เด็กคุณเต 02
หลังจากวันนั้นที่คุณเตยกเหลียนฮวาให้ฉันดูแล คุณเตก็เดินทางไปต่างประเทศเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ใช่ค่ะ หนึ่งปี หนึ่งปีกว่า ๆ แล้วด้วย คุณเตบอกกับฉันว่างานเขายุ่งมาก ห้ามฉันทำตัวไม่ดี ไปเรียนมหาวิทยาลัยก็ต้องทำตัวดี ๆ ห้ามฉันมีแฟนเพราะยังไม่ถึงวัยที่จะมี ฉันที่ชอบคุณเตมาก ๆ ก็ต้องเชื่อฟังเขาอยู่แล้วแม้ไม่ได้เจอเขาแต่ฉันยังทำตามที่เขาบอกเสมอ เรียนเสร็จฉันก็กลับบ้าน กลับมาอยู่กับเหลียนฮวา แน่นอนว่าช่วงเวลาที่ผ่านฉันกับเหลียนฮวาสนิทกันแล้ว เหลียนฮวาขี้อ้อนมาก
วันนี้ที่มอมีกิจกรรมฉันจึงกลับดึกกว่าทุกครั้ง เวลาสองทุ่มฉันกลับมาถึงบ้าน จุดหมายของฉันคือห้องของเหลียนฮวา ทุกครั้งที่กลับถึงบ้านฉันจะไปหาเหลียนฮวาก่อนเสมอ
ทว่าวันนี้เหลียนฮวาไม่ได้อยู่ในห้อง
“ป้าคะเหลียนฮวาไปไหนคะ” ตะโกนถามแม่บ้านด้วยความร้อนใจ ไม่รู้ว่ามีคนเปิดประตูไว้ก็เลยแอบวิ่งหนีหรือเปล่า เหลียนฮวาเคยหลุดหายออกจากบ้านไปหนึ่งวัน ตอนนั้นฉันเศร้ามาก คิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีก คิดไปต่าง ๆ นานากลัวคุณเตจะต่อว่า กลัวคุณเตจะผิดหวังในตัวฉัน ตอนนั้นประกาศหาในไลน์หมู่บ้าน โชคดีที่เจอ
“อยู่ชั้นบนค่ะ คุณเตพาขึ้นไป” แม่บ้านเอ่ย
“คุณเตกลับมาแล้วเหรอคะ” ฉันไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย
จะว่าไปแล้วเธอจะรู้ได้ยังไงพริ้งเพรา เธอกับเขาคุยกันนับครั้งได้ หนึ่งปีคุยกันไม่ถึงห้าครั้งด้วยซ้ำ
“ใช่ค่ะ”
“งั้นพริ้งไปทักทายคุณเตนะคะ” พูดจบฉันก็วิ่งขึ้นชั้นบน ไม่ได้สนใจสิ่งที่แม่บ้านกำลังจะพูด
มาถึงก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เห็นว่าประตูแง้มอยู่จึงเคาะเบา ๆ
“เข้ามา” เสียงของคุณเตตอบ เสียงนี้ไงที่คิดถึง
ได้รับอนุญาตแล้วฉันจึงผลักประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานของคุณเต เอ่ยทักคุณเตด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “คุณเตกลับมาแล้วเหรอคะ”
“ใช่ครับ” คุณเตพยักหน้ารับ ที่ตักของคุณเตมีเหลียนฮวานั่งอยู่ นั่งเป็นคุณนายเชียวนะเหลียนฮวา
“พริ้งตกใจหมดนึกว่าเหลียนฮวาหายออกจากบ้าน ดีที่แม่บ้านบอกว่าคุณเตเอามาเล่นด้วย”
“คิดถึงก็เลยเอาขึ้นมา...”
“ใครมาคะเต” เสียงของบุคคลที่สามดังมาจากทางห้องน้ำ ตัวฉันชาวาบเนื่องจากเป็นเสียงของผู้หญิง
“หนูพริ้งกลับมาจากมหา’ลัยก็เลยมาทักทายครับ” คุณเตเอ่ยพลางอุ้มเหลียนฮวาลุกขึ้นยืน น้ำเสียงที่คุณเตพูดกับเธอคนนั้นละมุนมาก
“สวัสดีค่ะหนูพริ้ง” เธอคนนั้นเดินมาหยุดยืนข้างคุณเต
“สวัสดีค่ะ” ฉันพยายามกลั้นเสียงไม่ให้สั่น เวลานี้ฉันรู้สึกว่าฉันสั่นไปทั้งตัว คล้ายว่าควบคุมตัวเองไม่ได้
“นี่คุณบัวครับหนูพริ้ง อากับคุณบัวคุย ๆ กันอยู่ หนูพริ้งทำความรู้จักคุณบัวไว้นะ” คุณเตเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“สวัสดีอีกครั้งค่ะคุณบัว” ฉันพยายามยิ้ม ทว่าร่างกายมันบังคับยากเหลือเกิน อยากจะยิ้มกว้าง ๆ แต่ก็ทำไม่ได้
“ดีค่ะ เตบอกว่าหนูพริ้งเป็นคนดูแลเหลียนฮวาระหว่างที่พี่ไม่อยู่ ขอบคุณหนูพริ้งมาก ๆ นะคะ”
“...ค่ะ” รู้สึกเหมือนโดนลูกตุ้มทุ่มใส่หัว เหลียนฮวาแปลว่าดอกบัว ผู้หญิงคนนี้ชื่อบัว นี่สินะเจ้าของตัวจริงของเหลียนฮวา “ถ้าอย่างนั้นพริ้งไม่กวนแล้ว ขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ”
“ไปทานข้าวด้วยกันไหมคะหนูพริ้ง พี่กับเตจะออกไปทานข้างนอก”
“ขอบคุณที่ชวนค่ะ พริ้งทานกับเพื่อนมาเรียบร้อยแล้ว ขอตัวนะคะ” ก่อนที่จะก้าวขาออกจากห้องไม่ได้ ก่อนที่จะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ฉันต้องรีบออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
ออกมาจากห้องทำงานของคุณเตฉันเดินก้มหน้ากลับมาที่ห้องนอนของตัวเองอย่างเร็ว น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลเป็นทาง ความคิดถึงก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจ ฉันไม่รู้ว่าควรจะอธิบายความรู้สึกพวกนี้ออกมายังไง ฉันรู้แค่ว่าตอนนี้ฉันเสียใจ เสียใจมาก ๆ
ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคุณเตไม่ได้คิดกับฉันแบบที่ฉันแอบคิดกับเขา ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีหวัง แต่ทุกครั้งก็เสียใจมากจริง ๆ ที่เห็นเขามีผู้หญิงคนอื่น และวันนี้ฉันรู้สึกเสียใจมาก ๆ ที่ได้รู้ว่าสิ่งที่คุณเตบอกว่าเป็นของขวัญ สิ่งที่คุณเตให้มานั้นเคยเป็นของรักของคนอื่นมาก่อน คุณเตหลอกให้ฉันดูแลของคนอื่น ฉันหลงรักเหลียนฮวาจนหมดใจ
ทว่าตอนนี้รักของฉันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อเจ้าของตัวจริงกลับมา
หลังจากที่ร้องไห้ทั้งคืน เช้าที่มีเรียนฉันออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดเพราะไม่อยากพบเจอคุณเตกับคุณบัว ฉันมาถึงมอตอนเจ็ดโมงเช้ามานั่งโง่ ๆ ที่โรงอาหารของคณะรอเพื่อน ๆ ที่มีเรียนเก้าโมงเช้า นั่งรอไปเรื่อย ๆ กระทั่งเผลอหลับเนื่องจากเมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืน
“นี่ นี่ นี่”
“อื้อ” ลืมตาขึ้นเห็นเพื่อนสนิทนั่งจ้องหน้าจึงเอ่ยทัก “มานานยัง”
“แกอะมานานยัง”
“ไม่นาน” ไม่นานซะที่ไหนล่ะ
“แล้วมาหลับอะไรที่นี่ เมื่อคืนไม่หลับไม่นอนหรือไง”
“นอน” พยายามนอนแต่ว่านอนไม่หลับ เรื่องของคุณเตวิ่งอยู่ในหัวตลอดเลย
“แกใส่แว่นดำทำไม เป็นอะไร”
“แฟชั่นฤดูนี้”
“เหรอ” พะแพงดึงแว่นกันแดดออกจากใบหน้าฉันอย่างไว “สภาพ ร้องไห้ทำไม แมวหายอีกเหรอ”
“เปล่า” ฉันคว้าแว่นกลับมาใส่ไว้ตามเดิม
เพราะเรื่องที่ทำให้ฉันร้องไห้มีไม่มาก ทำให้เพื่อนทายถูกไม่ยาก
“งั้นอะไร นอกจากแมวหายกับคิดถึงคุณเตมาก ๆ แกเป็นอะไรคะคุณหนูพริ้ง” เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนสนิท เราอยู่โรงเรียนประจำด้วยกันและสัญญาว่าจะต่อมหาวิทยาลัยเดียวกัน ตอนนี้เราจึงเรียนที่เดียวกันอย่างที่สัญญากันไว้ พะแพงที่เป็นเพื่อนสนิทจึงรู้เรื่องคุณเตเนื่องจากฉันไว้ใจเธอถึงได้เล่าให้เธอฟัง
“คุณเตกลับมาแล้ว”
“ก็ดีแล้วนี่ แกคิดถึงเขาทุกวันไม่ใช่เหรอ เห็นบ่นหาตลอด ได้พุ่งเข้าไปกอดเขาสักทีไหม” พะแพงยิ้ม
“เปล่า”
“ที่แกร้องไห้เพราะเสียดายที่ไม่กอดเขาหรือดีใจจนร้องไห้ สรุปเป็นอะไรคะเพื่อนรัก” คล้ายว่าเพื่อนรักของฉันกำลังโมโห
“เขาพาแฟนเข้าบ้านด้วย” เสียงฉันสั่นอีกแล้ว
พะแพงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “…ก็ธรรมดาไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น แกอย่าลืมสิว่าแกไม่ได้เป็นแฟนเขา ไม่ได้เป็นเจ้าของเขา แกเป็นลูกสาวเพื่อน เป็นเหมือนหลานสาวเขา”
“เรื่องนั้นฉันรู้ แต่แกคือฉันเพิ่งรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือเจ้าของเหลียนฮวา” น้ำเสียงเศร้า ๆ บอกเล่าให้เพื่อนฟัง ฉันเจ็บตรงนี้ ตรงที่เขาเอาของของคนอื่นมาให้ฉันแล้วหลอกให้ฉันรักเหลียนฮวาจนหมดใจ
“ใจร้ายจัง ทำไมคุณเตถึงได้ใจร้ายแบบนี้” พะแพงยื่นมือมาแตะที่ไหล่เบา ๆ มืออีกข้างของพะแพงกำหมัดทุบลงที่โต๊ะ
ใช่ ฉันก็คิดว่าคุณเตใจร้าย
ฉันคิดว่าฉันคงรู้สึกดีกว่านี้ถ้าคุณเตบอกว่าฝากเลี้ยงแมวคนรู้จักหน่อย เขาไม่ควรบอกว่าเหลียนฮวาคือของขวัญ นี่เขาเรียบเรียงคำพูดไม่เป็นหรือพูดไปงั้นเพราะคิดว่าฉันเป็นเด็กไม่สนอะไร
ฉันรู้ รู้ดีว่าคุณเตไม่เคยให้ความหวัง ทุกอย่างเป็นฉันที่รู้สึกไปเอง แต่ฉันถามหน่อยว่าคุณเตผิดไหมที่บอกว่าเหลียนฮวาคือของขวัญให้ฉัน ฉันรักเหลียนฮวาไปแล้ว แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้เหลียนฮวาเพราะเกรงใจแฟนคุณเต
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วต่อไปฉันควรจะทำยังไง ฉันควรจัดการความรู้สึกยังไง แล้วต้องทำตัวแบบไหนเวลาที่เจอเหลียนฮวา เป็นแบบนี้แล้วฉันไม่อยากจะกลับบ้านเลย ไม่อยากเผชิญหน้ากับปัญหา ไม่อยากงอแงให้ดูเป็นเด็กเอาแต่ใจในสายตาของคุณเต
ทว่าบางครั้งอาจจะถึงเวลาที่ฉันเลิกหลอกตัวเองและเปิดใจยอมรับความจริงที่แกล้งไม่รับรู้
