19 เมื่อไหร่จะหาย
ไทธัชเรียนเสร็จแล้วก็ออกมาหาอคิราห์ เขาให้ชายหนุ่มช่วยดูรูปที่วาดและลงสีต่อจากอคินทร์ซึ่งตอนนี้มันเสร็จสมบูรณ์แล้ว
“พอใช้ได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างไม่มั่นใจเพราะนานแล้วที่ไม่ได้ทำงานแบบนี้
“พี่ว่ามันโอเคเลย ไม่นึกเลยว่านายจะมีฝีมือขนาดนี้ วันหลังวาดรูปให้พี่ด้วยได้ไหม”
“ได้สิครับ พี่อยากให้วาดตอนไหนก็บอก”
“เอาไว้ตอนที่นายว่างก็แล้วกัน ตอนนี้ยังต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบอีกไม่ใช่เหรอ”
“งั้นสอบเสร็จจะวาดให้นะครับ”
“อือ แล้วจะส่งให้คุณธีรธรเลยหรือเปล่า”
“ครับ ผมว่าเขาคงกำลังรออยู่ ถ้ามีส่วนไหนต้องแก้ไขผมจะได้รีบทำ เพราะเปิดเทอมใหม่ ๆ คงยังไม่ต้องเรียนหนักมาก”
“งั้นก็รับจัดการเลย”
ไทธัชส่งภาพให้กับคุณนักเขียนตามเมล์ที่เขาให้ไว้ จากนั้นก็นั่งอ่านหนังสือต่ออีกพักใหญ่ อ่านไปได้ไม่ถึงสิบหน้า ธีรธรก็โทรกลับมา
เด็กหนุ่มเลี่ยงไปคุยในห้องนอนเล็กเพราะไม่อยากรบกวนอคิราห์ที่กำลังนอนเล่นอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขก
คุณธีรธรชื่นชมผลงานที่ไทธัชส่งให้เป็นอย่างมาก และก็ขอร้องให้ไทธัชช่วยวาดปกให้เขาอีก สำหรับนิยายเรื่องต่อไปที่เขากำลังจะแต่ง แต่เด็กหนุ่มก็ปฏิเสธเพราะเขาต้องอ่านหนังสือสอบกลัวว่าจะทำงานให้กับธีรธรไม่เต็มที่ แต่อีกฝ่ายก็ยังตื้อไม่เลิก จนไทธัชใจอ่อนยอมรับงาน แต่ก็ขอเวลาทางนั้นไปหนึ่งเดือน เพราะเขาต้องแบ่งเวลาอ่านหนังสือด้วย
ไทธัชคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่จ้างเพราะระยะเวลามันนานเกินไป แต่ก็ผิดคาดเพราะเขาบอกว่าจะให้เวลาไทธัชถึงสองเดือนเนื่องจากเขาเองก็ยังได้เริ่มแต่ง เพียงแต่อยากจะหาปกไว้ก่อน ส่วนเรื่องรายละเอียดว่าจะเป็นรูปแบบไหน ลักษณะฉากและตัวละครเป็นยังไงเขาจะส่งมาทางเมล์อีกที
พอวางสายคุณนักเขียนก็โอนเงินค่าปกที่เขาส่งให้พร้อมกับเงินมัดจำค่าปกใหม่ที่ยังไม่ได้เริ่ม จำนวนเงินมันมากกว่าที่คิดไว้มาก ไทธัชโทรกลับไปถามเจ้าตัวอีกครั้ง เพราะไม่แน่ใจว่าเขาโอนเงินเกินมาหรือเปล่า แต่คุณธีรธรก็ยืนยันว่าเขาเคยจ้างนักวาดคนอื่นรวมถึงอคินทร์ในราคาเท่านี้
“ขอบคุณครับ” ไทธัชกล่าวขอบคุณอีกครั้งก่อนจะวางสาย
เขาเดินออกมาจากห้องนอนก็มองไม่เห็นเจ้าของห้อง เมื่อเดินหาจนทั่วก็ไม่เจอไทธัชจึงโทรหา
“พี่ซันอยู่ไหนครับ”
“ฟิตเนส มีอะไรหรือเปล่า เรื่องรูปมีปัญหาอะไรไหม”
“เปล่าครับ”
“อ่านหนังสือรอไปก่อนนะ พี่ออกกำลังกายต่ออีกสักชั่วโมงแล้วค่อยออกไปหาอะไรกิน”
“ไม่ต้องรีบนะครับ ผมบอกแม่แล้วว่าคืนนี้จะค้างที่นี่ ผมลืมถามไปเลยว่าผมค้างได้ใช่ไหมครับ”
“อือ ตามสบายเลย”
เพราะพรุ่งนี้เขาจะชวนอคิราห์ไปทำบุญให้กับอคินทร์ที่วัดในตอนเช้าจึงไม่อยากเสียเวลาเดินทาง มารดาของเขาก็เห็นด้วยเพราะรู้ว่าตอนนี้ลูกชายค่อนข้างจะอึดอัดเพราะมีคนอื่นมาอาศัยอยู่ด้วย
ทำบุญถวายสังฆทานเสร็จแล้วไทธัชก็ชวนเขาออกมาให้อาหารปลาต่อที่หน้าวัด
“ขอบใจนะที่ชวนพี่มาทำบุญด้วย”
“ผมต้องขอบคุณพี่มากกว่าที่พาผมมาที่วัดนี้ มันไกลไปหน่อยแต่ร่มรื่นและสงบมาก”
“นายหิวหรือยัง”
“ยังเลยครับ เมื่อเช้าผมกินแซนด์วิชไปตั้งเยอะ”
“ถ้าอย่างนั้นเดินเล่นกันก่อน จะเปิดเทอมแล้วมีอะไรต้องซื้อเพิ่มหรือเปล่า”
“ขอดูไลน์กลุ่มก่อนนะครับ”
ตอนที่ทั้งสองยังอยู่บนโป๊ะที่ยื่นลงไปในน้ำ เพื่อเอาอาหารให้ปลา นานแล้วที่อคิราห์ไม่ได้ออกมาข้างนอกแบบนี้ เขาโยนขนมปังลงไปเท่าไหร่ เจ้าปลาก็กระโดดแย่งกันฮุบจนขนมปังหายไปในพริบตา
“ตกลงมีอะไรต้องซื้อไหม” ชายหนุ่มกันมาถามคนข้าง ๆ แต่สายตายังจ้องไปที่ฝูงปลาจำนวนมาก
“ไม่มีครับ พี่ซันล่ะ มีอะไรต้องซื้อไหม”
“ยังนึกไม่ออกเลย ปกติพี่ไม่ค่อยซื้อของอยู่แล้ว สั่งออนไลน์สะดวกกว่าเยอะ”
เพราะอยู่คนเดียวแลยไม่ค่อยออกไปซื้อของใช้ ส่วนใหญ่ก็สั่งออนไลน์เอาทั้งนั้น มันทั้งสะดวกและประหยัดเวลา แต่พอมีไทธัชมาเดินด้วยเขาก็ออกมานอกห้องมากขึ้น ไม่ค่อยเก็บตัวเหมือนที่ผ่านมา
ขณะกำลังจะขึ้นจากโป๊ะอคิราห์ไม่ทันระวัง เขาเหยียบถุงพลาสติกใส่ขนมปังที่มีคนทิ้งไว้ และกำลังจะหงายหลัง สองมือพยามยามไขว่คว้าอากาศ
“พี่ซันระวังมือ” ไทธัชใช้ความไวของตนเองเข้ามารับเขาทางด้านหลังพร้อมกับเอาตัวเองรองไว้ มือของเด็กหนุ่มรวบมือของอีกคนที่กำลังจะฟาดลงกับขอบโต๊ะได้อย่างทันท่วงที
ตุ๊บ!
อคิราห์ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด เขาหันมามองทางด้านหลังก็เห็นว่าตัวเองนั่งอยู่บนตัวของไทธัชอย่างพอเหมาะพอดี
“ไท เจ็บไหม”
“ถามมาได้พี่ซันตัวโตซะขนาดนั้น ทั้งจุกทั้งเจ็บเลยครับ ว่าแต่มือพี่ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“อือ ไม่เป็นไร ขอบใจมาก คราวหลังไม่ต้องเอาตัวเองมารับพี่แบบนี้อีก เราน่ะตัวเล็กกว่าพี่ตั้งเยอะ”
“ก็ผมกลัวพี่เจ็บ แล้วตอนนั้นมือพี่ก็กำลังจะฟาดกับขอบโต๊ะ ถ้ามือเจ็บพี่จะทำงานยังไง” ไทธัชเป็นห่วง เพราะถ้ามือเขาเจ็บก็คงจะเข้าห้องผ่าตัดได้
“นั่นสินะ ลุกไหวไหม”
“สบายมากครับ”
ไทธัชลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นออกจากกางเกง แล้วตาสีน้ำตาลก็เบิกกว้างเมื่อเห็นว่าโทรศัพท์ของตัวเองนั้นมันแตกกระจายอยู่บนพื้น
“พี่ว่าเราคงต้องไปซื้อโทรศัพท์ใหม่”
“ผมก็คิดว่าอย่างนั้น ดีนะวันนี้ได้เงินค่ารูปมาแล้ว ไม่ต้องขอแม่”
“เงินค่ารูปเก็บไว้ใช้จ่ายเถอะ เดี๋ยวพี่ซื้อให้เอง”
“ผมไม่รบกวนหรอกครับ”
“ก็ที่มันพังอย่างนั้นก็เพราะนายช่วยพี่ ถ้าไม่อย่างนั้นพี่คงเข้าห้องผ่าตัดไม่ได้อีกนาน ถ้าคิดเป็นเงินแล้วก็คงมากกว่าค่าโทรศัพท์ที่จะซื้อให้นายอีกนะ”
“พี่ผ่าตัดครั้งหนึ่งได้เท่าไหร่”
“จะรู้ไปทำไม”
“ก็อยากรู้จะได้เรียกค่าเสียหายถูก”
“งั้นยกเงินเดือนกับค่าเวรเดือนนี้ให้เลยไหมล่ะ”
“ไม่ดีกว่าครับ แค่นี้ก็ไม่รู้จะใช้หนี้กี่ปีถึงจะหมด”
แล้ววันนี้ไทธัชก็ได้โทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เจ้าตัวไม่ใช่คนเลือก เพราะเกรงใจคนจ่ายเงิน แต่เจ้าตัวดูจะไม่เดือดร้อน เขาเลือกโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดให้กับไทธัช เด็กหนุ่มเห็นราคาแล้วต้องรีบบอกคนพนักงานขายว่าขอเครื่องรุ่นที่ต่ำกว่านี้สักหน่อย เพราะราคาต่างกันเยอะมาก
ในตอนแรกคุณหมอหนุ่มก็ไม่ยอม แต่ไทธัชก็ให้เหตุผลว่าถ้าของมันราคาสูงมากเขาก็ไม่กล้าใช้ และจะโดนมารดาตำหนิเอาได้ อคิราห์จึงยอมตกลง
“ไท พรุ่งนี้ตอนเย็นจะแวะไปคอนโดไหม”
“พี่จะให้ไปไหมล่ะ”
“อยากให้ไป”
“งั้นก็ตามนั้น แต่พี่ไม่เข้าเวรตอนเย็นเหรอ”
“เดือนหน้าไม่รับงานโรงพยาบาลเอกชนแล้ว”
“เหนื่อยเหรอครับ พี่ไม่ต้องติวให้ผมแล้วก็ได้”
“ไม่เกี่ยวกับนาย แต่พี่อยากพักบ้าง”
อคิราห์จอดรถที่หน้าบ้านหลังเล็กในเวลาห้าโมงเย็น
“ไม่อยู่กินข้าวแน่นะครับพี่”
“ไม่ดีกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขับรถดี ๆ นะครับ ถ้าพรุ่งนี้ไม่ติดอะไรผมคงแวะไปหาพี่ตอนเย็น แต่ถ้าที่โรงเรียนมีติวเพิ่มก็คงไม่ได้ไปนะครับ”
“อือ ไม่ซีเรียสอยากไปตอนไหนก็ได้”
“พี่ซันขอบคุณอีกครั้งนะครับ สำหรับโทรศัพท์เครื่องใหม่ ผมจะใช้อย่างดีเลย”
“ไท พี่ว่านายรีบลงไปได้แล้วนะ” อคิหราห์เห็นญาติสาวของไทธัชกำลังเดินออกมาจากบ้าน เขาไม่อยากจะคุยกับเธอจึงรับบอกให้ไทธัชลงจากรถ
“อ๋อ ผมเข้าใจแล้วโชคดีนะครับ ถ้าเขาโทรไปก็อย่าลืมรับโทรศัพท์ด้วยนะครับ”
พอเด็กหนุ่มลงจากรถอคิราห์ก็เหยียบคันเร่งอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะเดินมาถึงรถ
“ไท นั้นรถพี่ซันใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“แล้วทำไมไม่ชวนเขาเข้าบ้านล่ะ”
“พี่เขารีบน่ะครับเลยไม่อยากให้เขาเสียเวลา”
“จะรีบไปไหนกัน เย็นวันอาทิตย์แท้ ๆ เขาคงไม่ไปทำงานเวลานี้หรอกใช่ไหม”
“ผมก็ลืมถามด้วยสิครับ ถ้าพี่อยากรู้ก็โทรถามเองสิ อะนี่เบอร์ของพี่ซัน”
พอเห็นตัวเลขในกระดาษของมนัสสรก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ขอบใจนะน้องรัก”
พอมนัสสรเข้าห้องของตัวเองไปแล้ว มารดาของเด็กหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องครัว
“ไท แม่รีดชุดนักเรียนให้หมดแล้วนะ”
“แม่ครับจะรีดให้ทำไม ผมกะว่าเย็นนี้จะกลับมารีด”
“แม่ก็อยากทำอะไรเพื่อไทบ้าง แล้ววันนี้ได้ไปทำบุญไหม”
“ครับพี่ซันพาไปถวายสังฆทานครับ”
“เปิดเทอมแล้วไทไม่ต้องตื่นมาช่วยแม่กับยายนะลูก แม่ไม่อยากให้ไทไปง่วงที่โรงเรียน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ผมชินแล้ว”
“ไทพูดอย่างนี้แม่ยิ่งรู้สึกผิด ที่ผ่านมาไทช่วยแม่กับยายมาตลอด แล้วนี่มันเทอมสุดท้ายแล้ว แม่อยากให้เราตั้งใจเรียนและพักผ่อนอย่างเต็มที่”
“ผมอยากช่วย”
“เอาไว้ปิดเทอมค่อยช่วยก็ได้นี่ เชื่อแม่เธอเถอะเทอมนี้ตั้งใจเรียนอย่างเดียวก็พอ”
“ก็ได้ครับแม่”
“แล้วนั่นถือถุงอะไรมา”
“โทรศัพท์เครื่องใหม่ครับแม่”
จากนั้นไทธัชก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันให้กับมารดาฟังอย่างละเอียด เขากลัวว่ามารดาจะดุที่ไปรับของราคาแพงมาจากอคิราห์
“แล้วไทเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เธอถามอย่างเป็นห่วง
“เจ็บก้นนิดหน่อยครับแม่”
“งั้นก็โล่งอกไปที ได้ของแพงมาใช้ก็ระวังหน่อยนะลูก ของราคาแพงแบบนั้นถ้าหายขึ้นมาก็เสียดายน่าดู”
“แม่ไม่ว่าใช่ไหมที่พี่ซันซื้อของแพงให้”
“พี่เขาก็มีเหตุผล ถ้าเขาเจ็บมือขึ้นมาก็คงทำงานไม่ได้อีกนาน แม่เคยดูละคร หมอบางคนพอมือได้รับอุบัติเหตุก็ทำงานอีกไม่ได้เลย หมอซันเขาก็คงคิดแบบนั้น”
ไทธัชคุยกับมารดาอีกพักใหญ่ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำและออกมานั่งทานอาหารเย็นกันเพียงสามคนอย่างเคย เพราะมนัสสรบอกว่าเธอไม่หิวและกำลังลดน้ำหนักอยู่ นั่นทำให้ไทธัชทานข้าวได้เยอะกว่าทุกวัน
