บท
ตั้งค่า

เชลยแค้น : 1 (1/3) เจ้าสาวผู้อาภัพ

ร่างอ้อนแอ้นอรชรในชุดเจ้าสาวสีแดงสดไม่ต่างจากสีบนริมฝีปากอิ่ม ที่เม้มแน่นเพราะกำลังกลั้นเสียงสะอื้นไห้ให้อยู่ภายในลำคอ ดวงตากลมโตทั้งสองข้างแดงก่ำมีน้ำสีใสคลอหน่วยพร้อมไหลรินอาบใบหน้างาม แม้จะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้ออกไปบ้างแล้ว ทว่ามันกลับไร้วี่แววจะเหือดแห้งหายไป

หลังจัดการแปลงโฉมเจ้าสาวจนงดงามไร้ที่ติ แม้แต่เดิมสตรีผู้นี้จะโฉมสะคราญโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางอยู่แล้ว นางกำนัลซึ่งถูกส่งตัวมาจากทางฝั่งของเจ้าบ่าวทั้งสี่คน จึงค่อยๆ ทยอยเดินออกจากห้องไปยืนรออยู่ด้านนอก ให้ผู้เป็นเจ้าของห้องได้มีเวลาอยู่กับตัวเองสักระยะ

เวลานี้จวนจะถึงฤกษ์ที่เจ้าสาวควรออกไปขึ้นรถม้าได้แล้ว ทว่านางยังคงนั่งทอดสายตามองเงาของตนซึ่งสะท้อนอยู่ในกระจก ด้วยสายตาเศร้าโศกเสียใจไร้วี่แววการเคลื่อนขยับกายไปไหน จนบุคคลซึ่งมารอรับอยู่ด้านนอก ต้องเปิดประตูเข้ามาเอ่ยปากเร่งเสียงเข้มด้วยกระแสเสียงที่ดูคล้ายไม่พอใจอยู่กลายๆ

“คุณหนูหม่า ถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางกันแล้ว”

‘หม่าเยว่ซิน’ บุตรสาวเพียงคนเดียวของอดีตแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเฉิง ทำเพียงปรายตามองอีกฝ่ายในเงาสะท้อนของกระจก ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยซับน้ำตาอีกครั้ง สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสร้างกำลังใจให้ตนเองมีแรงฮึดสู้ ไม่ใช่สู้เพื่อตัวเองแต่สู้เพื่อบิดาซึ่งถูกขังอยู่ในคุกหลวงต่างหาก

ร่างเล็กลุกขึ้นยืนเต็มความสูงราวๆ ห้าสิบชุ่น (166 เซนติเมตร) ใช้สองมือจับชายกระโปรงยาวระพื้นยกเพียงนิดให้ก้าวเท้าได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม เดินออกมาด้านนอกโดยมีเหล่านางกำนัลทั้งสี่และผู้คุมขบวนเจ้าสาวเดินตามอยู่เบื้องหลัง

หม่าเยว่ซินหันมองบรรยากาศภายในจวน ที่ตนเคยอาศัยอยู่มาตั้งแต่ยังแบเบาะด้วยสายตาเจ็บปวด มันเคยครึกครื้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้อยู่อาศัย มีแต่เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขดังกึกก้องอยู่ในจิตสำนึกที่นางจำได้ แต่บัดนี้กลับหลงเหลือเพียงความว่างเปล่า

มีแต่คนแปลกหน้าซึ่งถูกส่งมาจากตำหนักซินอี๋ ให้มาควบคุมดูแลหม่าเยว่ซินในตลอดระยะเวลาสามเดือนเต็ม ดั่งนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ที่ต้องได้รับการกักขังเข้มงวด ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วนางก็เป็นเพียงสตรีบอบบางธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

ผู้คนในบ้านต่างแตกฉานซ่านเซ็นไปคนละทิศละทาง เพราะมิอาจอยู่พร้อมหน้าเหมือนแต่ก่อนได้อีก ทิ้งเพียงความเศร้าโศกเสียใจและร่องรอยของน้ำตาไว้ให้คนที่ยังอาศัยอยู่รู้สึกปวดร้าว แต่ตอนนี้ผู้พำนักอาศัยคนสุดท้ายของบ้านกำลังจะจากไปเช่นกัน

เท้าเล็กก้าวผ่านประตูจวนออกมายืนอยู่ด้านนอก ค่อยๆ หมุนกายกลับไปทอดมองบ้านของตัวเองด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์อีกครั้ง จนผู้คุมขบวนต้องส่งสัญญาณให้ทหารองครักษ์ปิดประตูไม่ให้นางเห็นภายในได้อีก

“ไปกันได้แล้วคุณหนูหม่า อย่าให้องค์ชายต้องทรงรอนาน ท่านก็รู้อยู่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร”

ประโยคข่มขู่กลายๆ ถูกเอื้อนเอ่ยก่อนร่างสูงใหญ่จะเดินผ่านหม่าเยว่ซินไปกระโดดขึ้นนั่งบนหลังม้า ใบหน้าสวยฉายแววความหนักใจ ถอนหายใจเพียงนิดก่อนหมุนกายหันกลับไปมองหารถม้า ที่เข้าใจว่าจอดรอรับอยู่ด้านหลังทว่ากลับไม่พบมัน

หม่าเยว่ซินเงยหน้าขึ้นมองผู้คุมขบวนด้วยแววตาสงสัย เขารับรู้ได้ในทันทีว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ภายในใจ จึงเอ่ยปากชี้แจงแถลงไขให้รับรู้อย่างกระจ่างแจ่มชัด

“ไม่มีรถม้าให้ขึ้นนั่ง องค์ชายมีคำสั่งให้ท่านเดิน”

กล่าวจบผู้นำขบวนจึงบังคับให้ม้าออกตัวเคลื่อนขยับไปด้านหน้า โดยไม่รอฟังความคิดเห็นใดจากสตรีที่ยังยืนทำหน้าวิตกกังวลอยู่เบื้องหลัง

ระยะทางจากจวนอดีตแม่ทัพใหญ่ไปยังตำหนักซินอี๋แม้จะไม่ไกลเท่าไหร่นัก ทว่าหากเดินเท้าโดยสวมชุดเจ้าสาวซึ่งมีน้ำหนักพอสมควร ไหนจะเครื่องประดับศีรษะซึ่งดูอลังการงานสร้างนี่อีก ก็ดูเป็นเรื่องที่ลำบากพอสมควรสำหรับสตรีรูปร่างบอบบาง

แต่ตอนนี้หม่าเยว่ซินอยู่ในสถานะที่ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องสิ่งใดได้ จำต้องก้มหน้ายอมรับในสิ่งที่ตนต้องเผชิญ เอื้อมจับผ้าคลุมศีรษะปิดบังใบหน้า ดึงรั้งชายกระโปรงให้ลอยเหนือพื้นเพื่อให้ก้าวเดินได้สะดวก ขยับกายเดินตามขบวนเจ้าสาวซึ่งกำลังเคลื่อนที่ออกห่างไปเรื่อยๆ

มันดูไม่เหมือนขบวนงานมงคลสมรสสักนิด หากหม่าเยว่ซินไม่ได้สวมใส่ชุดเจ้าสาวอยู่บนเรือนร่าง คงดูคล้ายกับว่านางกำลังถูกคุมตัวไปสอบสวนความผิด

แอบมาเซอร์ไพรส์ล่วงหน้า 1 วันค่า >__<

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel