ลิขิตสวรรค์ (2)
แม้แต่อาภรณ์ยังสวมใส่ชุดที่ดูประณีตบรรจง เป็นชุดฮั่นฝูสีม่วงอ่อนซึ่งทำจากผ้าไหมเนื้อดีที่มองปราดเดียวก็รู้ว่ามีราคาแพงมาก ยิ่งเพิ่มความเสน่ห์หาและมีค่าควรจับจองเป็นเจ้าของยิ่งขึ้นไปอีก
ยามแสงจันทร์ส่องกระทบเข้ากับร่างบาง สะท้อนผิวขาวเนียนน่าสัมผัส ดวงตาดำขลับซ่อนความซุกซนขี้เล่นไว้หลายส่วน ทำผู้ได้ยลโฉมถึงกำลังอ่อนระทวย ยอมแพ้ให้กับความงามและหยุดมองแม่นางคนนี้ด้วยความปรารถนาลึกซึ้ง
ไป่เซียงหวินรู้สึกว่าใจของตัวเองเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม คราแรกนางไม่คิดว่าจะมีบุรุษรอรับโคมลอยของนางมากขนาดนี้ แม้ลี่เหลียนจะพร่ำบอกเสมอว่านางมีใบหน้าที่งดงามเกินสตรีใด หากแต่ไป่เซียงหวินก็หาได้ปักใจเชื่อเสียทั้งหมด
หากงามจริง เหตุใดถึงยังโดนนอกใจได้เล่า
แต่เห็นทีคืนนี้ สิ่งที่สาวใช้จอมจู้จี้เคยบอก คงจะไม่ใช่เรื่องโป้ปดเสียแล้วกระมัง
“สตรีผู้นั้นเป็นบุตรสาวบ้านไหนกัน ไยงดงามปานนี้”
“ไม่อยากเชื่อว่านางยังไร้คู่หมาย หากก่อนหน้านี้ข้าได้พบนาง คงรีบเร่งส่งแม่สื่อไปทาบทามในทันที”
“แม่นาง! ข้าคือท่านชายตระกูลหลิว หากเจ้าอยากสุขสบายก็จงเลือกข้าให้เป็นสามีของเจ้าเถิด”
ไป่เซียงหวินก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย ตั้งแต่เกิดมานางมิเคยยืนอยู่ท่ามกลางบุรุษมากมายเช่นนี้ กระทั่งถูกเกี้ยวพาจนแก้มทั้งสองเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ ท่าทางน่ารักราวกระต่ายน้อยของไป่เซียงหวินทำใจบุรุษที่เฝ้ามองสั่นไหวไปตามๆ กัน
ขณะนางเริ่มยกโคมในมือขึ้นและเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ เสียงโดยรอบบริเวณก็เริ่มเงียบลง เหล่าบุรุษตั้งท่าเตรียมจะกระโจนเข้าใส่ทันทีที่หญิงสาวปล่อยโคมลอย
แต่แล้วกลับมีเสียงม้าควบเข้ามาใกล้ พร้อมร่างสูงใหญ่ของจางฮุ่ยเหอกระโจนลงมาจากหลังม้าอย่างเร็ว ชายหนุ่มรีบวิ่งขึ้นมาบนแท่นพิธีก่อนกระชากแขนของไป่เซียงหวินด้วยอารมณ์โกรธอย่างถึงที่สุด
“เจ้าทำอะไร! อยากถอนหมั้นกับข้าถึงขนาดยอมทำเช่นนี้เชียวหรือ คิดถึงหน้าข้าบ้างหรือไม่”
ไป่เซียงหวินรีบสะบัดมือของตนออก “แล้วท่านเล่า เคยคิดถึงหน้า...คิดถึงใจข้าบ้างหรือไม่ ท่านนอกใจข้า ผิดสัญญากับพ่อข้า โกหกข้า ทั้งยังเอาเรื่องของข้าไปนินทาสนุกปากกับหญิงที่ท่านไปร่วมหลับนอนด้วย นี่คือสิ่งที่ชายชาติทหารเช่นท่านพึงกระทำอย่างนั้นหรือ”
จางฮุ่ยเหอนิ่งงันไปทันที ตอนแรกจางฮุ่ยเหอคิดว่าตนคงตาฝาดและคิดมากไปเอง อย่างไรเสียไป่เซียงหวินก็คงไม่กล้าลักลอบเข้าไปยังหอคณิกาเหลียงซีเหยียน เพราะถึงภายนอกไป่เซียงหวินจะแสดงออกถึงความใจกล้าแต่ภายในกับเปราะบางไม่น้อย นางหวาดกลัวการอยู่คนเดียว กลัวที่มืด กลัวที่แคบ และรังเกียจสถานเสพสมของบุรุษเป็นที่สุด
เมื่อได้รู้ว่านางเห็นเขากับม่านฟางหรงมีความสัมพันธ์กัน จางฮุ่ยเหอก็ได้แต่ยืนตรึงอยู่กับที่ พลางเหลือบมองไป่เซียงหวินด้วยความตื่นตะลึง
“ข้าจะบอกท่านไว้เลยนะ ท่านมิใช่ชายที่สมบูรณ์แบบเพียงคนเดียวที่ข้าจำต้องยอมท่านไปเสียทุกอย่าง ใต้หล้ากว้างใหญ่ มีบุรุษอีกมากที่พร้อมจะดูแลข้า”
กล่าวจบ โคมลอยก็ถูกปล่อยขึ้นสู้ท้องฟ้า ทว่าจางฮุ่ยเหอกลับไม่ยอมให้เรื่องทั้งหมดเป็นไปอย่างที่หญิงสาวต้องการอย่างแน่นอน เขาไม่ยอมทิ้งลาภยศและเงินทองที่กองอยู่ตรงหน้าอย่างเด็ดขาด
มือใหญ่เอื้อมไปผลักไหล่ของไป่เซียงหวิน ทำนางสะดุ้งตกใจ และแทนที่นางจะค่อยๆ ปล่อยโคมไปยังฝูงชนเบื้องหน้า กับกลายเป็นโยนขึ้นสูงไปบนฟ้าเสียอย่างนั้น
เหล่าบุรุษส่งเสียงโอดครวญ ไป่เซียงหวินยืนนิ่งอ้าปากค้าง ต่างจากจางฮุ่ยเหอที่ยืนยิ้ม หัวเราะเสียงต่ำอยู่ในลำคอ
แม้ว่าความปรารถนาแรกของไป่เซียงหวินจะคือการถอนหมั้น เพราะหากแม้จะไม่มีผู้ใดสนใจเก็บโคมของนาง ไป่เซียงหวินก็เพียงแค่ทำทีเป็นปล่อยโคมให้สูงขึ้นเพื่อแสดงความเคารพบูชาต่อทวยเทพเพียงเท่านั้น ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นวิธีที่หญิงสาวทั่วไปกระทำกัน หลังจากเห็นท่าทีปฏิเสธจากฝ่ายชายและในงานก็ไม่มีผู้ใดที่หญิงสาวปรารถนา
เรียกว่าทำเพื่อแก้เขินไปก่อนนั่นเอง
ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นโคมของตนลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ไป่เซียงหวินก็รู้สึกอับอายและเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อได้รับความสนใจจากบรรดาบุรุษ หัวใจที่อ่อนแรงของนางก็เริ่มรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง
แต่แล้วทุกอย่างกลับพังทลายลงเสียอย่างนั้น
“ข้าจะถือว่าเรื่องในคืนนี้ไม่เคยเกิดขึ้น เจ้าเองก็หยุดคิดอะไรไร้สาระเช่นนี้ได้แล้ว เพราะไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีวันถอนหมั้นเด็ดขาด”
ไป่เซียงหวินถูกฉุดกระชากให้ลงจากแท่นพิธี นางพยายามดิ้นรนขัดขืน ร้องตะโกนบอกให้จางฮุ่ยเหอปล่อยนาง แต่ยิ่งนางออกแรงต้าน ก็ยิ่งถูกกระชากแรงขึ้นไปอีก
ลี่เหลียนรีบเข้ามาขอร้องให้จางฮุ่ยเหอช่วยเบาแรงกับคุณหนูของตน ทว่านอกจากจางฮุ่ยเหอจะไม่ฟังแล้ว เขายังเงื้อมือตบเข้าที่ใบหน้าของลี่เหลียนเต็มแรง “เจ้าเป็นบ่าวประสาอะไร! ทำไมไม่รู้จักห้ามปรามนาง ไว้กลับถึงจวนเมื่อใด ข้าจะบอกท่านเจ้าเมืองสั่งโบยเจ้า!”
ไป่เซียงหวินตื่นตกใจกับการกระทำของจางฮุ่ยเหอ จริงอยู่ที่เขาค่อนข้างเย็นชาและไม่สนใจนาง แต่ก็ไม่เคยเห็นเขามีอารมณ์เดือดดาลถึงเพียงนี้มาก่อน ถึงขั้นตบหน้าสาวใช้คนสนิทของนาง ชายผู้นี้...น่ากลัวเกินไปแล้ว
จางฮุยเหอลากไป่เซียงหวินมาที่ม้าของตน พยายามจะรวบตัวนางขึ้นอุ้ม ทว่านางกลับไม่ยอมและออกแรงขัดขืนอีกครั้ง
จางฮุ่ยเหอเริ่มส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ ขณะเดียวกันก็ออกแรงบีบแขนของไป่เซียงหวินจนนางร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ก่อนเขาจะหรี่ตาพร้อมเค้นเสียงดุ “อย่าทำให้ข้าหมดความอดทน”
ร่างเล็กสั่นสะท้านด้วยความกลัว ดวงตาแดงก่ำจวนเจียนจะร้องไห้ออกมาเต็มที แต่แล้วกลับมีเสียงเรียกหนึ่งดังขึ้น นุ่มลึกหากแต่แฝงด้วยอำนาจบารมี บุรุษแปลกหน้าท่าทีงามสง่าเดินตรงเข้ามาหาคนทั้งสองพร้อมยกโคมในมือของตนขึ้นมา
“โคมลอยนี้เป็นของแม่นางใช่หรือไม่”
