บทที่ 1 ชายงาม
แคว้นซีเป่ย
จวนตระกูลเจียง
หอคณิกาชายหลงเป่า
"รูปงามยิ่งนัก ตั้งแต่เกิดมาข้าเพิ่งเคยเห็นบุรุษที่รูปงามมากถึงเพียงนี้ นัยน์ตาดอกท้อแสนเย็นชา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบ ให้ตายเถอะ สวรรค์ช่างตั้งใจปั้นแต่งยิ่งนัก มาๆดื่มสุราเสียหน่อย วันนี้ข้าจะเลี้ยงเจ้าเอง ข้าจ่ายเงินเพื่อปิดหอคณิกาชายแห่งนี้แล้ว เจ้ามาดื่มสุรากับข้าทั้งคืนเถอะ อ้อ ดีเลย ข้าจะซื้อเจ้ากลับไปที่จวน ให้เจ้าเอาใจทั้งคืนข้าคงจะมีความสุขยิ่งนัก"
เสียงหวานใสของสตรีนางหนึ่งกำลังเอ่ยชื่นชมบุรุษรูปงามตรงหน้าอย่างชอบอกชอบใจ วันนี้นางมาเที่ยวหอคณิกาชายอย่างที่เคยทำเป็นประจำ อีกทั้งยังสั่งปิดหอคณิกาห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้ามารบกวน คนนอกไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าคุณหนูเจียง บุตรสาวคนเดียวของแม่ทัพใหญ่เจียงปลอมตัวเป็นบุรุษมาเที่ยวหอคณิกาชายเพราะนางแต่งกายเยี่ยงบุรุษและสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้
เดิมทีนางเพียงอยากมาเที่ยวหาความสำราญ ไม่ได้คิดจะมีสัมพันธ์ทางกายกับผู้ใด แม้แคว้นซีเป่ยจะไม่ได้เคร่งครัดเรื่องกฏระเบียบ อีกทั้งยังอนุญาตให้เหล่าสตรีสามารถเลี้ยงชายงามเอาไว้ในจวนได้ แต่นางก็เพียงแค่มาชื่นชมเท่านั้น อีกทั้งบุรุษในหอคณิกาชายเหล่านี้ก็ไม่มีใครถูกตาต้องใจนางสักคน
แต่วันนี้นางกลับพบเจอบุรุษที่ถูกใจเข้าเสียแล้ว
นางมีนามว่าเจียงมู่ตาน เป็นบุตรสาวคนเดียวของแม่ทัพใหญ่เจียง ตั้งแต่มารดาตายจากไป บิดาก็เลี้ยงดูนางอย่างตามใจมาโดยตลอด แม้นางจะชอบกินดื่มเที่ยวเล่นแต่กลับไม่ได้หลงมัวเมาแยกแยะถูกผิดไม่ได้ อีกทั้งเดิมทีนางเป็นวิญญาณที่มาจากโลกปัจจุบัน เข้ามาอยู่ในร่างนี้ตั้งแต่สามขวบ ทำให้นางคุ้นชินกับโลกอดีตแห่งนี้ไปเสียแล้ว
ทว่าวันนี้บุรุษตรงหน้ากำลังทำให้ความอดกลั้นที่นางสะสมมาแตกสลายไปภายในพริบตา
นางดื่มจนเริ่มเมาได้ที่ อีกทั้งยังรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาเล็กน้อย หญิงสาวเทสุราใส่จอก ก่อนจะยื่นไปตรงหน้าบุรุษผู้นั้น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจ อีกทั้งยังจ้องมองนางอย่างไม่ชอบใจอีกด้วย
เจียงมู่ตานรู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ดี ช่างท้าทายยิ่งนัก
ชายหนุ่มตรงหน้าส่งเสียงเหอะออกมา เขาไม่คิดเลยว่าการที่เขาอยากออกมาดูความสำราญสุดท้ายแล้วจะต้องพบเจอกับสตรีแต่งกายเป็นชายมาแทะโลมเช่นนี้ ซ้ำร้ายยังคิดว่าเขาเป็นนายคณิกามาใหม่เสียด้วย
เขาก็แค่อยากมาดูว่าชายงามเหล่านี้ทำสิ่งใดบ้างในหนึ่งวัน จึงออกมาเที่ยวเล่นปลอมตัวเป็นชายงามเพื่อแก้เบื่อ
เขามีนามว่าอ๋าวเยว่ เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่แห่งแคว้นซีเป่ย เพิ่งขึ้นครองราชย์มาได้หนึ่งปีเท่านั้น หลังจากเสด็จพ่อทรงสละราชบัลลังก์ก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับราชกิจอีก และยกภาระหน้าที่ทั้งหมดให้เขาเป็นคนจัดการแต่เพียงผู้เดียว
เพราะภาระหน้าที่หลายอย่าง อีกทั้งยังต้องไปออกรบตั้งแต่วัยเยาว์ ทำให้เขาไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวชมความสำราญใด เมื่อกลับมาก็ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ น้อยคนนักที่จะเคยพบเห็นหน้าตาของเขาทเพราะเขาเป็นคนชอบเก็บตัวไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่แปลกที่สตรีนางนี้จะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
เขาอยากจะถีบนางออกไปจากห้องเสีย หรือไม่ก็สั่งให้องค์รักษ์มาลากตัวนางออกไป แต่เขาทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะหากพลั้งมือนั่นเท่ากับเปิดเผยตัวตน เขาไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่ชอบความยุ่งยากซับซ้อนใดใดทั้งสิ้น
เขาทำได้เพียงมองสตรีนางนี้อย่างไม่ชอบใจ ขอเพียงนางกล้าล่วงล้ำเขาอีกหน เขาจะจัดการฟาดคอนางให้สลบไปเสีย
ด้านเจียงมู่ตานนั้น เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ยินดีรับจอกสุรา นางก็แย้มยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะยกจอกสุรานั้นเข้าปากตนแทน
ไม่รอให้เขาได้ตั้งตัว นางก็ยื่นมือไปจับใบหน้าของเขา และประกบริมฝีปากจูบเขาพร้อมกับป้อนสุราในปากตนเข้ามาในปากเขาอย่างรวดเร็ว อ๋าวเยว่ตกใจจนทำสิ่งใดไม่ถูก กว่าจะรู้เขาก็กลืนสุราลงคอไปเสียแล้ว
เหล่าองค์รักษ์ลับที่ซ่อนตัวอยู่ถึงกับตื่นตระหนก แต่กลับไม่กล้าขยับ เพราะฮ่องเต้เคยออกกฏว่าหากไม่มีคำสั่งห้ามปรากฎกายเด็ดขาด
"เจ้า!"
อ๋าวเยว่คิดจะสั่งสอนสตรีนางนี้ให้รู้สำนึก แต่อยู่ๆเขาก็รู้สึกว่าลำคอตนเองแห้งผาก เสียงที่เอื้อนเอ่ยก็ขาดห้วง ใบหน้าของชายหนุ่มเริ่มแดงก่ำ ลมหายใจเริ่มติดขัด รู่สึกร้อนลุ่มไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย
เจียงมู่ตานเองก็เช่นกัน นางรู้สึกว่าวันนี้ร้อนผิดปกติ สุราที่ดื่มเหมือนจะมียาปลุกกำหนัดอ่อนๆผสมอยู่ นางยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งข้างบุรุษผู้นั้น และเอนศีรษะไปพิงซบอกของเขาอย่างถือวิสาสะ
ชายหนุ่มคิดจะผลักนางออก แต่เมื่อได้สัมผัสถูกเรือนกายของนางก็เหมือนมีน้ำเย็นสายหนึ่งราดรดตัว ทำให้เขารู้สึกกระชุ่มกระชวยและคลายความทรมาณลงไปได้มาก
คนทั้งสองเงยหน้ามาสบตากัน ก่อนจะโน้มใบหน้าเขามาจูบกันอย่างดูดดื่ม
เหล่าองค์รักษ์ถึงกับเบือนหน้าหนี ไม่มีคำสั่งพวกเขาจะกระทำการบุ่มบ่ามไม่ได้!
อ๋าวเยว่ดึงทึ้งเสื้อผ้าของเจียงมู่ตานออกจนหมด เจียงหมู่ตานเองก็ช่วยเขาถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว ตอนนี้คนทั้งสองร่างกายเปลือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิด เขาดันตัวนางให้ลงไปนอนราบบนเตียง ก่อจะเป็นฝ่ายพลิกกายขึ้นมาอยู่บนร่างของนาง
ชายหนุ่มพยายามควบคุมจิตใจ แต่ดูเหมือนว่าจะเริ่มไม่ไหวเสียแล้ว เขายื่นมือไปลูบไล้ใบหน้าของนาง ยิ่งเขาสัมผัสตัวนางมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกดีมากเท่านั้น
สติสัมปัญชัญญะของอ๋าวเยว่ขาดผึ่ง
เขาจูบนางอย่าดูดดื่ม มือไม้ก็ซุกซนไม่น้อย
มือหนาใหญ่ลูบไล้ไปทั่วเรือนกายสาว ก่อนที่เขาจะเลื่อนใบหน้ามาจูบไซ้ซอกคอขาวเนียนของนาง กลิ่นเครื่องประทินโฉมที่หอมอ่อนๆยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ของเขาให้พลุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น
อ๋าวเยว่ใช้ฝ่ามือหนาใหญ่บีบขยำดอกบัวงามสองดอกที่เต่งตึงชูช่อจนเกิดเป็นรอยแดงห้านิ้ว เขาครอบริมฝีปากกลืนกินจุกบัวสีหวานอย่างหิวกระหายจนมันเกิดเสียงดังจ๊วบๆ
"อ๊า"
เจียงมู่ตานส่งเสียงแว่วหวานร้องครางด้วยความสุขสม ยามที่ปลายลิ้นร้อนของเขาตวัดแลบเลียงปลายยอดถันของนางให้ความเสียวซ่านและสุขสมเป็นอย่างมาก หญิงสาวบิดกายเร่าๆ พลางส่งเสียงหวานครางกระเซ่าด้วยความเสียวสะท้าน
ชายหนุ่มค่อยๆใช้ปลายลิ้นแลบเลียลงมาตามท้องน้อยของนาง ปลายลิ้นสากร้อนโลมเลียลงมาตามเรียวขางาม ผิวกายของนางเนียนละเอียด ขาวราวหิมะ ช่างน่าสัมผัสเป็นอย่างมาก ภาพที่นางนอนร้องครวญครางด้วยความสุข ช่างเหมือนเทพธิดาบนสวรวงสรรค์กำลังร้องเพลงอย่างไรอย่างนั้น
เจียงมู่ตานถึงกับสะดุ้งเฮือก เมื่อชายหนุ่มอ้าขาของนางออกจนกว้าง ก่อนจะใช้นิ้วมือแบะกลีบกุหลาบแดงให้แย้มบาน แล้วจึงใช้ปลายลิ้นลิ้มลองเม็ดเกสรสีหวาน พร้อมทั้งดูดดึงขบเม้มมันอย่างเอาแต่ใจ
"อื้อ เสียว"
นางส่งเสียงครางอีกครั้ง พร้อมกับยื่นมือไปกดศีรษะของชายหนุ่มเอาไว้ อ๋าวเยว่ตวัดลิ้นแลบเลียไปทั่งทั้งร่องกลีบบุปผางามอย่างถี่ระรัว ยิ่งนางส่งเสียงร้องครางปานจะขาดใจเขาก็ยิ่งเร่งจังหวะลิ้นให้เร็วแรงมากยิ่งขึ้น น้ำหวานสีใสไหลเยิ้มออกมาจากดอกไม้งาม มันช่างหวานล้ำยวนใจเป็นอย่างยิ่ง
ร่างบางกระตุกเกร็งหลายครั้ง ดวงตาเหม่อลอยราวกับว่ากำลังล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าที่แสนงดงาม
นางหายใจเหนื่อยหอบพลางช้อนสายตามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาที่หวานหยาดเยิ้ม ก่อนจะยื่นมือมาผลักเขาลงไปนอนราบบนเตียง แล้วจึงจัดการเล่นสนุกกับร่างกายของเขา นางตวัดลิ้นโลมเลียไปทั่วร่างกายของอ๋าวเยว่อย่างหื่นกระหาย ในยุคปัจจุบันที่นางจากมาไม่ใช่ว่าไม่เคยทำเรื่องพวกนี้ ประสบการณ์นางก็มีไม่น้อย
นางค่อยๆเลื่อนใบหน้ามาจนถึงลำแท่งมังกรที่ตอนนี้แข็งชูชันท้าทางสายตายิ่งนัก หญิงสาวยื่นมือไปจับมันก่อนจะจัดการรูดชักขึ้นลงเป็นจังหวะช้าๆและเร่งจังหวะมือให้เร็วแรงมากยิ่งขึ้น ก่อนจะครอบริมฝีปากกลืนกินท่อนเนื้อท่อนเฺอ็นของเขาจนมิดลำ พลางขยับศีรษะขึ้นลงอย่างถี่ระรัว อ๋าวเยว่ถึงกับร่างกายสั่นสะท้าน เขาเสียวเสียจนต้องยกเอวขึ้น ดูเหมือนนางต้องการจะหยอกเขา ยิ่งเขาเสียวมากเพียงใดนางก็ขยับศีรษะขึ้นลงรุนแรงมากขึ้น
หญิงสาวยังคงใช้มือชักรูดลำแท่งเอ็นร้อนไม่หยุด ก่อนจะดูดที่ปลายหัวหยักอย่างแรง อ๋าวเยว่ส่งเสียงครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน ก่อนที่ร่างใหญ่จะกระตุกเกร็งและปล่อยน้ำรักสีขาวขุ่นออกมา เจียงมู่ตานไม่รอช้ารีบดูดดื่มเข้าไปในลำคอไม่ให้แม้เพียงสักหยดเดียว
รสชาติดียิ่งนัก
หญิงสาวยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปากตน ท่าทางเช่นนี้มันช่างยั่วยวนสายตาของอ๋าวเยว่ยิ่งนัก เขาเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาอีกรอบ ชายหนุ่มคว้าร่างนางเข้ามาในอ้อมกอดพร้อมกับจูบนางอย่างดูดดื่ม ก่อนจะกดร่างบางลงกับเตียง และบดเบียดความเป็นชายเข้าไปในช่องทางรักของนางจนมิดลำโคน
เจียงมู่ตานทั้งเจ็บทั้งจุกจึงคิดจะผลักเขาออก แต่ชายหนุ่มตรงหน้ากลับไม่ยอมให้นางจากไปโดยง่าย เขาจับสองมือของนางกดลงไปกับเตียง ก่อนจะค่อยขยับสะโพกหนาเข้าออกช้าๆและเร่งจังหวะให้เร็วแรงมากยิ่งขึ้น
เสียงเตียงสั่นไหวเป็นจังหวะลามก จนเหล่าองค์รักษ์วางหน้าไม่ถก พวกเขาไม่กล้ากันไปมองเพราะเกรงจะถูกลงโทษ
อ๋าวเยว่จับเรียวขางามของนางขึ้นมาพาดบ่า ก่อนจะกระแทกกระทั้นท่อนเนื้อท่อนเอ็นเข้าออกอย่างถี่ระรัว ในขณะที่มือใหญ่ก็บีบขยำหน้าอกของนางอย่างเมามัน
"โอว ซี๊ด"
"อ๊า เสียว"
คนสองคนส่งเสียงคราวญครางออกมาด้วยความเสียวสะท้าน เจียงมู่ตานกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น รู้สึกเสียวเสียจนอยากจะกรีดร้องออกมา
คนร่างสูงยังคงกระแทกความเป็นชายเข้ามาในตัวนางไม่หยุด จนเวลาผาานไปราวครึ่งชั่วยามในที่สุดเขาก็เสร็จสมอารมณ์หมาย
นางถูกเขาจับตัวพลิกไปมาจนปวดไปทั้งตัวหญิงสาวถึงกับนอนหายใจเหนื่อยหอบเพราะความเหนื่อยล้า
หลังจากเสร็จกิจ ยาปลุกกำหนัดก็หมดฤทธิ์พอดี
อ๋าวเยว่ได้สติก็ลุกพรวดขึ้นมา ก่อนจะใช้มีดสั้นจ่อที่ลำคอของนาง เจียงมู่ตานเองสังเกตเห็นว่าเขามีท่าทีแปลกไป จึงจัดการทุบถ้วยชาจนแตกเป็นเสี่ยง และเอาเศษถ้วยชามาจ่อที่ลำคอของเขาเช่นเดียวกัน
อ๋าวเยว่เลิกคิ้วมองนางอย่างไม่ละสายตา
"เจ้า?"
"เอาสิ แทงกันคนละแผลไปเลย ตายก็ตายด้วยกัน ข้าไม่ยอมไปปรโลกคนเดียวหรอก เหอะ เมื่อครู่นี้เจ้ายังเล่นสนุกกับร่างกายข้าอย่างหน้าไม่อายอยู่เลย พอได้ข้าแล้วก็จะฆ่าจะแกงข้าหรือ เฮงซวย บัดซบ คนใจหมา!"
องค์รักษ์ลับถึงกับสะดุ้งโหยง นี่นางถึงกับกล้าด่าฮ่องเต้เชียวหรือ
อ๋าวเยว่ส่งเสียงเหอะในลำคอ เขาลดมีดลง ก่อนจะยื่นมือมาบีบปลายคางของนาง
"จำไว้ อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครว่าเจ้ามีความสัมพันธ์กับข้า"
"ประหลาดคน เจ้าเป็นชายขายเรือนกายไม่ใช่หรือ จะอายไปทำไมกัน"
"หุบปากของเจ้าไปเสีย!"
เจียงมู่ตานเหนื่อยเต็มทนจึงไม่อยากจะเถียงกับเขาแล้ว ก่อนหน้านี้นางไม่ได้อยากให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นแต่ไม่รู่ว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนสุรานี่จะมีปัญหา
นางรีบลุกขึ้นมาแต่งกายอย่างรวดเร็วก่อนจะกันมาเอ่ยกับเขา
"ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เอาเรื่องน่าอายนี่ไปโพนทนาให้ผู้ใดรู้หรอก ส่วนนี่ค่าตัวของเจ้า ขออภัยด้วย ข้าเอาเงินไปปิดหอคณิกาเพื่อหาความสำราญใจหมดแล้ว เหลือติดตัวอยู่เพียงห้าอีแปะ เจ้าเอาไปก่อนเป็นค่าตัวงวดแรก"
เอ่ยจบนางก็โยนเศษเงินมาตรงหน้าเขาอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินโซซัดโซเซจากไป อ๋าวเยว่ไม่ได้ให้คนของตนตามนางไป เขามองเศษเงินห้าอีแปะตรงหน้าตาปริบๆ
อันใดกัน นี่ฮ่องเต้อย่างเขามีค่าตัวเพียงแค่ห้าอีแปะอย่างนั้นหรือ!
บัดซบ ใครกันแน่ที่ใจหมา!
