บทที่ 5 งานเลี้ยง
ผ่านมาร่วมหลายวัน วังหลวงก็จัดงานเลี้ยงชมบุปผาขึ้น งานเลี้ยงครั้งนี้เหล่าคุณหนูจากตระกูลใหญ่ต่างตั้งตารอคอยที่จะได้เข้าร่วม พวกนางอยากจะมีอำนาจ มียศฐาบรรดาศักด์ แม้บางคนจะไม่หวังได้เป็นถึงฮองเฮามารดาของแผนดิน แต่ขอเพียงได้เป็นพระสนมที่ฝ่าบาททรงโปรดปราณก็นับว่าสุขสบายมากแล้ว
ได้ยินผู้คนเล่าลือกันว่าฮ่องเต้องค์ใหม่รูปงามเหนือสามัญ พวกนางที่เป็นเพียงสตรีน้อยในห้องหอยังไม่เคยเห็นพระพักตร์ของเขาเลยสักครา ครั้งนี้หากได้พบหน้ากัน ก็อยากจะยลโฉมของเขาให้มากหน่อย
งานเลี้ยงวันนี้จัดอย่างหรูหรางดงาม มีเหล่าคุณหนูจากจวนตระกูลสูงศักดิ์มากมายมาเข้าร่วม อวิ๋นไทเฮาและอดีตฮองเต้เมื่อได้เห็นสาวงามมากความสามารถก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก พวหเขาย่อมต้องช่วยบุตรชายคัดเลือกฮองเอาและสนมที่งามเพรียบพร้อม
ไม่นานนักอ๋าวเยว่ก็ปรากฏตัวในงานเลี้ยง ทันทีที่เขาปรากฏตัว เหล่าคุณหนูทุกคนก็ถึงกับตกตะลึงราวกับถูกถูกตรึงเอาไว้ไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้
ใบหน้าของเขาหล่อเหลาคมคาย แววตาฉายล้ำลึกชวนค้นหา ท่วงท่าดูองอาจสง่างามเหนือสามัญ
เหล่าสตรีน้อยต่างขวยเขินเอียงอายไม่กล้าสบตากับฮ่องเต้หนุ่มตรงๆ บางคนถึงกับวางแผนในใจว่าวันนี้จะต้องยั่วยวนเขา ให้เขามองแต่ตนเพียงคนเดียว บางคนก็วาดหวังว่าจะต้องได้ตำแหน่งฮองเฮามาครอบครอง ต่อให้ต้องใช้กลอุบายใดก็จะงัดออกมาใช้ให้หมด
แต่อ๋าวเยว่กลับไม่ได้สนใจสตรีเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มวาดตามองไปโดยรอบแต่กลับไม่พบคนที่เขาอยากเจอ
เจียงมู่ตาน นางไม่มาหรือ?
ในขณะที่เขากำลังคิดไม่ตก ก็เห็นแม่ทัพใหญ่เจียงเดินเข้ามาในงาน พร้อมกับเอ่ยขออภัยต่อเขาและเสด็จพ่อเสด็จแม่ อีกทั้งยังบอกอีกว่าบุตรสาวเพียงคนเดียวของตน นามว่าเจียงมู่ตานไม่อาจมาร่วมงานได้ เพราะเกิดล้มป่วยอย่างกระทันหัน อาจเพราะหลายวันมานึ้นางกินของเย็นมากไปจึงทำให้มีไข้และอาเจียนไม่หยุด
มีไข้หรือ?
คนอย่างนางน่ะหรือจะป่วยไข้?
อ๋าวเยว่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจและตอบแม่ทัพใหญ่เจียงไปว่าไม่เป็นอันใด ด้านอวิ๋นไทเฮาและอดีตฮ่องเต้ก็ไม่ได้เอ่ยตำหนิ อีกทั้งยังคิดในใจว่านางไม่มาก็ดีเหมือนกัน ชื่อเสียงของแม่นางเจียงไม่ใคร่จะดีเท่าใดนัก นางรักสนุก ชอบดื่มสุราเล่นการพนัน หากแต่งกับอ๋าวเยว่อาจจะทำให้เขาปวดหัวไม่หยุดไม่หย่อน
เมื่อมาแจ้งเรื่องที่บุตรสาวล้มป่วยเรียบร้อยแล้ว แม่ทัพใหญ่เจียงก็ขอตัวลากลับไปดูแลบุตรสาวตนที่จวน
เมื่อคนจากไปแล้วงานเลี้ยงก็ย่อมต้องดำเนินต่อไป แต่จนแล้วจนรอดอ๋าวเยว่กลับไม่ถูกใจสตรีใดสักคน อวิ๋นไทเฮาเองแม้จะไม่สบายใจแต่กลับไม่อยากเร่งรัดบุตรชาย เพราะนางรู้ดีว่านิสัยของอ๋าวเยว่เป็นเช่นไร
เหล่าสตรีน้อยต่างเสียดายจับใจที่ความงามของพวกนางไม่เข้าตาฮ่องเต้หนุ่ม แต่งานเลี้ยงไม่ได้มีครั้งเดียว รอได้พบกันครั้งหน้าเขาจะต้องถูกตาต้องใจพวกนางอย่างแน่นอน ครั้งนี้มาเพื่อพบหน้าฝากไมตรีกันก่อนก็ไม่ถือว่าเสียหายอันใด
หลังจากงานเลี้ยงจบลง อ๋าวเยว่ก็กลับมาที่ตำหนัก ในใจเอาแต่คิดถึงเจียงมู่ตาน
นางดื่มสุราต่างน้ำออกปานนั้น คนเช่นนี้น่ะหรือจะล้มป่วย
เขาเก็บความสงสัยนี้เอาไว้ในใจ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงกลางดึก เขาจึงเร้นกายออกจากวังหลวงโดยมีองครักษ์ลับตามไปเงียบๆ มุ่งหน้าไปที่จวนตระกูลเจียงในทันที
แม้จวนตระกูลเจียงจะมีการคุ้มกันแน่นหนา แต่ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะแอบเข้าไป ชายหนุ่มจำได้ว่าเรือนของเจียงมู่ตานอยู่ที่ใด
เมื่อเข้ามาด้านในแล้ว เขาก็พบว่าด้านในห้องยังจุดเทียนเอาไว้อีกมั้งยังเปิดหน้าต่างรับลมด้วย เขากระโดดเข้าไปทางหน้าต่าง ภาพที่เห็นทำเอาชายหนุ่มถึงกับพูดไม่ออก
ตอนนี้เจียงมู่ตานที่ป่วยหนัก กำลังแช่มือในน้ำนมแพะเพื่อให้มือเนียนหนุ่ม ใบหน้างามก็มีสมุนไพรพอกบำรุงหน้าเอาไว้ ไม่นานนักนางก็ยกมือออกจากอ่างน้ำและบรรจงเช็ดมันอย่างไม่รีบไม่ร้อน จากนั้นก็ยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มอย่างสบายอารมณ์
นี่น่ะหรือสภาพคนป่วย สำราญถึงเพียงนี้?
เจียงมู่ตานเป็นบุตรสาวแม่ทัพแม้นางจะไม่เก่งวรยุทธ์มากมาย แต่เรื่องการระวังตนนางก็ไม่ด้อย เมื่อรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวเข้ามาในห้อง นางจึงคว้าหยิบมีดสั้นเขวี้ยงใส่ทันที แต่อ๋าวเยว่กลับรับมันเอาไว้ได้
"การป้องกันตัวไม่เลยเลยนี่"
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนางจึงหันขวับมามองก่อนจะพบว่าเป็นอาเยว่ของนางนั่นเอง
หญิงสาวมีท่าทีดีใจอย่างไม่ปิดบัง ดวงตานางยามที่มองเขาเป็นประกายระยิบระยับเหมือนดวงดาราบนฟากฟ้า เมื่อถูกสายตาเช่นนี้จ้องมองนานเข้า อ๋าวเยว่ก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก
"อาเยว่ เจ้ามาได้เช่นไร คิดถึงข้าหรือ"
ไม่รอให้เขาตอบ นางก็จับมือเขาไปนั่งที่โต๊ะพร้อมกับรินชาใส่ถ้วยให้แต่อ๋าวเยว่กลับไม่กล้าดื่ม
"นี่คือชาอิ๋นเซิง ไม่มียาปลุกกำหนัด ดื่มได้เจ้าไม่ต้องกลัว"
เอ่ยจบนางก็รีบไปล้างหน้าล้างตา ใบหน้าตอนที่ไร้เครื่องประทินโฉมดูงดงามน่ารักเป็นอย่างมาก
"ว่าอย่างไร มาหาข้ากลางดึกมีอันใด หรือว่าอยากจะมาทำ.."
"ใจคอเจ้าจะคิดถึงแต่เรื่องบนเตียงหรือ"
"ระหว่างชายหญิงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องทำไม่ใช่หรือ"
อ๋าวเยว่คร้านจะถกเถียงเรื่องบนเตียงกับนาง เขายกถ้วยชาขึ้นดื่ม เมื่อเห็นว่าร่างกายไม่มีปฏิกิริยาที่ผิดปกติอันใดเขาจึงวางใจได้
"ได้ยินว่าเจ้าป่วย ข้าจึงมาดูเสียหน่อยว่าเจ้าใกล้จะตายหรือยัง จะได้มาร่ำลาทันท่วงที"
เจียงมู่ตานเมื่อได้ฟังก็ไม่โกธรแต่กลับยิ้มหน้าระรื่น
"ปากคอเจ้านี้เราะร้ายไม่เบา แต่ข้าชอบ บุรุษที่เรียบง่ายน่าเบื่อจืดชืด ข้าไม่ชอบ"
ความคิดแปลกประหลาดนี้เขาเองก็พอเข้าใจได้ คนอย่างนางชอบทำสิ่งใดที่คนอื่นเขาไม่ทำกัน ไม่แปลกที่จะมีความคิดพิศดารพิลึกพิลั่นเช่นนี้
"เจ้าป่วยจริงหรือ สภาพเจ้าไม่เหมือนคนป่วยเลยแม้แต่น้อย"
เจียงมู่ตานเมื่อได้ฟังก็เอ่ยตอบอย่างเกียจคร้าน
"ป่วยที่ไหนกัน ข้าก็แค่ไม่อยากเข้าวังหลวง เจ้าอยู่เมืองหลวง เจ้าคงเคยได้ยินสินะว่าฮ่องเต้องค์ใหม่มีใจอยากรับฮองเฮาและพระสนมเข้าวัง จึงให้สตรีเหล่านั้นไปร่วมงานเลี้ยง แม้แต่ข้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น"
"แล้วเจ้าไม่อยากเข้าวังหลวงหรือ"
เจียงมู่ตานยกถ้วยชาขึ้นดื่มพร้อมกับส่ายหน้า
"ไม่อยาก หากข้าต้องมีสามีเป็นตัวเป็นตนสักคนหนึ่ง ข้าก็คงไม่อยากใช้สามีร่วมกับสตรีอื่น ข้าไม่อาจทนมองสามีตนเองไปอยู่กับสตรีอื่นได้เพราะข้าอาจจะลงมือสังหารสตรีพวกนั้น จากนั้นก็จัดการตัดพวงมังกรเขาทิ้งเสีย อีกอย่างข้าไม่อยากถูกขังอยู่แต่ในวังหลวง วันๆต้องคอยแต่งตัวให้งามเพื่อบุรุษคนเดียว ข้าไม่เอาด้วยคนหรอก อาเยว่ ระหว่างเจ้าไปพักที่ใด ยังไปอยู่ที่จวนของคุณหนูคนอื่นอีกหรือไม่ หากเจ้ามีคนอื่นก็รีบทิ้งพวกนางไปซะ ไม่อย่างนั้นข้าจะไปเผาจวนพวกนาง"
"เหลวไหล ข้าไม่ได้อยู่ที่จวนของสตรีใดทั้งนั้น"
"ดีมาก ว่าแต่เจ้ามาหาข้าแค่เรื่องนี้หรือ หรือว่าเรือดร้อนเรื่องเงิน คราก่อนเงินที่เจ้าได้ไปใช้หมดแล้วรึ แต่ไม่เป็นอันใด ข้าจะไปขโมยเงินท่านพ่อมาให้เจ้าอีก"
"เจ้าจะไปขโมยเงินบิดามาให้ข้าอีกหรือ"
"ถูกต้อง"
มารดามันเถอะ! จิตใจนางทำด้วยอันใดกัน ขโมยเงินบิดามาเลี้ยงบุรุษ
เมื่อเห็นว่ามันชักจะเหลวไหลเกินไปเขาจึงบอกนางว่าไม่ต้อง
นางทิ้งกายลงนั่งข้างเขา ก่อนจะยื่นมือมาเชยปลายคางของเขาเหมือนเช่นที่เคยทำทุกครั้งยามพบหน้ากัน
"อาเยว่ เจ้ารู้หรือไม่ ที่ข้าไม่อยากเข้าวังหลวงก็เป็นเพราะเจ้า"
"เจ้าหมายความเช่นใด"
"ข้าชอบเจ้ามาก ข้าตัดใจจากเจ้าไปไม่ได้ หากข้าเข้าวังแล้วผู้ใดจะส่งเสียเลี้ยงดูเจ้า ข้าเป็นห่วงเจ้า"
อ่าวเยว่ถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก สตรีนางนี้บ้าดีเดือดหนักข้อขึ้นทุกวัน
เมื่อเห็นว่านางสบายดีไม่ได้ป่วยไข้อันใดเขาจึงคิดจะกลับ แต่สตรีน้อยตรงหน้ากลับขวางทางเขาเอาไว้พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์จนเขาขมวดคิ้วมุ่น
"เจ้าจะทำสิ่งใด"
"คืนนี้ค้างกับข้าที่นี่เถอะ ข้าจ่ายให้สามเท่าเลย"
"เจียงมู่ตาน เจ้าเก็บเงินไว้กินข้าวเถอะ"
"เงินกินข้าวข้ามี แต่นี่คือเงินที่ข้าเอาไว้กินเจ้า"
อ๋าวเยว่ถึงกับยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วอย่างอับจนหนทาง เขาไม่ทันได้เอ่ยปากปฏิเสธ เจียงมู่ตานก็ผลักเขาลงไปนอนบนเตียงเสียแล้ว จากนั้นนางก็จัดการดึงทึ้งเสื้อผ้าเขาออก อีกทั้งยังบอกว่าคืนนี้เขาต้องเป็นของนางทั้งคืน
ไม่รู้ว่าเขาถูกผีตนใดเข้าสิงจึงเชื่อคำนาง สุดท้ายจึงยอมค้างคืนกับนางที่นี่
หากจะบอกว่านอนก็คงไม่ถูก เพราะคืนนั้นทั้งคืนนางไม่ยอมให้เขาได้นอนหลับเลยสักตื่นเดียว
