บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 เซี่ยซูเหยา

เนเน่ขยับตัวด้วยความอ่อนล้า ความจำล่าสุดของเธอก่อนที่จะหมดสติคือการที่เธอกลัวความมืดและกรีดร้อง แต่พอลืมตาขึ้นมาทำให้เธอถึงกับชะงัก เธอยังไม่ได้ออกจากบ้านร้างที่เก่าแก่หลังนี้?

แต่พอมองไปรอบๆ แล้วเนเน่ก็ต้องขยี้ตาหลายรอบ ต่อให้เป็นความมืดแต่สิ่งที่เธอจำได้ก็คือ บ้านหลังนั้นทั้งรก สกปรกมากและกลิ่นอับชื้นก็ตีขึ้นจมูก แต่ที่นี่ไม่ใช่ และเธอยังจำได้อีกว่าเธอหมดสติอยู่ที่หน้าประตู ตอนนี้เธอกลับนอนอยู่บนเตียงที่มีเศษผ้าเก่าๆ และรู้สึกถึงร่างกายที่เล็กลง

“อึก!”

เนเน่ยกมือขึ้นกุมขมับทันทีที่ครามทรงจำบางอย่างไหลเข้าหัว มันเป็นความเจ็บปวดที่ร่างกายแทบจะทนไม่ไหว เกือบสิบนาทีที่เนเน่ต้องกัดฟันทนก่อนที่ความเจ็บปวดจะค่อยๆ หายไป

‘มันคืออะไร’

เนเน่นอนนิ่งก่อนจะทบทวนความทรงจำที่ได้รับมา ดูเหมือนว่าเธอจะตายในบ้านที่ถูกผลักเข้าไป และตื่นขึ้นมาบนร่างของ เซี่ยซูเหยา เด็กหญิงตัวน้อยวัยสิบหนาวในแคว้นหนาน แคว้นที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพืชผักและกำลังทหาร

เซี่ยซูเหยาเป็นบุตรสาวคนเล็กของครอบครัวสกุลเซี่ย เป็นสกุลเล็กๆ ทางตอนใต้ของแคว้น และอยู่ในเมืองที่กล่าวได้ว่ายากจนที่สุด ต่อให้แคว้นอุดมสมบูรณ์มากแค่ไหนแต่พอห่างไกลจากเมืองหลวง ความช่วยเหลือก็ยากที่จะมาถึง

สกุลเซี่ยมีหลายสาย ยิ่งมีลูกเยอะยิ่งแยกย้ายกันไป ปัจจุบันสกุลเซี่ยมีมากถึงสิบเอ็ดสาย และสายหลักปัจจุบันคือครอบครัวของพวกนาง บิดาของนางนามว่า เซี่ยห้าวไห่ ส่วนมารดานามว่า เซี่ยเมี่ยวผิง ซึ่งมารดาของนางได้เสียชีวิตตั้งแต่เซี่ยซูเหยาอายุไม่กี่เดือน เซี่ยห้าวไห่เป็นนายพรานในหมู่บ้านที่จะขึ้นเขาล่าสัตว์เดือนละครั้ง และเข้าป่าทุกวันเพื่อล่าสัตว์เล็กๆ

บุตรสาวคนโต เซี่ยซูเจี๋ย วัยสิบสี่หนาวใกล้ถึงวัยปักปิ่นแล้ว มีหน้าที่ดูแลภายในบ้านเนื่องจากเป็นสตรี และดูแลน้องสาวคนเล็กของบ้านอย่างเซี่ยซูเหยา

บุตรชายคนรอง เซี่ยซูเหยียน วัยสิบสองหนาว ติดตามผู้เป็นบิดาเข้าป่าล่าสัตว์ทุกวัน บางวันก็จะไปหารับจ้างชาวบ้านลงแปลงนา หรือบางวันก็จะเก็บฟืนไปขาย

บุตรสาวคนเล็ก เซี่ยซูเหยา วัยสิบหนาว ยามที่อยู่ในครรภ์มารดา เซี่ยเมี่ยวผิงลื่นล้มอยู่บ่อยครั้งจนเซี่ยซูเหยาเกือบไม่รอด

พอคลอดออกมาร่างกายมารดาของนางก็ทรุดโทรมจนไม่สามารถให้เซี่ยซูเหยาดื่มนมจากอกได้ เซี่ยซูเหยาจึงมีร่างกายที่ไม่แข็งแรง และเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้ง เงินภายในบ้านจึงเริ่มร่อยหรอจนถึงขั้นกระเบียดกระเสียร

ดูเหมือนว่าครั้งนี้เซี่ยซูเหยาจะล้มป่วยหลังช่วยพี่สาวทำอาหารรอบิดาและพี่ชาย เซี่ยซูเหยานอนซมถึงห้าวันก่อนที่จะจากไปอย่างสงบโดยที่ไม่มีใครรู้ และมีเนเน่เข้ามาอยู่ในร่าง

เนเน่ในร่างเซี่ยซูเหยาขยับตัวลุกขึ้นมามองรอบข้าง ในห้องแคบๆ นี้เป็นห้องที่น่าจะทำมาจากต้นไผ่ เป็นห้องที่เล็กมาก นางสามารถนอนได้คนเดียวและเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงประตู

เนเน่ก้มลงมองมือตัวเองที่เล็กลงกว่าเดิมและรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ก่อนจะสะอื้นออกมาด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมเธอถึงต้องมาอยู่ที่นี่

อาป๊า หม่าม้า เฮียนรา และตี๋เล็กจะรู้หรือไม่ว่าเธอไม่อยู่แล้ว หากเอ่ยปฏิเสธอาจารย์ไปยามนี้เธอคงได้เข้าไปช่วยหม่าม้าทำอาหารรอพี่ชายกับน้องชายแล้ว

“อาเหยา!”

เสียงร้องตกใจของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นหลังเปิดประตูห้อง พลางรีบวิ่งมาหาน้องสาวที่กำลังสะอื้น เซี่ยซูเจี๋ยรีบกอดปลอบน้องสาว

เซี่ยซูเหยาเป็นแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้าน ท่านพ่อเคยกล่าวว่ามารดาทิ้งน้องสาวเอาไว้เป็นตัวแทนของนาง จึงควรจะรักน้องสาวมากๆ ยิ่งน้องสาวร่างกายอ่อนแอจึงต้องดูแลอย่างดี

แต่เพราะร่างกายที่อ่อนแอจนเกินไปรวมถึงการร้องไห้อย่างหนัก เนเน่ในร่างเซี่ยซูเหยาจึงหลับคาอ้อมกอดของพี่สาว ทั้งใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยน้ำตา

สกุลเซี่ยสายหลักเป็นครอบครัวของเซี่ยห้าวไห่ ปัจจุบันเหลือสมาชิกเพียงสี่คน และที่บ้านก็ยากจนมาก เงินเก็บที่มีก็เหลือไม่ถึงสองตำลึงเงิน1 เงินที่หามาได้นอกจากค่าใช้จ่ายในบ้านแล้วก็จะใช้ซื้อสมุนไพรมารักษาอาการป่วยของเซี่ยซูเหยา

“ท่านพ่อ”

เซี่ยซูเจี๋ยมีสีหน้ากังวลเมื่อผู้เป็นบิดาเดินเข้ามาในห้องของน้องสาวที่กำลังหลับอยู่ อาการของน้องเล็กเป็นแบบนี้ปกติ แต่ช่วงหลังๆ มานี่ อาการเริ่มแย่ลง เงินเก็บที่มีก็ซื้อสมุนไพรจนไม่มีเหลือ

“เจ้าไปพักเถอะ”

เซี่ยห้าวไห่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง พลางลูบผมบุตรสาวคนโตที่เริ่มจะร้องไห้ด้วยความรัก เขาเข้าใจลูกสาวดีที่ไม่อยากให้น้องสาวเจ็บป่วย เขาก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกสาวเป็นแบบนี้

“ท่านพ่อไม่เข้าป่าหรือเจ้าคะ”

“อืม วันนี้เหมือนฝนจะตก”

“เช่นนั้นข้าจะไปซักผ้า”

เซี่ยซูเจี๋ยตอบผู้เป็นบิดาก่อนจะเก็บเสื้อผ้าของน้องสาวออกไปซัก นอกจากเสื้อของนางแล้วก็มีเสื้อของน้องสาวที่นางต้องซัก ส่วนของบิดากับน้องชายนั้นทั้งสองจะซักเองเพื่อแบ่งเบาภาระของนาง

เซี่ยซูเหยารู้สึกตัวอีกทีก็กลางยามโหย่ว2 เพราะทนเสียงร้องของกระเพาะไม่ไหว และยังได้กลิ่นหอมๆ ของอาหารอีก ถึงกับต้องประคองตัวเองออกมานอกห้องเพื่อตามกลิ่นไป

บ้านหลังนี้จริงๆ แล้วเป็นบ้านที่สร้างจากดินผสมฟาง ยกเว้นแต่ห้องของเซี่ยซูเหยาที่เป็นไม้เพราะนางไม่สามารถทนอยู่กับฝุ่นได้ ผู้เป็นบิดาจึงต้องทำห้องให้ใหม่

“อาเหยา”

เสียงเรียกที่คุ้นหูทำให้เซี่ยซูเหยาหันไปมองอย่างรวดเร็ว คนตรงหน้าคงจะเป็นพี่ชายคนรองอย่างเซี่ยซูเหยียนจากความทรงจำของนาง

“เจ้าคะ”

“หิวแล้วหรือ ไปรอที่ห้องก่อนดีหรือไม่ พี่ชายจะเอาเข้าไปให้”

เซี่ยซูเหยียนตกใจไม่น้อยที่เห็นน้องสาวเดินออกจากห้องด้วยอาการอ่อนล้า

“ข้า…ข้า” เซี่ยซูเหยานึกอะไรไม่ออก นางไม่คิดว่าจะเจอพี่ชายเร็วขนาดนี้

“อาเหยียนพาอาเหยามานั่งรอที่โต๊ะเถิด พี่สาวจะยกอาหารออกมาให้ อาเหยาคงจะหิวแล้ว” เซี่ยซูเจี๋ยเดินเข้ามาในบ้านก่อนจะร้องบอก

“ขอรับ”

เซี่ยซูเหยาเดินไปนั่งที่เก้าอี้โดยมีเซี่ยซูเหยียนพยุงตัว แต่พอมีคนมาพยุง นางก็เดินเร็วขึ้นจริงๆ ยามนี้นางยังปรับตัวไม่ได้คงต้องให้คนอื่นช่วยไปก่อน

“ทะ…ท่านพ่อ” เซี่ยซูเหยาเรียกเซี่ยห้าวไห่ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“เจ้าหายดีแล้วหรือถึงออกมา” เซี่ยห้าวไห่เอ่ยถามลูกสาว

“เจ้าค่ะ”

“พรุ่งนี้พ่อจะเข้าป่าไปล่าไก่ฟ้ามาทำน้ำแกงให้ดื่มดีหรือไม่” เซี่ยห้าวไห่ถามบุตรสาวด้วยรอยยิ้ม

ลูกสาวคนเล็กยิ่งโตยิ่งงดงามเหมือนมารดา แต่ก่อนมารดาของนางเนื้อหอมยิ่ง ต่างจากลูกสาวคนโตที่หน้าตาได้เขามา คงจะมีแต่ดวงตาที่ได้รับมาจากมารดา

“เจ้าค่ะ”

เซี่ยซูเหยาไม่ได้บอกว่าดีหรือไม่ดี แต่นางแค่ตอบผู้เป็นบิดาไปเพื่อคลายความสงสัย จากความทรงจำที่ได้รับมา เซี่ยซูเหยาเป็นเด็กที่เก็บตัว ไม่ค่อยร่าเริงเพราะคิดว่าตัวเองเป็นภาระของคนในครอบครัว

เซี่ยซูเจี๋ยทำอาหารไม่นานก็ยกออกมา มีเซี่ยซูเหยียนไปช่วยยกด้วย ทั้งหมดจึงรีบรับประทานข้าวมื้อเย็นเพื่อเซี่ยซูเหยาจะได้ไปพักต่อ อาหารมื้อเย็นมีเพียงน้ำต้มข้าวเพราะเซี่ยซูเจี๋ยตักให้น้องสาวคนเล็กไป และน้ำแกงปลาที่เซี่ยห้าวไห่ได้มาเมื่อวานเท่านั้น

เซี่ยซูเหยาตื่นขึ้นมายามเช้า นางรู้สึกดีขึ้นมาก อาการเจ็บปวดตามร่างกายก็ค่อยๆ หายไป คงเป็นเพราะพี่สาวนำสมุนไพรมาให้ดื่มก่อนนอน เช้านี้เซี่ยซูเหยาจึงอาการดีขึ้นมาก

“พี่สาว”

“มีอะไรหรืออาเหยา”

เซี่ยซูเจี๋ยยิ้มกว้างเมื่อเห็นน้องสาวเดินเข้าครัวมาหานาง พอมองดูแล้วอาการของน้องสาวคงจะดีขึ้นมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ตื่นเช้าขนาดนี้

“พี่สาวทำอาหารหรือ” เซี่ยซูเหยาชะโงกหน้ามองหม้อที่กำลังต้มข้าวอยู่

“ใช่แล้ว”

ฟ้ายังไม่สางมีเพียงแสงจันทร์รำไรจากแผ่นฟ้าที่เป็นแสงสว่างให้เซี่ยซูเจี๋ยได้ต้มข้าว รอให้ฟ้าสว่างกว่านี้ถึงจะออกไปดูแปลงผักว่ามีผักอะไรให้ทำอาหารได้บ้าง ส่วนของเซี่ยซูเหยานั้นเซี่ยห้าวไห่ออกไปล่าสัตว์ตามที่ได้บอกลูกสาวเอาไว้

“มีอะไรให้อาเหยาช่วยหรือไม่เจ้าคะ”

เซี่ยซูเหยารู้สึกไม่คุ้นชิน ในยามที่เป็นเนเน่เธอต้องตื่นแต่เช้ามาทำอาหาร และทำเวลาให้ไปถึงมหาวิทยาลัยให้ทันก่อนเข้าเรียน พอเรียนเสร็จก็กลับมาทำงานในบ้าน ต่อให้ป่วยก็ต้องทำให้เสร็จก่อน แต่พอมาที่นี่แค่วันเดียวมีแต่คนให้นอนเฉยๆ เซี่ยซูเหยาไม่ชิน

“ไม่ต้องๆ อาเหยาไปพักเถิด พี่สาวจะทำเอง” เซี่ยซูเจี๋ยรีบปฏิเสธ

ยามนี้เป็นฤดูคิมหันต์ พอเซี่ยซูเหยาเข้าครัวทีไรเหงื่อก็ท่วมตัวตลอด เซี่ยซูเจี๋ยจึงชอบปฏิเสธน้องสาว หรือเวลาที่ให้เข้าครัวส่วนมากก็เป็นยามที่อากาศไม่หนาวและไม่ร้อน

“ท่านพ่อกับพี่รองเล่า”

จากความทรงจำ เวลานี้เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนควรจะตื่นหมดแล้ว แต่เซี่ยซูเหยาไม่เห็นใคร เห็นเพียงพี่สาวคนโต

“ท่านพ่อกับอาเหยียนออกไปล่าสัตว์ตั้งแต่ยามอิ๋น3 คงจะกลับยามเฉิน4 เหมือนเดิม” เซี่ยซูเจี๋ยตอบน้องสาว

“เจ้าค่ะ”

เซี่ยซูเหยาถูกพี่สาวห้ามช่วย นางจึงทำได้แค่เดินมานั่งที่โต๊ะในห้องโถงของบ้านอย่างปลงตก นางคงต้องรีบบำรุงร่างกายนี้เร็วๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้ทำอะไรแน่

เป็นไปตามที่เซี่ยซูเจี๋ยบอก พอกลางยามเฉินเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนจึงกลับมาจากการล่าสัตว์ที่ช้ากว่าปกติ เพราะทุกวันจะกลับมาต้นยามเฉิน

“ท่านพ่อได้ไก่ป่ามาด้วย!” เซี่ยซูเจี๋ยส่งเสียงดังด้วยความดีใจ

หลายวันมานี้นอกจากปลาที่ไปจับมาก็แทบจะไม่มีเนื้อให้รับประทานเลย ส่วนมากจะนำไปขายแลกเงินและเหลือกลับมาเพียงส่วนเดียวให้น้องสาวคนเล็ก

“วันนี้พ่อได้ไก่ป่ามาสามตัว อีกสองตัวขายไปแล้ว ตัวนี้อาเจี๋ยนำไปตุ๋นให้น้องสาวแล้วก็ย่างเถิด” เซี่ยห้าวไห่พูดด้วยความเหนื่อยอ่อน

เพราะต้องเอาไก่เข้าไปขายในอำเภอจึงต้องรีบทำเวลา ยามนี้ลูกสาวคนเล็กควรที่จะรับประทานอาหารเช้าและดื่มยาแล้ว

“เจ้าค่ะ”

เซี่ยซูเจี๋ยรีบรับไก่ป่ามาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย นานๆ ที จะได้รับประทานเนื้อสัตว์ นางจึงรีบเอาไก่เข้าไปทำความสะอาด น้องสาวคนเล็กคงจะหิวมากแล้ว มีเซี่ยซูเหยียนที่เข้าไปช่วยพี่สาวฆ่าไก่ป่าด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel