ตอนที่ 2 ทำความรู้จัก
ตอนที่ 2
ทำความรู้จัก
กั๋วซุนยืนมองผู้หญิงในชุดลำลองสีเทากำลังรูดคีย์การ์ดเข้าห้องด้วยสีหน้าที่เดายากว่าโกรธ งง หรือแค่หงุดหงิด เขายิ้มบาง ๆ เมื่อเธอหลุดพึมพำสบถคำหยาบ แม้จะไม่ดังมากแต่เขากลับได้ยินชัดแจ๋ว
ทั้งที่เดิมทีแล้วเขาแค่ตั้งใจมาพักใจแบบเงียบ ๆ หลังโดนแฟนบอกเลิกเพราะเขาเซ็กส์จัดมากเกินไป และคำพูดสุดท้ายของแฟนเก่ายังคงวนเวียนอยู่ในหัว
‘กั๋วซุน! ฉันรับไม่ไหวหรอกนะ นายจะเอาเช้ากลางวันเย็นมันไม่ได้! ถ้าเซ็กส์จัดขนาดนี้ก็ไปซื้อกินเอาเหอะ!’
เขาไม่เคยคิดมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ความสัมพันธ์ที่พังลงทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาเรื่องนี้หรือเปล่า
ชายหนุ่มหมกตัวอยู่บ้านเงียบไปหลายวัน ไม่ว่ายังไงก็ไม่เลิกฟุ้งซ่านจึงเลือกที่จะจองตั๋วเครื่องบินด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แล้วก็มาโผล่ที่นี่
และดูเหมือนโชคชะตาจะพาให้พวกเขามาพบกัน เขาเจอเยลลี่ครั้งแรกที่สนามบิน ผู้หญิงที่ดูเหมือนคนที่ร้องไห้ให้ทั้งโลก แต่ที่แปลกก็เห็นจะเป็น แม้ว่าเธอจะตาแดง หน้าโทรม แต่กลับสวยแบบที่สะกิดความสนใจของเขาได้ทันที
และได้มาเจอเธออีกครั้งที่ล็อบบี้โรงแรม ตอนแรกก็คิดว่าแค่โชคดีที่ได้รู้ว่าพักที่โรงแรมเดียวกัน แต่นี่มันเกินคำว่าโชคดีไปหลายขุม! ในตอนที่เธอรับพาสปอร์ตไปแบบไม่มองหน้าก็เผลอคิดว่าผู้หญิงคนนี้หยิ่งจัด แต่พอเห็นแบบนี้แล้วก็ดูเป็นคนที่น่าค้นหาคนหนึ่ง
เขาสะบัดหัวนิด ๆ ไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป ก่อนจะลากกระเป๋าเข้าไปในห้องเงียบ ๆ เป็นครั้งแรกที่เขาเลือกจองโรงแรมแบบมีพาร์ทเนอร์เป็นคนแปลกหน้า ในตอนแรกก็คิดว่าอาจจะเป็นตาลุงพุงพุ้ยแต่ผิดคาด.. พาร์ทเนอร์ร่วมห้องกลับเป็นสาวสวยคนไทยที่ทำให้หัวใจเต้นตึกตักเสียนี่
หลังจากที่ทั้งคู่หลบกันคนละมุมเตียงใครเตียงมัน เยลลี่ก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยจึงเลือกที่จะลากสังขารที่ไม่เอื้ออำนวยนั้นออกไปจากห้องเสียหน่อย เธอจัดกระเป๋าเสร็จ รีบเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนชุดแบบลวก ๆ แล้วรีบออกจากห้องไปไม่แม้แต่ที่คิดจะแต่งหน้าเลยด้วยซ้ำ
ถึงจะบอกว่าตนเองไม่สนใจอะไรผู้ชายในห้อง แต่นั่นมันก็แค่คำพูดที่สวยหรูเท่านั้น
‘ใครมันจะไม่สนใจไหว ผู้ชายอะไรหล่อชะมัด’
เธอสะบัดความคิดฟุ้งซ่านแล้วรีบออกจากที่นี่ให้ไวที่สุด รองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตาเหยียบพื้นปูกระเบื้องของโรงแรม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงทรายใต้เท้าริมชายหาด
เธอแหงนหน้ามองท้องฟ้า ใช้มือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนสีซีด ปล่อยให้ลมแรงพัดปอยผมปลิวออกจากหูช้า ๆ
ทางด้านกั๋วซุนนั้น หลังจากที่เธอเปิดประตูห้องออกไปไม่ถึงห้านาที เขาก็จัดการเข้าไปอาบน้ำพร้อมสวมเสื้อยืดตัวหลวม กางเกงลำลอง รองเท้าผ้าใบ ไม่ใช่เพราะอยากออกมาเดินเล่น แต่แค่อยากออกมาหายใจ
“หรือว่าเธอจะไม่พอใจที่พาร์ทเนอร์เป็นผู้ชายหรือเปล่าวะ” เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แต่ก็แค่ไม่กี่วินาที
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เดินมาเรื่อย ๆ ตามแสงไฟถนนยามเย็น เขาชะเง้อมองร้านอาหารริมชายหาดที่มีไฟประดับสวยงาม แต่ก็แน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งจีนทั้งต่างชาติ ในขณะที่เขากำลังจะหมุนตัวกลับไปซื้ออาหารในร้านสะดวกซื้อนั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างของหญิงสาวที่คุ้นตา
เยลลี่ยืนอยู่หน้าทางเข้าร้านเหมือนกำลังต่อแถว หรือไม่ก็หาโต๊ะ เธอดูเหมือนว่าจะเดินหลบไปอีกทางแต่พนักงานของร้านก็เรียกไว้เสียก่อน
“มาคนเดียวเหรอคะคุณลูกค้า” เยลลี่พยักหน้า
“ตอนนี้โต๊ะเต็มหมดแล้วค่ะ เหลือแค่แชร์โต๊ะกับท่านอื่นนะคะ สนใจไหม”
“หรือไม่ก็รออีกประมาณ 40 นาทีค่ะ” เธอพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด แล้วพยักหน้าแบบจำใจ แต่ก่อนที่พนักงานจะพาเธอเดินไปจับคู่กับโต๊ะไหนซักโต๊ะ ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในร้านก็เอ่ยขึ้น
“ผมแชร์โต๊ะได้นะครับ” เสียงของกั๋วซุนเรียกให้ทั้งพนักงานและเยลลี่หันขวับมามองเป็นตาเดียว ก่อนที่เขาจะยื่นมือถือไปให้พนักงานที่แสดงให้เห็นว่ามีการจองเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว
ถึงแม้ว่าจะจองเอาไว้แล้วก็เถอะ แต่พอเห็นคนเยอะขนาดนี้ก็แทบอยากจะปล่อยทิ้งไปทั้งอย่างนั้น แต่ก็โชคดีที่เห็นเธอก่อน ทำให้รู้สึกอยากอาหารขึ้นมาเยอะเลยทีเดียว
“เยี่ยมเลยค่ะ เชิญทางนี้นะคะ” เยลลี่ไม่มีทางเลือกสักเท่าไหร่ เธอเดินตามพนักงานไปนั่งโต๊ะริมทะเลทันที สายลมพัดเล็กน้อยสลับรุนแรงไปตามจังหวะ พร้อมกับกั๋วซุนที่เดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาแชร์พื้นที่ชีวิตคุณบ่อยขนาดนี้นะครับ ผมกลัวว่าคุณจะเข้าใจผิด”
“อืม.. รู้แล้ว” เธอเปิดหน้าเมนูอาหารไปพลางคุยกับเขาไปพลาง
“เพราะฉันก็ไม่ได้อยากจะเจอคุณซ้ำ ๆ เหมือนกัน ฉันคงอึดอัดแย่ หากจู่ ๆ ก็รู้ว่าคุณกำลังตามสะกดรอยฉัน จริงไหม”
