บทที่ 4
คำขู่ของเขาทำให้หญิงสาวหยุดชะงัก คำเตือนของแทนไทเริ่มแทรกซึมเข้ามาในหัว เธอจึงตัดสินใจถอยก่อนจะตะโกนว่า “ยอมก็ได้”
จากนั้นชีคหนุ่มก็สั่งให้พวกทหารเข้ามาจับกุมตัวเธอไว้
แม้คำเตือนของพี่ชายจะวิ่งวนอยู่ในหัว แต่นิสัยปากดีที่แก้ไม่หายก็ทำให้พันไมล์พูดขึ้นอย่างมีโทสะ
"พูดจนปากจะฉีกถึงหูก็ยังไม่เข้าใจ...ฉันบอกว่าฉันไมใช่ขโมย...ไม่ใช่ขโมย...ยังใส่ร้ายกันอยู่ได้...ไอ้หัวขโมยที่ว่ามันหนีไปได้ตั้งนานแล้ว”
พันไมล์โบ้ยหน้าไปยังทิศทางที่เจ้าหัวขโมยวิ่งหลบหนีไป แต่เมื่อทุกคนยังนิ่งเป็นหิน เหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอร้องบอก หญิงสาวจึงตัดสินใจยื่นข้อเสนอ
ในเมื่อพูดไปก็ไร้ประโยชน์ พันไมล์จำต้องงัดเส้นก๋วยจั๊บใหญ่ยักษ์อย่างชีคอัมรานมาใช้แก้ขัดไปก่อน ด้วยหวังว่าจะทำให้ทหารพวกนี้กลัว และปล่อยเธอไปเจรจาแก้ต่างให้ตัวเองต่อหน้าชีคหนุ่ม
"ฉันจะคุยกับชีคอัมรานคนเดียวเท่านั้น"
“คิดจะคุยอะไร!” อัมรานเอ่ยถาม มองหญิงสาวชาวไทยจอมโวยวายอย่างแปลกใจ
"ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย"
"ผู้หญิง!"
พันไมล์เริ่มดิ้นและยกขาเหวี่ยงขึ้น พร้อมกับตะโกนออกไปด้วยความโมโหกับน้ำเสียงดูถูกของชายหนุ่ม
"ไม่เกี่ยวโว้ย!"
"คิดว่าฉันจะใช้มารยา บีบน้ำตาขอร้องท่านชีคของพวกนายหรือไง แขกซุปเปอร์วีไอพีอย่างพันไมล์ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น ให้ฉันได้คุยกับเขาก่อนเถอะ เรื่องขโมยอะไรพวกนี้รับรองหายหมด"
ทหารทุกคนรวมทั้งยะห์ซินฟังขโมยตัวน้อยคุยโวแล้วต้องรีบกลั้นยิ้ม
อัมรานไม่คิดที่จะฟังเรื่องเพ้อเจ้อของหญิงสาวอีกต่อไป เขาสั่งลูกน้องจัดการเธอด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดทันที
“ยะห์ซินตัดมือ!”
พันไมล์หน้าเหวอไป แก้มนวลเริ่มซีดเผือด เพราะไม่คิดว่าขนาดยี่ห้อของชีคอัมราน ที่เธอมั่นใจว่าใหญ่บิ๊กเบิ้มแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้นายคนนี้กลัวได้
"หยุดเลยนะ จะตั้งศาลเตี้ยกันหรือไง บ้านเมืองนี้จะไม่มีการสอบสวน อุทธรณ์ หรือฎีกา อะไรกันบ้างเลยหรือ"หลังจากอ้าปากค้างอยู่นานพอควร พันไมล์จึงเอ่ยขึ้น
ดาบในมือที่เงื้อขึ้นของยะห์ซินชะงักค้าง นายทหารหนุ่มเหลือบมองเจ้านายเพื่อรอฟังคำสั่ง
ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมสีดำแสยะยิ้ม เกิดมาเขาไม่เคยพบเจอผู้หญิงปากกล้า ไม่กลัวตายแบบผู้หญิงคนนี้มาก่อน ขนาดความตายมารออยู่ตรงหน้ายังทำอวดเก่ง อยากรู้เหมือนกันว่าจะเก่งได้อีกนานแค่ไหน
"เป็นผู้หญิงแล้วยังจะมาทำอวดเก่ง อย่าหวังว่าจะใจอ่อน ขโมยมีโทษสถานเดียวคือตัดมือ ลงมือเลยยะห์ซิน”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงของใครคนหนึ่งดังแทรกขึ้น
“หยุดก่อน” แทนไทตะโกนห้ามเสียงดังพร้อมกับวิ่งถลาเข้ามาห้าม จาบรินและวาคิมก็รีบวิ่งตรงมาเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้นหรือพันไมล์” แทนไทเอ่ยถามน้ำเสียงร้อนใจ เมื่อเห็นน้องสาวถูกทหารจับยึดไว้ทั้งสองข้าง “พี่แทน!” พันไมล์ตะโกนเรียกชื่อเขาด้วยความดีใจ ที่เขามาช่วยเธอไว้ได้ทันเวลาพอดี ราวกับพระมาโปรด
"ช่วยพายด้วย คนพวกนี้บ้ากันไปหมดแล้ว มาหาว่าพายเป็นขโมย พายบอกว่าไม่ใช่ ไม่ใช่ ก็ไม่เชื่อ พี่แทนช่วยจัดการคนพวกนี้ให้พายหน่อยสิ”
แทนไทมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยความสับสน ก่อนจะถามย้ำอีกครั้งว่า “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เมื่อยะห์ซินเห็นเพื่อนรักของตนเอง เขาจึงปลดผ้าคลุมหน้าออก “นายเองหรือแทน”
แทนไทหันไปเห็นเพื่อนที่เคยเรียนที่อังกฤษมาด้วยกันก็โล่งใจ รีบเข้าไปถาม
“น้องสาวฉันมาก่อเรื่องยุ่งอะไร พวกนายถึงได้จับตัวไว้แน่นหนาขนาดนี้”
ยะห์ซินไม่ตอบ เหลือบมองหญิงสาวชาวไทยอีกครั้ง เห็นหน้าเรียวเล็กซีดเผือดก็นึกสงสาร เขามองเลยไปยังเจ้านายหนุ่มเหมือนจะถาม
ชีคอัมรานพยักหน้าเล็กน้อย เป็นสัญญาณบอกให้ทุกคนปล่อยตัวหญิงสาว เมื่อเป็นอิสระพันไมล์ก็วิ่งตรงไปเกาะแขนพี่ชาย ปากก็รีบฟ้องต่อทันที
“คนพวกนี้พากันกล่าวหาว่าพายเป็นขโมย”
"ใครจะไปอยากได้สร้อยสับปะรังเคเส้นนี้คะ"
ว่าแล้วก็ยกสร้อยที่ข้อมือให้ทุกคนดู ก่อนจะชี้แจงให้พี่ชายฟัง
"พายเห็นขโมยอุตส่าห์จะช่วยจับตัวให้ แต่พอดีมันดันหนีไปได้ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง พายเก็บของที่ขโมยมันทิ้งไว้มาส่งคืนให้พวกเขา แต่คนพวกนี้กลับมากล่าวหาว่าพายเป็นขโมย มีตาหามีแววไม่”
พันไมล์แสร้งถอนหายใจอย่างแรง “ทำคุณบูชาโทษชัดๆ ถ้ารู้อย่างนี้ปล่อยให้ขโมยมันขนไปให้หมดซะก็ดี"
แทนไทฟังน้องสาวเล่าแล้วก็ได้แต่แปลกใจ ทำไมทุกคนถึงพากันปักใจเชื่อว่าพันไมล์เป็นขโมย เขารู้จักนิสัยน้องสาวของตนเองเป็นอย่างดี พันไมล์ไม่มีวันที่จะทำเช่นนั้น เธอไม่เคยมีประวัติขโมยของใคร
“ใจเย็นๆ นะพาย แล้วช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้พวกพี่ฟังก่อนดีกว่า”
หญิงสาวถ่ายทอดเรื่องราวทุกอย่างให้ทุกคนฟัง พร้อมกับยืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นขโมยอย่างที่ใครบางคนกล่าวหา พันไมล์พูดพร้อมกับตวัดสายตาคมค้อนชีคอัมรานด้วยความไม่พอใจอย่างแรง
“ใครนะช่างกล้าเข้ามาขโมยของถึงในถิ่นของชีคอัมราน" ยะห์ซินพูดแทรกขึ้นหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด
“ใครจะไปรู้ ปิดหน้าปิดตาแน่นหนาซะขนาดนั้น รู้ก็แปลก" พันไมล์กล่าวกวนๆ อย่างมีโทสะ
"พันไมล์!" แทนไทดุขึ้น เขม่นมองน้องสาวด้วยสายตาไม่พอใจ นึกอยากเขกหัวอีกฝ่ายเต็มกำลัง ความตายจะมาเยือนอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก
"โอเคๆ พูดดีๆ ก็ได้" หญิงสาวยกมือยอมแพ้ เมื่อเห็นว่าแทนไทค่อนข้างเครียด ใบหน้าคมคล้ำซีดขาวด้วยความเป็นห่วงเธอ
“คุณเห็นหน้าของคนร้ายหรือเปล่า” ยะห์ซินเอ่ยถาม
“ตอนแรกฉันก็ไม่เห็นหน้าเขาหรอก เห็นแค่นัยน์ตาของเขาเท่านั้น” พันไมล์เว้นระยะ ก่อนจะชี้นิ้วไปยังคู่แค้นที่ยืนทื่อเป็นเสาหิน แล้วก็สาธยายว่า
“เขาใช้ผ้าปิดบังใบหน้าเหมือนนายคนนี้ แต่ช่วงที่ต่อสู้กันผ้าผืนนั้นก็หลุดออก ที่ตรงนั้นมันค่อนข้างมืด และทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นเร็วมาก...”
“ตกลงเห็นหรือไม่เห็น” แทนไทถามแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงคล้ายจะหมดความอดทน เพราะเขารู้จักนิสัยของพันไมล์เป็นอย่างดี และรู้ด้วยว่าตอนนี้น้องสาวของเขากำลังแกล้งป่วนประสาทคนเล่น
"ไม่เห็น" เธอตอบน้ำเสียงใสซื่อ
"ไม่เห็นหน้าหรือว่าเห็นหน้าไม่ชัดกันแน่พาย" แทนไทถามย้ำขึ้นอีกครั้ง
"พายบอกพี่แทนไปแล้วไงว่าที่ตรงนั้นมันมืด พายก็เลยเห็นหน้าเขาไม่ชัด พอใจหรือยัง" พันไมล์กระแทกเสียงตอบ นึกขุ่นใจพี่ชายที่มาคาดคั้นเธอ
ตอนแรกกะจะตอบกำกวมให้คนพวกนี้ปวดหัวเล่น แต่พี่ชายตัวดีดันรู้ทันซะนี่ คิดอีกทีกวนประสาทพวกนั้นไปก็คงไม่ได้ผลอะไร ดูเหมือนว่าต่อมอารมณ์นายเสาหินจะเสื่อม เพราะดูเย็นชา ไร้อารมณ์ และความรู้สึก
"แล้วนี่ท่านชีคของพวกนายหายไปไหน" แทนไทเอ่ยถาม เมื่อมองไปรอบๆ แต่กลับไม่พบชีคหนุ่มอยู่ในบริเวณนั้น
ทหารทุกคนต่างก็พร้อมใจกันจ้องมองไปยัง ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนปะปนอยู่กับพวกเขา รวมทั้งพันไมล์ด้วย
"เราอยู่นี่แทนไท" ชีคอัมรานเดินมาหยุดยืนตรงหน้าสองพี่น้อง
พันไมล์เห็นศัตรูเดินเข้ามาแนะนำตัว ก็อ้าปากค้าง ยืนนิ่งเป็นหินไปอีกคน
เมื่อแทนไททราบว่าชายหนุ่มที่มีผ้าปกคลุมใบหน้านั้นคือชีคอัมราน เขาก็ทำความเคารพตามแบบของบารัซ โดยไม่ลืมกดหัวน้องสาวให้ทำตามอย่างคนรู้มารยาท เพราะถึงแม้ว่าเขาสองคนจะสนิทกันขนาดตายแทนกันได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ แทนไทก็ยังคงให้เกียรติเพื่อนในฐานะผู้นำบารัซ
ทันทีที่ผู้นำเผ่าบารัซเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเธอและพี่ชาย หญิงสาวก็ประจักษ์ได้ถึงรอยแตกยับบนใบหน้า คำว่าหน้าแตกยับเยินเป็นอย่างไร พันไมล์เพิ่งได้ลิ้มรสชาติก็วันนี้เอง
เธอสบประกายตาคมกล้าเหนือผ้าคลุมหน้าสีดำนั้น ดวงตาคู่นั้นวาววับดำสนิทราวกับนิลเนื้อดี แต่มันดูเย็นชาแฝงแววยโสปนเย้ยหยัน ไม่ยี่หระต่อสิ่งรอบกาย ทำให้เธอยิ่งเจ็บใจ เพราะรู้ว่าเขาเจตนาแกล้งเธอตั้งแต่แรก แต่ในเมื่อเขาเป็นถึงชีคและเป็นเพื่อนพี่ชาย เธอจำต้องกลืนก้อนเจ็บใจลงท้องไป
"ท่านชีคครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นการเข้าใจผิดกันนะครับ ผมยืนยันได้ว่าพายไม่ใช่คนแบบนั้น น้องสาวของผมไม่เคยขโมยของใคร"
พันไมล์รีบพยักหน้า ก่อนจะหลบสายตาคมกริบดุดันนั้น แต่ปากยังไม่วายพูดว่า "ใช่แล้วค่ะ แค่เรื่องเข้าใจผิดกัน"
จากนั้นก็หันไปแอบบ่นพึมพำเบาๆ “ขโมยที่ไหนจะมายืนรอให้จับ บ้าไปแล้ว” ก่อนจะหันกลับมาพูดกับแทนไท
“พายเห็นสร้อยเส้นนี้สวยแปลกตาดี ก็เลยหยิบมาลองทาบดู แต่แล้วจู่ๆ พายก็รู้สึกมึนงง พอทหารมาล้อมพายไว้ สร้อยมันก็สวมอยู่บนข้อมือพายแล้วค่ะ“ พันไมล์ย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง แขนเรียวยกขึ้นเพื่อยืนยัน
“พายไม่ได้คิดที่จะยึดมันไว้เป็นสมบัติส่วนตัวหรอกนะคะ แต่คนของเพื่อนพี่แทนทำซะเป็นเรื่องราวใหญ่โต พายจะถอดสร้อยเส้นนี้คืนให้เขา จะได้หมดปัญหาคาใจกันซะที”
พันไมล์พูดพร้อมกับพยายามถอดสร้อยเส้นนั้นออก
“แย่ละ ทำไมมันถอดไม่ออก พี่แทนช่วยถอดให้พายหน่อยสิ” เธอร้องบอกน้ำเสียงร้อนใจ แทนไทรีบเข้ามาช่วยน้องสาว แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรมันก็ยังถอดไม่ออกอยู่ดี
"แปลกจริง" แทนไทก้มมองสร้อยข้อมือของพันไมล์ "ถอดไม่ออกจริงๆ นั่นแหละ"
ยะห์ซินและเหล่าทหารคนสนิทตรงเข้ามาช่วย แต่สร้อยเส้นนั้นกลับมีพลังมหาศาล ไม่มีใครสามารถถอดได้ หลังจากทุกคนช่วยกันทุกวิถีทางจนข้อมือขาวผ่องแดงก่ำ และเกิดรอยช้ำขึ้นมาทันตาเห็น แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถถอดสร้อยเส้นนั้นได้อยู่ดี
