บท
ตั้งค่า

บทที่7 พรสวรรค์การรักษา

เซี่ยจื่ออี้สั่งให้น้องสาวไปตามท่านหมอหลิวหมอประจำหมู่บ้านมา ส่วนตนเองทำความสะอาดร่างกายของมารดาเพื่อดูบาดแผล เหล้าฤทธิ์แรงหลายไหถูกชาวบ้านยกมาส่งให้นาง ผ้าสะอาดภายในเรือนถูกใช้ห้ามเลือดไปจดหมด

ทุกคนต่างเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อรอดูว่าวันนี้หลี่หลันฮวาจะมีชีวิตรอดหรือไม่ หลายคนเป็นกังวลแทนลูกๆ ทั้งสามของนางเพราะบ้านรองไร้พึ่งอื่นใดอีกแล้วแม้แต่บิดาผู้ให้กำเนิดก็ตามที อีกทั้งร่างกายของพวกเขาต่างก็มีใครสมประกอบเลยสักคน หากขาดเสาหลักอย่างหลี่หลันฮวาไปเด็กทั้งสามอาจเอาชีวิตรอดต่อไปได้ยาก

ทว่าแม้ชาวบ้านจะแสดงความใส่ใจ แต่คนตระกูลเซี่ยหรือแม้แต่สามีของนางกลับไม่มีใครไยดีสอบถามหรือแสดงความเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของนางแม้สักนิด การกระทำของพวกเขาช่างทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกรังเกียจยิ่งนัก

เมื่อเซี่ยชิงหลีเปิดดูบาดแผลของมารดา พบว่ามันไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เห็นภายนอกจึงได้เบาใจลง

“พี่ใหญ่ท่านหมอมาแล้ว!!”

เซี่ยชิงเป่าลากหมอชราให้รีบวิ่งตามตนเองมา เมื่อทั้งสองหยุดลงที่หน้าเรือนตระกูลเซี่ยเด็กน้อยก็รีบอ้าปากสูดลมหายใจเข้าปอด เสียงหอบแฮกของนางไม่ต่างจากท่านหมอหลิว

“เจ้าหนูคิดจะฆ่าข้าเรอะ! เจ้าไม่ดูบ้างว่าชายแก่อย่างข้าอายุเท่าใดแล้ว”

หมอชราดุเด็กน้อยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก เขาเห็นเด็กคนนี้เติบโตมาตั้งแต่ยังเล็ก แม้จะปากกล้าไปสักหน่อยทว่ากลับมีความกตัญญูต่อมารดายิ่งกว่าผู้ใด

“เป่าเอ๋อขออภัยเจ้าค่ะ ข้าแค่กังวลว่าท่านแม่จะรอไม่ไหว”

“เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว นำทางข้าไปดูอาการแม่ของเจ้า”

สองคนต่างวัยเดินตามกันเข้าไปภายในเรือน จางซุนโหรวเมื่อเห็นเซี่ยชิงเป่าพาหมอหลิวมานางก็รีบกระโดดเข้าขวางทางทันที จะปล่อยเข้าไปได้อย่างไร จุดประสงค์ของนางคือต้องการให้หลี่หลันฮวาตาย

“หยุดก่อน! หมอหลิว! ท่านรู้หรือไม่ต่อให้ท่านรักษาอาการบาดเจ็บให้กับสะใภ้รอง พวกเขาก็ไม่เงินจ่ายค่ารักษาหรอกนะ บ้านเซี่ยของข้าก็ไม่ยินดีจ่ายเงินเพื่อรักษานางเช่นกัน”

หมอชราขมวดคิ้วให้กับความคิดอันน่ารังเกียจของนาง และยังคิดจะรักษาให้กับมารดาของเด็กน้อยตรงหน้าตามเดิม

เมื่อเห็นว่าการพูดคุยล้มเหลวจางซุนโหรวจึงใช้แผนใหม่ นางรีบวิ่งไปคว้าไม้ที่วางอยู่ไม่ไกลมาเป็นอาวุธเพื่อขวางทางหมอหลิวไม่ให้เข้าไปได้

“หลีกไปซะ!สะใภ้ใหญ่บ้านเซี่ย เจ้ากำลังขัดขวางการรักษาของข้า”

หมอชราแซ่หลิวแสดงสีหน้าเอือมระอาออกมา แม้ผู้เฒ่าจะอยู่มานานหลายทศวรรษแต่ไม่เคยเห็นสตรีใดชั่วร้ายเช่นหญิงผู้นี้

“ข้าบอกแล้วว่าห้ามรักษานาง ที่นี่คือตระกูลเซี่ยจะเข้าออกตามอำเภอใจได้อย่างไร หมอหลิวท่านกลับไปซะ!”

ในระหว่างที่สองฝ่ายกำลังถกเถียงกัน ใครคนหนึ่งก็เดินมาจากด้านหลัง ชักเท้าถีบจางซุนโหรวเข้าเต็มแรง

“โอ๊ย!! ใครบังอาจลอบทำร้ายข้า”

เป็นอาเหิงที่ถูกสั่งให้มาดูว่าเหตุใดท่านหมอหลิวยังไม่มาเสียที เมื่อพบว่าจางซุนโหรวกำลังขวางทางตน จึงได้ถีบนางออกไป

“พี่ภรรยาสั่งให้อาเหิงมาตามท่านหมอ”

ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานให้ชายชรา ท่าทางของเขาแม้จะเหมือนเด็กน้อยทว่ากลับทำตามคำสั่งไม่มีบกพร่อง ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกอารมณ์ดี

“ดี ดี...เด็กดี”

หมอหลิวเอ่ยชมชายหนุ่มอย่างเอ็นดู

“พวกเจ้า!!”

จางซุนโหรวมองคาดโทษชายหนุ่มพลางสบถในลำคอ

คนทั้งสามเดินตามกันเข้าไปจนถึงด้านหลังเรือนหลัก เมื่อหมอหลิวพบว่าบ้านรองพวกเขาอาศัยอยู่ในกระท่อมที่ทำจากฟาง หมอชราจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเวทนาออกมา

“พวกเจ้าทุกคนรออยู่ด้านนอกก่อน”

เมื่อสั่งความเสร็จหมอหลิวก็สะพายล่วมยาเดินเข้าไปด้านใน

เซี่ยชิงหลีบัดนี้ทำความสะอาดบาดแผลเรียบร้อยแล้ว หน้าท้องของมารดามีร่องรอยฟกช้ำ สะโพกของนางมีบาดแผลทว่าไม่ลึกมากนักแต่ต้องได้รับการเย็บเพื่อให้แผลหายเร็ว ส่วนขาของนางตรวจดูแล้วไม่มีส่วนใดแตกหักเพียงแต่มีรอยกรีดเป็นทางยาวและจำเป็นต้องเย็บแผลเช่นเดียวกัน

ยุคนี้ยังไม่มีการเย็บบาดแผลเพื่อรักษา ตัวนางเองก็ไม่มีอุปกรณ์จำต้องรักษาเท่าที่สามารถทำได้ไปก่อน

“เจ้าเป็นคนทำทั้งหมดนี่หรือ”

เมื่อเห็นว่าบาดแผลของหลี่หลันฮวาถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว หมอชราก็มีท่าทีพอใจไม่น้อย

“เป็นข้าเองเจ้าค่ะ”

“นี่! เจ้า!...นางหนูเจ้าพูดได้ตั้งแต่เมื่อใด”

ใครบ้างไม่รู้ว่าเซี่ยชิงหลีเป็นใบ้ เมื่อได้ยินเสียงของนางหมอชราตกใจจนหาเสียงตนเองไม่เจอ

“ท่านหมอเรื่องนี้เอาไว้ข้าจะอธิบายทีหลัง ขอข้าดูล่วมยาของท่านได้หรือไม่”

“นี่! เจ้าก็รักษาคนได้ด้วยหรือ”

“ก็ประมาณนั้นเจ้าค่ะ”

หญิงสาวจัดการทำแผลให้มารดาอย่างคล่องแคล่ว หลังจากใส่ยาและพันแผลของนางเสร็จแล้วจึงได้มีโอกาสหันมาพูดกับหมอชรา

“ความจริงหลายปีมานี้ข้าได้รับการรักษาจากหมอพเนจรท่านหนึ่ง ท่านรับข้าเป็นลูกศิษย์และสอนการรักษาให้แก่ข้า แต่เรื่องที่ข้าพูดได้อยากจะขอให้ท่านหมอเก็บเป็นความลับได้หรือไม่”

หมอชราไม่รู้เหตุผลที่เด็กสาวตรงหน้าต้องการเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่างไรทุกคนก็มักมีเรื่องที่ลำบากใจไม่สามารถพูดออกมาได้สักหนึ่งหรือสองเรื่อง อีกอย่างตนเป็นคนนอกไม่สะดวกยุ่งเรื่องของผู้อื่น

“ข้ารับปาก แต่ขอข้าพูดกับเจ้าเรื่องหนึ่ง เด็กน้อย...เจ้ารู้เรื่องการรักษามากน้อยเพียงใด”

ชายชรามองเด็กสาวตรงหน้าอย่างพินิจ

“อืม....ข้าเองก็ไม่แน่ใจเจ้าค่ะ เพราะยังไม่เคยลงมือรักษาใครอย่างจริงจัง ท่านแม่เป็นคนแรกที่ข้าทำแผลให้ แต่เรื่องสมุนไพรและฝังเข็มข้าพอรู้บ้างเล็กน้อย”

หญิงสาวเอ่ยอย่างถ่อมตน

ความจริงแล้วเซี่ยชิงหลีไม่ต้องการเปิดเผยฝีมือของตนมากนัก รอให้ออกจากตระกูลเซี่ยเรียบร้อยแล้วนางถึงจะสามารถทำอะไรได้สะดวก ไม่อย่างนั้นพวกเหลือบไรทั้งหลายคงตามติดไม่หยุด

หมอชราลูบเคราขาวอย่างครุ่นคิด ในเมื่อนางไม่ต้องการเปิดเผยฝีมือเช่นนั้นตนก็ไม่อยากเซ้าซี้ เพราะเรื่องพรสวรรค์ไม่ใช่ทุกคนจะมีได้

“ท่านหมอ เรื่องค่ารักษา...”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องเงินนางก็มีท่าทีอึดอัดขึ้นมา บ้านของนางไหนเลยจะมีเงินเป็นของตนเอง หลายปีมานี้หน้าที่ของมารดามีเพียงรับใช้พวกเขา

แค่อาหารยังไม่สามารถทานให้อิ่มท้อง อีกอย่างนางพึ่งมาที่นี่ได้เพียงสองวันก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว จึงยังไม่มีเวลาทำงานหาเงิน

เมื่อเห็นท่าทีของเด็กสาวเป็นเช่นนั้นหมอชราก็เข้าใจได้ทันที

“ไม่เป็นไรเอาไว้เจ้ามีเมื่อใดค่อยนำมาให้ข้า วันนี้ข้าเองก็มิได้ลงมือรักษาท่านแม่ของเจ้า จากนี้เจ้าให้ข้าสองตำลึงค่ายาสมุนไพรก็พอแล้ว”

“ขอบคุณท่านหมอมากเจ้าค่ะ แต่เมื่อท่านมาที่นี่แล้วข้าคงให้ท่านกลับไปมือเปล่าไม่ได้”

เซี่ยชิงหลียิ้มกว้างทันที นางวิ่งไปหยิบตะกร้าไม้ไผ่ส่งให้หมอชรา

“นี่คืออะไร”

“ท่านรับไปเถอะไม่ใช่อะไรที่ล้ำค่าขนาดนั้น แต่ข้าอยากให้ท่านนำกลับเรือนไปด้วย”

หญิงสาวคะยั้นคะยอให้ท่านหมอหลิวรับตะกร้าไม้ไผ่ในมือของตน ชาวบ้านที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเมื่อรู้ว่าหลี่หลันฮวาพ้นขีดอันตรายแล้วจึงวางใจแยกย้ายกลับเรือนของตน

“ท่านปู่หมอ เป่าเอ๋อไปส่งท่าน”

เด็กน้อยเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อคิดว่าอาการของมารดาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

ภายหลังเมื่อภรรยาของท่านหมอหลิวเปิดตะกร้า พบว่าด้านในมีผักป่าและไก่ป่าสามตัว ไม่คิดว่าเด็กสาวจะมีน้ำใจเพียงนี้ หมอหลิวคิดนำกลับไปคืนแต่มาคิดดูอีกที เด็กสาวผู้นั้นรู้อยู่แล้วแต่ก็ยังให้ตนมา หมายความว่าต่อให้เอากลับไปคืนเด็กคนนั้นก็คงไม่รับกลับ

“ตาเฒ่าจะให้ข้าทำอย่างไรกับสิ่งของเหล่านี้”

หญิงชราถามสามีด้วยสีหน้าเป็นกังวล นางเองก็รู้ว่าเด็กๆ เหล่านั้นมีชีวิตที่ลำบากเพียงใด แต่ก็ยังแสดงน้ำใจต่อพวกเขา

“เจ้าต้มน้ำแกงเถอะ ถือเสียว่าเป็นน้ำใจของเด็กบ้านรองสกุลเซี่ย”

ความจริงที่เซี่ยชิงหลีให้ไก่ป่ากับท่านหมอหลิวเพราะวันนี้นางคิดจะจัดการกับไก่ในเล้าทั้งหมดของแม่เฒ่าหวังนั่นเอง

“อาเหิง วันนี้เจ้าอยากกินไก่ย่างตัวใหญ่หรือไม่”

“อาเหิงอยากกิน ภรรยาจะฆ่าไก่อีกแล้วหรือ อาเหิงช่วยจับ”

ท่าทางของชายหนุ่มดูมีความสุขเมื่อได้รู้ว่าตนเองจะได้ทานเนื้อ วันนี้หญิงสาวแลกเกลือกับข้าวขาวมาแล้ว จากนี้ต้มโจ๊กต้มน้ำแกงไก่เพื่อบำรุงร่างกายของมารดา ส่วนคนสารเลวเหล่านั้นเอาไว้นางคิดบัญชีทีหลัง

“หลีเอ๋อทำแบบนี้ดีแล้วจริงๆ หรือ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel