเซี่ยซูเจี๋ยกับเซี่ยซูเหยา อีกสองตะกร้าเล็กที่ใช้จับกุ้งเป็นตะกร้าใส่ห่ออาหาร อีกตะกร้าก็เป็นตะกร้าที่เซี่ยซูเหยาเอาไปใส่ไส้เดือน
เซี่ยซูเหยาลอบยิ้ม วันนี้ปลาได้เยอะมากจริงๆ กุ้งในตะกร้าก็เยอะไม่ต่างกัน ถ้าได้ผักหวานป่าออกไปด้วยคงจะดีไม่น้อย ทว่านางไม่เห็นผักเลยนี่สิ ไม่กล้าออกไปเก็บด้วย
“อาเหยาอยากกินกุ้งนึ่ง” เซี่ยซูเหยาบอกพี่สาวที่กำลังอุ่นไก่ที่นำมา จริงๆ ไม่ต้องอุ่นก็ได้ทว่าเซี่ยซูเหยาบอกว่ามันจะอร่อยกว่า เซี่ยซูเจี๋ยจึงตามใจน้องสาว
“หือ กุ้งนึ่งหรือ พี่ไม่แน่ใจว่ามันจะอร่อยไหม” เซี่ยซูเจี๋ยจำได้ว่าเคยนึ่งกุ้งอยู่ครั้งหนึ่งทว่ามันคาวมาก นับจากนั้นเวลาที่มีกุ้งนางก็ไม่ทำอีกเลย
“อาเหยารู้วิธีทำ”
เซี่ยซูเจี๋ยกำลังจะถามต่อทว่าน้องชายเดินมาเสียก่อนจึงเปลี่ยนใจ จากที่จะถามก็เลยลืมไปเลย
“วันนี้ได้ปลามาเยอะมาก พี่สาวก็ทำน้ำแกงให้อาเหยาหน่อย ทอดด้วยก็ดี” เซี่ยซูเหยียนกล่าวกับพี่สาว
“ได้สิ”
เซี่ยซูเจี๋ยไม่ได้น้อยใจบิดากับน้องชายเลยที่บอกให้ทำของโปรดให้น้องสาว นางชอบกินไก่ย่างและปลาทอด ทั้งสองก็ไม่เคยลืมสิ่งที่นางชอบ
เพียงแต่น้องสาวต้องบำรุงร่างกาย ยามที่ไม่ค่อยมีกินนางก็จะไม่ตามใจตัวเองทำสิ่งที่นางชอบ แต่จะทำสิ่งที่น้องสาวชอบมากกว่าเพราะอาเหยารับประทานอาหารยาก
ยามเซิน12 เซี่ยห้าวไห่ก็พาลูกชายลูกสาวกลับบ้าน กว่าจะทำอะไรเสร็จกลัวจะมืดเสียก่อน เซี่ยซูเหยาก็เห็นด้วย นางจะนำกุ้งไปแช่ให้คายดินก่อนลงมือนึ่ง
พอกลับมาถึงบ้านเซี่ยซูเหยาก็นำกุ้งไปแช่น้ำและขอพี่สาวว่าจะทำเอง นางใช้กุ้งสี่สิบตัวเทน้ำให้ท่วมตัวกุ้งแต่ไม่มาก พร้อมทั้งใส่เกลือลงไปคลุกเคล้าจนทั่ว
ครึ่งชั่วยาม13 ก็น่าจะนำมาทำอาหารได้ ส่วนกุ้งที่เหลือขังไว้ในถังให้คายดินก่อนยังไม่ต้องแช่เกลือ
ส่วนปลาที่ได้มาเกือบยี่สิบตัวเซี่ยซูเจี๋ยนำไปขังไว้ในบ่ออิฐเก่าที่มี มันพังแล้วทว่าสามารถใช้ขังปลาได้ ปลาพวกนี้น่าจะใช้ทำอาหารได้หลายมื้อเลยทีเดียว
หน่อไม้ที่ได้มาก็นำไปปอกเปลือกแล้วต้มเก็บไว้ในไห วิธีนี้จะเป็นการถนอมหน่อไม้ให้เก็บไว้รับประทานได้นาน เซี่ยซูเจี๋ยได้เรียนรู้วิธีนี้มาจากการไปรับจ้างชาวบ้านทำงาน
เซี่ยซูเหยารอกุ้งที่แช่จนถึงเวลาที่นางต้องการ ระหว่างที่พี่สาวหุงข้าว นางก็เดินออกไปดูแปลงผัก เก็บถงเฮา14 ที่พี่สาวปลูกไว้กับซ้วนโถว15 นางจะนำมาทำเป็นน้ำจิ้มรับประทานคู่กับกุ้งนึ่ง
ส่วนล่าเจียว16 นางเก็บมาจากป่าตอนขากลับ จริงๆ ก็แอบๆ เก็บมาเพราะทุกคนบอกว่ามันกินไม่ได้
น่าเสียดายที่ไม่มีหนิงเหมิง17 นางเลยจะใช้ซวนเจี่ยว18 ที่มีอยู่ในบ้านแทน แม้รสชาติจะเปลี่ยนไปบ้างทว่าก็ใช้แทนกันได้
